วันหยุดยาวทั้งทีเราติดเข้าเวรอดกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเศร้าใจเนอะ แต่เราสลดทิ้งความเศร้าอันขมขืนไว้ข้างหลังด้วยการไปเที่ยวในกรุงเทพนี้แหละ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนดี ที่เที่ยวบางที่ต้องขับรถไป แต่ถ้าขับรถไปแล้วไม่มีที่จอดรถจะเสียทั้งอารมณ์และเวลามาก เลยตัดสินใจนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) จากสถานีลุมพินีไปลงสนามไชย เราเพิ่งเคยมาสถานีนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งก็สวยอย่างที่คนอื่นเขาบอกจริงๆ แต่ด้วยความสับสนในการหาทางออก เราเลยเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ แต่สุดท้ายก็โผล่พ้นดินออกมาได้และดันยืนอยู่หน้าสยามมิวเซียมพอดีจ้า โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ มิวเซียมสยามเปิดให้เข้าฟรีจ้า เลิศมาก! ได้สติ๊กเกอร์แปะที่เสื้อปุ๊บ ไปจ้าไป let’s gooooo!!! จะช้าอยู่ใย เอ๊า ฮาฮ่าไฮ เดินไปไวๆ จะได้ไปตากแอร์ แฮร่!! เราเป็นคนตลก (แป๊กไม่แป๊ก มันฟ้องด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณผู้อ่านนะจ้า) เวลาเดินชมภายในอาคารโปรดฟังเจ้าหน้าที่ด้วยนะ (อย่าเหมือนเรา เล่นเดินดุ๋มๆอย่างเดียวแล้วเป็นไงหล่ะ ไปผิดโซนจ้า) ให้เริ่มเดินขึ้นบันไดไปชั้นที่ 3 พอถึงจะเห็นป้ายทางเข้าของห้องแรก เข้าไปเลยๆ วินาทีที่เดินเข้าไปคุณผู้อ่านจะสัมผัสได้ถึงความเป็นไทยได้ทันที เพราะจะมีหุ่นสวมชุดไทยสไบงามยืนหมุนติ๊วๆอยู่กลางห้อง พร้อมกับแสงไฟ spot light สาดส่องลงมา หากเจอแบบนี้ก็เข้าถูกห้องแล้วจ้า คุณผู้อ่านจะเดินชมก่อนก็ได้หากไม่ได้รู้สึกหลอนอะไร แต่พอดีว่าเรากลัวนิดนึงเลยเดินมาอีกห้อง โดยภายในจะทำให้เราคอยถามตัวเองตลอดว่า เห้ย แบบนี้ก็มีหรอ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย เพราะทุกนิทรรศการจะเล่าเรื่องราวต่างๆในอดีตเยอะแยะตาแป๊ะขายไก่มาก ลองเปิดเล่นดูและดูให้ครบทุกกล่องทุกชั้นเป็นอะไรที่น่าค้นหามากให้ระวังอย่างเดียวคือเปิดดูผิดฝั่ง มาต่อกันที่ห้อง 3 และ 4 ห้องนี้เราขอไม่บรรยาย อยากให้คุณผู้อ่านเข้ามาดูกันเอง เพราะถ้าเป็นคน sensitive มากๆ คุณอาจมีน้ำตาคลอที่เบ้าตาเหมือนกับเราเลย แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากันๆ ส่วนห้อง 5 และ 6 จะเป็นห้องแบบไทยๆ เราอยากให้เดินตรงมาเรื่อยๆจะห้องที่มีหุ่นเต็มอยู่ไปหมด ถ้าใครแฟนตัวยงของเจ้าของเพลง “ก่ากา อุ๊ลาล่าลา หลำมาหลำมาอ๊ะอ่า” เลดี้กาก้า คงจะชอบน่าดูเพราะที่นี้มีชุดที่ศิลปินท่านนี้ใส่ตอนแสดงคอนเสิร์ตในไทยด้วยแหละ จากนั้นเดินลงมาชั้น 2 แบบสวยๆ อีกเช่นเคยมีหลายห้องมากตั้งแต่ 7 - 13 เริ่มเดินจากห้องโถงตรงกลางซึ่งจะมีโมเดลอาหารมากมายเรียงรายภายในห้องนี้ เดินตรงเข้าไปคุณผู้อ่านจะสังเกตเห็นตู้ที่มีจอดำบางอย่างที่มีสวิสแบบคันโยกตรงมุมขวาด้านล่าง ทีนี้จ้าให้เอาดวงตาอันงดงามและเปล่งประกายมองผ่านจอดำ แล้วใช้มือเลื่อนสวิสต์ไปทางซ้ายก่อนปรับเปลี่ยนมาทางขวาบ้าง **แต่ๆๆเราแนะนำให้เริ่มจากตู้ที่ 2 นับจากซ้ายมือของคุณก่อนนะ มันดีมากจริงๆ (รู้สึกดียังไงให้คอมเม้นดูนะ) เอาหล่ะไปห้องถัดไปกัน นิทรรศการห้องนี้ให้ความรู้สึกหวนรำลึกสมัยที่ผมของเราเด๋อๆเท่าติ่งหูแหละ (แต่ก็ดีเหมือนกัน แม้ผมเราเด๋อ หน้าเอ๋อๆแบบนี้ก็มีป๊อปปี้เลิฟนะเห้ย) ห้องที่ 9 เค้าจะทำอาหารทิพย์ให้เราดูด้วยพร้อมกับอธิบายถึงที่มาของเมนูที่คุณเลือกหยิบจานเปล่ามาให้เค้าทำอ่ะ ลองไปเลือกกันดูมีหลายเมนูมากๆ ส่วนห้องที่ 10 จะมีปฏิทินจีนติดอยู่ฝาฝนังหลายเล่ม ให้ใช้เอามือกรีดดูนะ แต่อย่าลืมล้างมือด้วยเจลหลังเล่นด้วยหล่ะ เตือนแล้วนะ!!! คุณผู้อ่านเราเหนื่อยแล้วอ่ะ ยังข้างอีก 3 ห้องสุดท้าย เอาสั้นๆ กระชับนิดนึงเนอะ คุณจะได้พบความอลังของของขลังทั่วไทยกับนิทรรศการน่ารักๆ แต่ที่เราชอบสุดก็ความหลากหลายของรอยยิ้มแห่งสยาม โดยเฉพาะการยิ้มแห้งเพราะความหมายเหมาะกับเรามากๆเลยหล่ะ โดยความหมายของรอยยิ้มดังกล่าวคืออะไร คุณผู้อ่านลองไปเยี่ยมชมมิวเซียมสยามกันต่อเองนะ เดินทางง่ายด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ลงสถานีสนามไชย ออกประตู 1 จบนะ… บายจ้า…. // ภาพถ่ายทั้งหมดโดย แสงแข //