เมื่อการนำทั้งข้าวราดแกง + อาหารตามสั่งที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันจากร้านอาหารข้างทางหรือฟู้ดคอร์ทที่จับมารวมกัน แต่ยังไม่พอ ยังถูกประยุกต์มาเป็นบุฟเฟต์ให้ลูกค้าได้เลือก ตัก และลิ้มลองรสชาติของเมนูกับข้าว ไปจนถึงการ Mix เมนูได้อย่างอิสระ แถมสะอาด เย็นสบาย บริการดีทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของ Miracle Co-working space ที่จัดบริการบุฟเฟ่ต์ข้าวราดแกง-อาหารตามสั่งสไตล์ไทย ๆ ให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยก่อนขึ้นเครื่องบิน ใช่แล้ว บุฟเฟ่ต์แห่งนี้ตั้งอยู่ในสนามบินดอนเมือง ซึ่งอยู่ในโซนเดียวกับ Sleep Box และ Miracle Co-working space ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจโรงแรมในเครือ Miracle Group ที่สำคัญ บุฟเฟ่ต์เจ้านี้...ก็ไม่แพงอย่างที่คิดด้วย บุฟเฟ่ต์ข้าวราดแกงอาหารตามสั่งสไตล์ไทย... ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan โซนบุฟเฟ่ต์ดังกล่าวจะอยู่ในบริเวณชั้น 4 ฝั่งอาคารผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ อาคาร 2 หรือ Terminal 2 (ชั้นเดียวกับที่มีบริการ Sleep Box และ Miracle Co-working space) โดยหากมาทางฝั่งอาคารอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (อาคาร 1) จะต้องเดินไปทางขวามือจนสุดอาคาร แต่ถ้ามาจากอาคารจอดรถ 7 ชั้นจะมีความได้เปรียบเพราะอยู่ใกล้มาก แค่เข้าประตูทางเข้า มองไปทางซ้ายก็พบเลย ซึ่งในปัจจุบันบริการบุฟเฟ่ต์ใน Miracle Co-working space จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ บริการบุฟเฟ่ต์นานาชาติภายใน Co-working space ซึ่งจะมีราคา 350 บาท / ท่าน / 2 ชั่วโมง ส่วนบุฟเฟ่ต์ข้าวราดแกงอาหารตามสั่งที่อยู่ในเครือเดียวกัน จะอยู่ด้านนอก พร้อมโต๊ะให้บริการ ราคาเพียง 200 บาท / ท่าน / 2 ชั่วโมง! ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan โดยจุดเด่นของพื้นที่บุฟเฟ่ต์ส่วนนี้ จะแบ่งออกเป็นโซนข้าวราดแกงที่บริการด้วยตัวเอง มีข้าวหอมมะลิ พร้อมกับข้าวหลายรายการ กับอีกโซนจะเป็นโซนอาหารตามสั่ง ที่มีทั้งข้าวผัด เมนูเส้น เมนูกะเพรา นอกจากนี้ยังมีโซนเครื่องดื่มที่มีทั้งกาแฟซอง กาแฟสด เมนูชาร้อน-ชาเย็น น้ำผลไม้ น้ำเปล่า รวมถึงของหวานที่มีทั้งผลไม้และขนมไทย-เค้กขนาดพอดีคำ ทั้งหมดนี้จ่ายเพียง 200 บาทเท่านั้น ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan สำหรับโซนที่นั่งนั้นจะเป็นโต๊ะขนาดเล็กที่สามารถนั่งได้ 1 - 2 คน แต่สามารถขอทางเจ้าหน้าที่เพื่อต่อโต๊ะสำหรับลูกค้าหลายคนได้ ทั้งนี้ตรงโต๊ะติดผนังจะมีปลั๊กไฟสำหรับชาร์จสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ได้อีกด้วย แต่โดยรวมแล้วก็เหมาะสำหรับนั่งรับประทานอาหารตั้งแต่ 1-2 คนโดยประมาณ เริ่มหิวแล้วก็จัดซะเลย... ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan ก่อนอื่นก็เริ่มจากโซนบริการด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีตั้งแต่ข้าวหอมมะลิ เมนูกับข้าว แกงต่าง ๆ และของทอดทานเล่น เช่น ไส้กรอกทอด ที่ลูกค้าสามารถกะปริมาณในการตักได้ตามต้องการ โดยจะมีภาชนะทั้งชามและจาน แม้ว่าภาชนะอาจจะมีขนาดที่เล็กสักหน่อย แต่จะช่วยให้คุณสามารถรับประทานเมนูได้อย่างหลากหลาย สำหรับเมนูในวันนี้มีทั้งผัดบวบ, ผัดเผ็ดหน่อไม้, ผัดเผ็ดเต้าหู้, แกงจืดหมูสับ, ไส้กรอกทอด เป็นต้น รวมถึงมีจุดบริการเครื่องดื่มด้วยตัวเองที่สามารถรีฟิลได้ไม่จำกัดเช่นกัน แถมมีหลากหลายด้วย ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan ด้านฝั่งอาหารตามสั่งจะมีทั้งข้าวผัด, ผัดซีอิ๊ว, ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่, ก๋วยเตี๋ยวหมู, ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา, เย็นตาโฟ ทั้งนี้ เมนูผัดต่าง ๆ จะมีเพียงแค่เนื้อหมู กับเนื้อไก่เท่านั้น ส่วนก๋วยเตี๋ยวถ้าเน้นเครื่องหลากหลายก็ขอแนะนำเย็นตาโฟ ส่วนปริมาณที่ได้ต่อจานนี้นจะน้อยกว่าร้านอาหารตามสั่งหรือร้านก๋วยเตี๋ยวในปริมาณ 2 ใน 3 แต่ช่วยให้ลูกค้าเปิดโอกาสได้ลองอีกหลายเมนูโดยที่ไม่ชิงจุกซะก่อน เช่น อยากทานเย็นตาโฟคู่กับข้าวผัดหมู เป็นต้น ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan ด้านเมนูกับข้าวราดต่าง ๆ โดยเฉพาะเมนูเผ็ด จะมีความเผ็ดแค่ปานกลาง ไม่เน้นรสจัด ส่วนพวกเนื้อหมูสับก็มีความเป็นเนื้อล้วน ๆ ไม่มีกระดูกอ่อนผสม รับประทานได้สบายใจ สำหรับคะแนนโดยรวมถือว่าปานกลาง รสชาติกำลังดีไม่จัดเกินไป ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan มาด้านเมนูอาหารตามสั่ง ผมเลือกผัดซีอิ๊วหมู กับก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา เริ่มจากผัดซีอิ๊ว เมื่อทานคำแรก ก็จะให้ความรู้สึกถึงความ "กรอบ" ของไข่ ตัวเส้นผัดคลุกกับซีอิ๊วได้ลงตัว ไม่ขาด ไม่เกิน ด้านเส้นก็เหนียวนุ่มกำลังดี เคี้ยวง่าย ทำให้ผมนึกถึงผัดซีอิ๊วโบราณเลยทีเดียว ส่วนรสชาติ จะเน้นความมัน ๆ หวานเล็กน้อย ถูกใจคนชอบรสไม่จัด ในฐานะที่ผู้เขียนชื่นชอบผัดซีอิ๊วเป็นพิเศษ ถือได้ว่ามีความน่าประทับใจดีแม้ปรุงแค่พริกไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถ้ารสชาติมันจืดไม่โดนใจก็สามารถปรุงเพิ่มได้ด้วยตัวเอง น้ำตาล น้ำปลา พริก ที่นี่มีพร้อม ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan ส่วนอีกเมนูหนึ่งจะเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาชามตาไก่น่ารัก ๆ เครื่องอย่างผักก็แน่นทีเดียว ส่วนเส้นนั้นเนื่องจากสั่งมาในช่วงแรก ๆ แต่ผู้เขียนดันเลือกรับประทานเป็นเมนูท้าย ๆ เส้นก๋วยเตี๋ยวจึงดูดน้ำซุปมากไปจนแทบจะเปื่อย แต่ตัวเส้นจะให้ความรู้สึกเหมือนเส้นแบบโบราณนุ่ม ๆ ทานลื่นคอ รสชาติน้ำซุปจะค่อนข้างไปทางจืด ๆ มัน ๆ โดยได้ความหอมจากกระเทียมเจียวและน้ำซุป ส่วนลูกชิ้นปลาเนื้อแน่น มีความหอมของเนื้อปลาดี หากไม่ปรุงอะไรเลยอารมณ์เหมือนรับประทานน้ำซุปหลังอาหารมื้อหนักก็ไม่ปาน ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan ด้านเรื่องดื่มนั้น มีให้เลือกมากกว่าแค่น้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว เพราะมีทั้งชา กาแฟ กาแฟสด น้ำผลไม้ ชามะนาว (แต่ไม่มีน้ำอัดลม) ที่สามารถรีฟิลได้ตลอดเวลาภายใน 2 ชั่วโมงหรือออกจากร้าน ช่วยลดความจำเจได้ดีทีเดียว รวมไปถึงตัวเครื่องดื่มเย็นก็ถือได้ว่าเย็นกำลังดี แต่ถ้าอยากเย็นกว่านี้ก็มีน้ำแข็งตักเอง ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน ที่มีทั้งผลไม้แช่เย็นแล้ว ยังมีขนมไทย เช่น ขนมหม้อแกง ขนมตาล รวมถึงเค้กขนาดพอดีคำ หวานกำลังดี เอามะพร้าวมาแต่งหน้าเค้กทานพร้อมกันก็เพลินดี เรียกได้ว่าจบฟูลคอร์สได้ใน 1 มื้อ และจบภายใน 200 บาทพอดี อิ่มท้องแล้วก็มาสรุป บุฟเฟ่ต์ข้าวราดแกงอาหารตามสั่งจาก Miracle Co-working space เป็นอีกหนึ่งการให้บริการอาหารสำหรับผู้มาใช้บริการสนามบิน นักท่องเที่ยว และผู้สนใจอาหารบุฟเฟ่ต์ แม้จะมีราคาที่สูงถึง 200 บาท แต่คุณก็สามารถเลือกรับประทานได้อย่างหลากหลายเมนู แถมมีรสชาติที่ดี ไม่จัดเกินไป ปรุงหรือเอากับข้าวมา Mix กันได้ตามใจชอบ แถมครบทั้งของคาวยันของหวานจบในหนึ่งเดียว เรียกได้ว่าทั้งจุก ทั้งคุ้ม ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan ทั้งนี้ บุฟเฟ่ต์ข้าวราดแกงอาหารตามสั่งจาก Miracle Co-working space เปิดให้บริการทุกวันที่ชั้น 4 ฝั่งอาคารผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ อาคาร 2 หรือ Terminal 2 ตั้งแต่ 7.00 น. ถึง 20.00 น. ครอบคลุมทั้งมื้อเช้า กลางวัน เย็น ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจที่สายบุฟเฟต์ควรหาโอกาสมาลิ้มลองกัน