วันที่ 15 สิงหาคม เป็นวันแห่งปลาดิบ ซึ่งในวันนี้เมื่อปี ค.ศ. 1448 ได้มีการบันทึกคำว่า Sashimi เป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรก สำหรับคนที่ชอบรับประทานอาหารญี่ปุ่นคงจะรู้จักกับ ซาชิมิ เป็นอย่างดี ซึ่งคำว่า ซาชิมิ นั้นไม่ได้หมายถึงแค่ปลาดิบ แต่หมายถึงการนำเนื้อดิบจากสัตว์ เช่น ปลาชนิดต่าง ๆ, ปลาหมึก, หอย เป็นต้น มาหั่นหรือแล่สด ๆ แล้วรับประทานโดยไม่ผ่านการปรุงด้วยความร้อน ประเทศญี่ปุ่นเป็นเกาะ ล้อมรอบด้วยทะเลจึงทำให้สามารถหาอาหารทะเลที่สดใหม่มารับประทานได้ในทุก ๆ ฤดูกาล ความสำคัญในการรับประเทศซาซิมิก็คือวัตถุดิบ ที่ต้องสะอาดและสดใหม่ พิถีพิถัน ในทุกขั้นตอน ซึ่งในการรับประทานซาซิมิที่นอกจากอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ ต่อร่างกาย แต่ข้อเสียคือมีคอลเลสเตอรอลสูง และต้องเลือกร้านที่สะอาด ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ เพราะการรับประทานซาซิมิที่ไม่ผ่านการปรุงรสเสี่ยงต่อพยาธิและเชื้อโรคที่ปลอมปนมากับอาหาร การรับประทานซาซิมิ ชาวญี่ปุ่นแนะนำว่าให้ทานปลาที่มีเนื้อสีขาวก่อน ต่อด้วยปลาเนื้อสีเงิน และปลาเนื้อสีแดง ปลาที่มีรสเข้มข้น เช่น แซลมอน และปลาที่มีไขมันสูง ให้ทานลำดับสุดท้าย เพื่อที่เราจะได้เพลินไปกับรสชาติของปลาทุกชนิดที่เรารับประทาน ในการรับประทานซาซิมินั้น จะต้องทานกับเครื่องเคียงและเครื่องปรุงรส เช่นโซยุ ที่มาช่วยในการดับกลิ่นคาวของอาหารทะเล รวมทั้งผักชนิดต่าง ๆ เช่น หัวไชเท้าขูด , สาหร่าย หรือผักที่หาได้ตามท้องถิ่น ตามฤดูกาลที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซาซิมิ และจะจัดแต่งมาในจานอย่างสวยงาม ที่ขาดไม่ได้คือ ตัวช่วยอย่างวาซาบิ และขิงดอง หรืออาจจะมีบ๊วย และมัสตาร์ด เพิ่มมาด้วย ส่วนเครื่องปรุงนั้นก็ให้เราเทโชยุลงใส่ถ้วยเล็ก ๆ และใส่วาซาบิ ลงบนซาซิมิ แล้วก็จิ้มโชยุรับประทาน เพราะรสเผ็ดของวาซาบิ จะไม่จางไปจากการผสมลงในโชยุ แต่หากใครจะใช้วิธีผสมวาซิบิลงไปในถ้วยโชยุก็ได้เช่นกัน ปริมาณของวาซาบิก็แล้วแต่ชอบ บางคนชอบใส่มาก ๆ เพราะจะขึ้นจมูก ทำให้หายใจโล่งดี ส่วนขิงดอง จะเป็นตัวคั่นในการรับประทานเนื้อปลาต่างชนิดกัน เหมือนเป็นการล้างปากเพื่อให้เราพร้อมรับประทานซาซิมิชนิดถัดไป นอกจากการรับประทานซาซิมิ เป็นอาหารจานหลักแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังมีการนำซาชิมิ มาเป็นส่วนประกอบในอาหารชนิดอื่น ๆ เช่น ซูชิ หรือข้าวปั้นหน้าต่าง ๆ ที่เสิร์ฟเป็นคำ โดยนำซาซิมิมาวางไว้ด้านบนของข้าวปั้น หรืออาจจะนำสาหร่ายมาพันกับข้าวปั้น จานต่อมาคือ สลัดซาชิมิ จะเป็นสลัดที่มีการนำซาชิมิ โรยลงบนผักสลัดและรับประทานกับน้ำสลัดชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะน้ำสลัดที่มีส่วนผสมของโชยุ หรือมีกลิ่นของวาซาบิ ส่วนบ้านเราก็มีการดัดแปลงนำมาน้ำเป็นพวกยำแซลมอน ซึ่งมีรสชาติเผ็ด ๆ เราว่าก็เข้ากันดีกับคนไทยเราเพราะไม่เลี่ยน อีกจานที่เป็นที่นิยมนำซาซิมิ มาเป็นส่วนประกอบคือ การสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ โรยด้วยผักและมิโซะ ที่ประเทศญี่ปุ่นเราสามารถหารับประทานซาซิมิได้ในร้านอาหารทั่วไป รวมถึงในซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ถ้าใครไปเที่ยวโตเกียวแล้วอยากทานแบบสด ๆ ก็ต้องไปที่ตลาดปลาเลยค่ะ ก็จะได้ทานแบบสดจากแหล่งผลิตหรือจากเรือกันเลยทีเดียว แต่ถ้าไม่อยากตื่นเช้า จะไปหาร้านที่เป็นซูชิ เคาน์เตอร์ เราก็จะได้นั่งดูพ่อครัวแร่และหั่นซาชิมิกันสด ๆ ในแต่ละภูมิภาคก็จะมีอาหารทะเลต่างชนิดกัน หากมีโอกาสเราควรลองรับประทานอาหารทะเลชนิดต่าง ๆ ที่จับได้หรือหาได้ในเมืองที่เราได้ไปเยือนก็จะทานแบบสด ๆ ที่ในแต่ละเมืองแนะนำก็จะฟินมากขึ้นไปอีก ภาพประกอบโดยผู้เขียน