ช่วงกุมภาพันธ์เป็นช่วงที่โรแมนติกที่สุดช่วงหนึ่งของกรุงเทพฯ... ไม่ใช่เพราะกรุ่นไปด้วยบรรยากาศของวันแห่งความรัก แต่เพราะเป็นฤดูอวดโฉมของ Pink Trumpet Tree หรือที่หลาย ๆ คนคุ้นหูกันในชื่อ ‘ชมพูพันธุ์ทิพย์’ ที่จะบานสะพรั่ง ฟิลเตอร์ให้บริเวณ BTS หมอชิต ไปจนถึงสวนรถไฟมีบรรยากาศละม้ายคล้ายญี่ปุ่นในช่วงเทศกาลฮานามิ ช่วงเวลาของชมพูพันธุ์ทิพย์ค่อนข้างสั้น หากโดนฝนชะหรือลมแรงสักหน่อยก็โรยราได้อย่างง่ายดาย เพราะอย่างนั้นเมื่อเห็นดอกบานจึงต้องรีบเปลี่ยนเป็นเดรสตัวเก่ง หนึ่งมือคว้ากล้อง อีกข้างคว้ามือคนรู้ใจชักชวนไปถ่ายรูปกัน หลายคนอาจยังไม่รู้ แต่ในสวนรถไฟฯ มีมุมญี่ปุ่น ๆ หลายมุมให้ได้แวะเวียนไปชักภาพกัน เราชอบทางจักรยานมากเลย สารภาพตามตรงว่าไม่เคยมาปั่นจักรยานออกกำลังกายที่นี่หรอกนะ แต่สีเขียวของทางเข้ากันกับสีชมพูของดอกไม้สุด ๆ ให้ Feeling เหมือนที่ญี่ปุ่นมาก อีกมุมยอดฮิตที่เห็นผู้คนแวะเวียนไปถ่ายรูปคือต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ยืนต้นสูงตระหง่านข้างสระน้ำ ใครอยากถ่ายรูปมุมนี้ต้องมีตากล้องส่วนตัวเป็นตัวช่วย ยืนอยู่คนละฝั่งของสระน้ำ ตัวแบบยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ถ้าลมฟ้าเป็นใจพัดโชยให้กันสักนิดล่ะก็ ภาพที่ถ่ายออกมาจะราวกับหลุดมาจากเทพนิยายเลยล่ะ เสน่ห์อีกอย่างของดอกชมพูพันธุ์ทิพย์คือแม้จะร่วงจนต้นโกร๋น แต่ดอกที่โรยลงกับพื้นก็ยังจะกลายเป็นพรมดอกไม้สีชมพูสวย สาว ๆ ที่ไปถ่ายรูปแล้วครีเอทท่าโพสต์ไม่ออก ลองสะบัดกระโปรงนั่งโพสต์กับพรมดอกไม้ที่ร่วงโรยก็สวยไปอีกแบบนะ อีกคอมโพสต์ยอดนิยมคือการยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ดอกไม้ แต่ถ้าให้ดีเราแนะนำให้ลองถ่ายมุมเสย ดีกว่าไปโน้มเอากิ่งลงมาเพื่อให้หน้าได้ใกล้ดอกไม้ อย่างที่บอกไปแล้วว่าชมพูพันธุ์ทิพย์จะว่าบอบบางก็ไม่ผิด เพราะงั้นอย่าลืมถนอมไว้ให้คนอื่นมาถ่ายรูปเยอะ ๆ ล่ะ แบ่งปันความโรงแมนติกกัน หลายคนไปกันเป็นคู่ ส่วนใครเหงาแบบเราแทนที่จะไปนั่งชมดอกไม้เหงา ๆ ถ่ายรูปวิวเหงา ๆ พร้อมโพสต์แคปชั่นเศร้า ๆ ลงโซเชียล เราลองพกโมเดลน้องแมวไปหนึ่งตัว ถ่ายเพลินดีอยู่เหมือนกันนะ ปีนี้เทศกาลชมพูพันธุ์ทิพย์โดนพิษโควิด-19 ทำเอาเงียบเหงาไม่ต่างจากการท่องเที่ยวอื่น ๆ ... แต่ตอนชมพูพันธุ์ทิพย์บานรอบหน้าขอให้ทุกคนไม่ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา และมีคนข้าง ๆ ไว้ชวนไปถ่ายรูปดอกไม้กันนะ :) ภาพโดยนักเขียน