เมื่อ Work at Home และการเรียนทาง E-class คือการปรับตัวใหม่ที่หลายๆ คนต้องเผชิญ เพื่อนก็ไม่ได้เจอ ได้แต่นั่งมองผนังบ้านเหี่ยวๆ ไปวันๆ ชีวิตของเหล่า Extrovert คงจะถึงขีดสุดเข้าในเร็ววัน ตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างไม่ประสาทเสียซะก่อน คงหนีไม่พ้น Food Delivery ในเมื่อออกไปไหนก็เสี่ยง ทำไมเราไม่มาหาความสุขจากร้านอาหารสุดโปรด ร้านอาหารเจ้าดังที่ปกติต้องต่อคิวรอนานๆ หรือร้านอาหารที่เขาว่าอร่อยนักอร่อยหนา แต่ยังไม่มีเวลาว่างได้ไปลิ้มลองล่ะ! บริการส่งอาหารเป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนคงจะคุ้นเคยกันดีแล้ว และยิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่งมี Startup หลายๆ เจ้าเปิดให้บริการด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็น Grab, Food Panda, Line man, Get เอ... แล้วเจ้าไหนดีที่สุดล่ะ? เราคงไม่มาเทียบให้คุณได้เห็น เพราะมันจะทำให้บทความนี้ล้าสมัย! ในยุคที่ราคาสินค้าบริการและโปรโมชันต่างๆ ไหลไปไวยิ่งกว่ากลิ่นตด เกณฑ์ทางด้านราคาอาหารและค่าขนส่งของแต่ละเจ้าก็ไหลไปไวไม่แพ้กัน ดังนั้นในวันนี้ เราจึงขอเสนอแนวคิดหลักๆ ที่ให้การเลือกใช้แอพส่งอาหารง่ายขึ้นสำหรับคุณ 1. อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ? ถ้าหากว่าเป็นราคาแล้วล่ะก็... แอพไหนที่คุณยังไม่เคยใช้ เราขอแนะนำให้คุณลองโหลด โหลด โหลด แล้วก็โหลดมาใช้ซะ เพราะโปรโมชั่นสำหรับลูกค้ารายใหม่ที่แสนจะหอมหวาน ทั้งส่วนลด 50% หรือการไม่คิดค่าส่ง จะถูกประเคนมาให้คุณ... ลูกค้ารายใหม่ที่จะสตาร์ทอัพทุกเจ้าต่างก็ให้ความสนใจ ถ้าหากเป็นเรื่องชาตินิยม รักคนไทย สนับสนุนคนไทย แล้วล่ะก็... Skootar คือ Startup ไทยที่เกิดใหม่ได้ไม่นาน หากคุณอยากสนับสนุนให้สตาร์ทอัพไทยได้เป็นยูนิคอร์นได้เร็ววันล่ะก็ เราขอเสนอทางเลือกนี้ ถ้าหากร้านโปรดคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณ... เราขอแนะนำให้คุณลองสุ่มๆ เอาสักเจ้า เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร้านโปรดคุณคือร้านไหน แต่ตัวเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดคือแอพที่อยู่มานานอย่าง Grab ที่มีร้านค้าให้เลือกมากมาย ถ้าหากการบริการคือสิ่งสำคัญที่สุดล่ะ? เรื่องพวกนี้อยู่ที่ "ดวง" ล้วนๆ จากประสบการณ์การใช้บริการทั้งสี่เจ้าของผู้เขียน ขอบอกไว้เลยว่าอยู่ที่ดวงจริงๆ ครั้งนึง ระยะเวลาที่ระบุไว้บอก 30 นาที แต่เอาเข้าจริงถึงกับรอไป 1 ชม. จนต้องโทรไปตาม ในขณะที่อีกครั้งนึง ใส่ชื่อซอยบ้านถูกแล้ว แต่ไม่ได้เช็คหมุดที่มันปักให้เอง รู้ตัวอีกทีคนส่งอาหารก็ไปอยู่ซอยข้างๆ กันซะแล้ว จนต้องคอยถือสายบอกทางให้ใหม่ แถมยังเจอโวยวายใส่ ให้เงินเกินไปก็เยอะ ยังจะทำหน้าบึ้งตึงอีก ขอบอกเลยว่า เข็ดมากกกกก... ใครสั่งอาหารก็แนะนำให้ตรวจสอบหมุดที่ปักดีๆ ล่ะ 2. พื้นที่บริการ หากคุณอยู่ต่างจังหวัดล่ะก็... ตัวเลือกที่มีก็จะลดน้อยลง เพราะขณะนี้สตาร์ทอัพที่ให้บริการในหลายๆ จังหวัดอย่างเห็นได้ชัดก็คือ Grab และ Food Panda 3. เปรียบเทียบราคา สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้งานรายใหม่มักจะทำพลาดก็คือการ "เห็นแก่ของถูก" (ซึ่งไม่แปลก เพราะผู้เขียนก็ชอบ) แต่ข้อควรระวังคือคำหลอกล่อต่างๆ อาทิเช่น "ส่งฟรี" "ลดราคาพิเศษเฉพาะวันนี้เท่านั้น" เพราะราคาค่าส่งมันถูกรวมอยู่ในค่าอาหารแล้วยังไงล่ะ! ทางที่ดีคือ ให้เลือกอาหารที่เราจะซื้อให้เหมือนกันทุกแอพ และดูที่ราคา Net ว่าเจ้าไหนถูกกว่ากัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นวิธีนี้ต้องใช้หลายครั้ง เพราะเมื่อเราเปลี่ยนร้านอาหารแล้ว บางทีอีกแอพดันถูกกว่าก็มี! ผู้เขียนแนะนำว่า หากคุณใช้บริการเจ้าใดเจ้าหนึ่งจนมั่นใจและถูกใจบริการแล้ว ให้ใช้ต่อไปเรื่อยๆ จะดีกว่า แต่ถ้าว่างและเบื่อกับการต้องอยู่บ้านแล้วล่ะก็ จะเปรียบเทียบราคาทุกครั้งก็เป็นความคิดที่ดี ได้ประหยัดเงินเพิ่ม จะได้สั่งได้บ่อยขึ้น ได้กินของอร่อยมากขึ้น และอ้วน (?) ขึ้นยังไงล่ะ~ ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว... ก็ถึงเวลาผ่อนคลายความเครียด หยิบมือถือขึ้นมา และใช้อารมณ์สุนทรียภาพไปกับอาหารอันแสนอร่อยที่มีให้คุณได้ลิ้มลองมากมายกันเถอะ! ข้อควรระวัง *** (ดอกจันทร์เก้าร้อยดอก) อย่าช็อปปิ้งออนไลน์ หรือใช้บริการเดลิเวอรี่มากจนเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้กระเป๋าแบน (แฟนไม่ได้ทิ้ง) แล้วนั้น... ยังทำให้เหล่าพี่ๆ ขนส่งของทำงานหนัก จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ดังที่เกิดขึ้นแล้วกับพนักงานเดลิเวอรี่ในประเทศเกาหลีได้ ด้วยรักและปรารถนาดีจาก บ๊อยมิ้ง