หลังจากเสร็จภารกิจที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อนอาจารย์ที่มาด้วยกันก็ถามว่า “ไปวัดไปไหว้พระพุทธรูปทองคำกันไหม” ผมก็ถามกลับไปว่า “ที่วัดไตรมิตรฯ นั่นเหรอ ไปมาหลายครั้งแล้ว” อาจารย์ตอบกลับมาอีกที “ไม่ใช่ มีพระพุทธรูปทองคำองค์หนึ่ง อยู่ที่วัดมหรรณพารามใกล้ ๆ ศาลเจ้าพ่อเสือเลย เดินไปไม่เกิน 15 นาทีก็ถึง เคยไปหรือยัง” ผมบอกว่า “อ้าวเหรอ ไม่รู้จัก เคยไปแต่ศาลเจ้าพ่อเสือ” ด้วยความที่ชอบเรื่องราวทำนองนี้อยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจไปด้วยกัน โดยเริ่มต้นเดินจากท่าพระจันทร์ ผ่านวัดมหาธาตุ สนามหลวง ศาลหลักเมือง ข้ามคลองผดุงกรุงเกษม เข้าแพร่งนคร ถึงถนนตะนาว ผ่านศาลเจ้าพ่อเสือที่คนทั่วไปรู้จักกันดี เพราะว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่คนทั่วไปมักจะมากราบไหว้ขอพร ข้ามอีกฝั่งของถนนก็เป็นกำแพงวัดมหรรณพาราม เราเดินเข้าวัดตรงประตูเล็ก ๆ ข้างโรงเรียนวัดมหรรณพ์ ซึ่งผมเคยอ่านเจอในหนังสือประวัติศาสตร์มาก่อนว่า โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประถมแห่งแรก ที่รัชกาลที่ 5 ได้สถาปนาขึ้นเมื่อครั้งกระโน้น จนเกิดการศึกษาขยายไปทั่วประเทศ หลังจากผ่านซุ้มประตูไป ด้านขวามือก็จะเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ตรงไปก็จะเจอลานกว้างระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหาร เป็นจุดให้บริการบูชาเทียนธูป เพื่อจุดบูชาพระร่วงทองคำและรูปปั้นพระอริยสงฆ์เพราะด้านในวิหาร ทางวัดไม่อนุญาตให้มีการจุดธูปเทียนแต่อย่างใด พอก้าวขึ้นลานรอบวิหารก็มีป้ายเขียนชัดเจนเลยครับว่า “ขอเชิญกราบนมัสการหลวงพ่อพระร่วงทองคำอายุกว่า 700 ปี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีจิตเมตตา รัชกาลที่ 3 อัญเชิญจากจังหวัดสุโขทัย ประดิษฐานไว้ในพระวิหาร วัดมหารรณพาราม เมื่อปี พ.ศ. 2393” ทำให้ตำนานพระทองร่วงทองคำวัดนี้น่าสนใจขึ้นมาทันที ก่อนจะกราบพระประธาน ก็ไปสะดุดเข้ากับถาดเครื่องบูชาที่จัดไว้สำหรับหลวงพ่อพระร่วง ที่มีตระกร้อและว่าววางอยู่ ผิดแปลกจากหลาย ๆ วัดที่เคยไปกราบไหว้มา เพราะปกติการไหว้สักการะพระพุทธรูปนั้น เราก็จะต้องไหว้ด้วยดอกไม้เทียนธูป หรือของมีค่าอย่างอื่น แต่ที่นี่ไหว้ด้วยตะกร้อกับว่าว พอถามพระที่นั่งรับไทยธรรม ท่านก็บอกว่า ความเชื่อนี้ไปพ้องกับตำนานที่ว่าพระร่วงชอบเล่นตะกร้อ และเล่นว่าวนั่นเอง ซึ่งหาอ่านได้ในหนังสือ หรือเว็บไซต์ด้านประวัติศาสตร์ทั่วไป แปลกดีครับ หลังจากกราบนมัสการและถวายไทยธรรมแล้ว ผมนั่งเพ่งพินิจ มองดูองค์พระพุทธรูปหลวงพ่อพระร่วงทองคำอย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง แม้จะมีขนาดเล็กกว่าครึ่งหนึ่งของพระศรีศากยมุนีพระประธานที่วัดสุทัศน์ฯ ซึ่งเป็นศิลปะสุโขทัยเช่นเดียวกัน แต่ความงดงามนั้นพอกัน รูปหน้าท่านอิ่มเอิบยิ้มแย้ม คือ พอเห็นแล้วรู้สึกถึงความอบอุ่นใจ เบิกบานใจมาก อีกเรื่องที่น่าสนใจ คือ หลวงพ่อพระร่วงทองคำองค์นี้ เป็นพระที่ชาวบ้านมีความเชื่อว่า ท่านวาจาศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าชื่อของท่านไปพ้องกับตำนานพงศาวดาร เรื่อง "พระร่วงวาจาศักดิ์สิทธิ์" ตามเรื่องเล่าที่ว่า ระหว่างที่พระร่วงบวชจำพรรษาที่วัดมหาธาตุ ขอมดำดินจากกรุงกัมพุชได้มาโผล่ที่ลานตรงท่านกวาดอยู่พอดี ท่านเลยบอกว่าอยู่ตรงนี้แหละอย่าได้ไปไหน เท่านั้นเอง ร่างของขอมดำดินก็แข็งเป็นหินครึ่งท่อนอยู่ตรงนั้น ใครสนใจไปดูได้ที่วัดตระพังทอง ปากทางเข้าเมืองเก่าสุโขทัยได้เลยครับ และนี่เองจึงเป็นที่มาของคตินิยมความเชื่อ เรื่องวาจาศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพระร่วงทองคำ ที่พูดคำไหนเป็นคำนั้น ถ้าขออะไรก็จะได้ตามที่ขอ สิ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับองค์หลวงพ่อพระร่วงทองคำก็ คือ 1. องค์พระเป็นโลหะทองคำ (60 เปอร์เซนต์) มีรอยต่อ 9 แห่ง ซึ่งเป็นหมุดสัญลักษณ์แสดงถึงความเจริญก้าวหน้า 2. มีพระพุทธลักษณะในแบบศิลปะสุโขทัยที่งดงามมากองค์หนึ่งในไทย 3. เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ไม่รู้ปีที่สร้าง อัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย 4. เดิมทีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอุดมรัตนรังสี (พระองค์เจ้าอรรณพ) พระราชโอรสในรัชกาลที่ 3 มีพระประสงค์จะประดิษฐานไว้เป็นพระประธานในพระอุโบสถ ก่อนที่พระราชบิดาจะเสด็จสวรรคต แต่ก็ไม่ทันกาล จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธาน ภายในพระวิหารหลังใหม่ที่สร้างขึ้นแทน สำหรับใครที่แวะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือแล้ว ก็แบ่งเวลามากราบสักการะหลวงพ่อพระร่วงทองคำศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ได้นะครับ แล้วอย่าลืมเตรียมตะกร้อกับว่าวมาด้วยหล่ะ เพราะว่าท่านโปรด สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด : ต้นพระศรีมหาโพธิ์ / พระเจดีย์ทอง / พระบรมธาตุเจดีย์ไชยาจำลอง / รูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิม / พระอุโบสถ / พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ที่อยู่ : วัดมหรรณพาราม ถนนตะนาว แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ เวลาเปิด-ปิด : 06.00-17.00 น. ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี