สวัสดีค่ะ วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นพิเศษ เนื่องจากทางเราเคลียภาระงานต่าง ๆ เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย จริง ๆ หลัง final นี้ เรามีจัดทริปเที่ยวต่างจังหวัดกันอีกครั้งกับเพื่อน ๆ เป็นการส่งท้ายก่อนจะแยกย้ายไปฝึกงาน แต่ !!!! ด้วยสถานการณ์ของสังคมตอนนี้คือไม่สะดวกต่อการพบปะผู้คน เนื่องจาก COVID-19 กำลังระบาด ฉะนั้นการเซฟตัวเองที่ดีที่สุด คืออยู่บ้านจ้ะพออยู่บ้าน จะกินกับนอนเฉย ๆ มันก็ดูจะน่าเบื่อเกินไป ก็เลยหาหนังสือมาอ่านแก้เบื่อ (ก็หนังสือเล่มเดิม ๆ ที่เคยอ่านแล้วนั้นแหละ) และหนังสือที่เลือกมาอ่านวันนี้ก็คือ นวนิยายแนวพีเรียด เรื่อง ช่อมะลิลา เขียนโดยแก้วเก้านั่นเองต้องบอกก่อนว่า ส่วนตัวแล้วเราเป็นคนชอบเรื่องพีเรียดมาก เสพงานพีเรียดทุกรูปแบบ ทั้งงานเขียน ละคร เพลง ที่เที่ยวเอย อะไรเอย ตามหมดจ้า รู้สึกอินกับความไทย ๆ สมัยก่อน มันดูละมุน สบายใจเข้าเรื่องต่อ เราอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกตอนทำรายงานวิเคราะห์วรรณกรรมส่งอาจารย์ จำได้ว่าตอนนั้นอ่านแบบไม่พัก ใช้เวลาตั้งแต่บ่าย 2 จนถึง 4 ทุ่ม อ่านรวดเดียวจบ กับหนังสือจำนวน 600 กว่าหน้านี่คือ หน้าปกนวนิยายช่อมะลิลาที่เราเคยอ่านครั้งแรก สมัยเรียนปี 2 ตอนทำรายงานวิเคราะห์วรรณกรรม ส่วนอันนี้ปกหลังของหนังสือจ้า การอ่านจบเร็วมีสองเหตุผล หนึ่งคือต้องรีบทำงานส่งอาจารย์ สองนวนิยายสนุก อันนี้ไม่ได้อวยแต่อย่างใด มันสนุกจริง ๆ เรียกได้ว่าครบรส ทั้งสุข ทั้งเศร้า หักมุมก็มีเด้อ แล้วอีกอย่างที่ชอบมากก็คือ มันแอบสะท้อนความคิด ค่านิยมของคนไทยในสมัยก่อนด้วยนะ เช่นเรื่องการแต่งงาน การมีครอบครัว ข้อจำกัดของผู้หญิงไทยในสมัยก่อน การคบเพื่อนต่างเพศ และอีกมากมาย มันถูกถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า คุณหญิงปิ่นเมือง ความพีคก็คือ คุณหญิงปิ่นเมือง เป็นดวงวิญญาณที่มาเล่าเรื่องตัวเองให้พระเอก (จริง ๆ ก็ไม่เชิงพระเอก) คือ ภูมิไทยฟัง และก็ตามพล็อตละครไทยภูมิไทยช่วยปลดปล่อยความรู้สึกผิดที่คาใจ อันเป็นเหตุทำให้คุณปิ่นเมืองไม่ได้ไปเกิดสักที แล้วสุดท้าย ตอนจบก็คลี่คลายด้วยดี แต่จบพีคอยู่นะ (ต้องลองไปอ่านดู)ส่วนอันนี้ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4 ได้มาจากงานสัปดาห์หนังสือ มันสนุกจนอยากครอบครอง ><ส่วนอันนี้ปกหลัง คำโปรยปกหลังฉบับนี้เราว่ามันไม่น่าดึงดูดเท่าฉบับแรกที่เราอ่าน แต่โดยรวมก็น่าพอใจ (ความคิดเห็นส่วนตัวนะ)อ่อ เหตุการณ์ในเรื่องเกิดตอนประมาณสมัย ร.6 - ร.7 (ถ้าจำไม่ผิดนะ) เป็นช่วงที่ไทยกำลังพัฒนาอย่างแท้จริง อ่านแล้วจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความโบราณที่โคตรจะคลาสสิก ความรู้สึกของเราตอนอ่าน ฟีล ประมาณคุณชายปวรรุจอะ อันนี้ไม่ได้หมายถึงเนื้อเรื่องนะ เพราะเนื้อหาคนละแนวเลย แต่หมายถึงบรรยากาศของเรื่องอะ มันฟีลนั้น เพราะว่าตัวละครต้องเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศเหมือนกัน และคุณหญิงปิ่นเมือง เธอก็เป็นนักเรียนนอก เพราะฉะนั้น ความคิดความอ่านของเธอก็จะเฟียส ๆ ตามสไตล์ ซึ่งมันน่าสนใจมากส่วนอันนี้เป็นปกของทั้งสองฉบับ สำหรับเรา เราชอบปกทางด้านขวามือมากกว่า มันดูคลาสสิก อ่านแล้วมโนเป็นบ้านของท่านเจ้าคุณกับคุณหญิง 5555และตอนนี้ก็มีข่าวแว่ว ๆ มาว่าช่อง 3 กำลังจะนำเรื่องนี้ไปทำละคร เราในฐานะนักอ่านก็สารภาพว่าแอบคาดหวัง แต่ก็ไม่กล้าหวังมาก เพราะกลัวผิดหวัง 5555 อีกอย่างมันก็ยากที่จะสร้างภาพแทนออกมาจากตัวอักษร มันก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้างเป็นธรรมดา ส่วนจะเปลี่ยนมากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัด และผู้สร้างสรรค์ ส่วนทางเราเป็นผู้ชม ก็มีหน้าที่แค่รอดู 5555อย่างไรก็ตาม ต่อให้กระแสละคร(ในอนาคต)จะดีหรือไม่ดี นวนิยายเรื่องนี้ก็จะยังเป็นหนึ่งในนวนิยายที่ประทับใจเราอยู่ดี ><