การทำงานในแต่ละวัน มีแต่ความกดดัน และความเครียดแบบที่ไม่รู้ตัว ดิฉันนั่งเหมอมองออกไปที่นอกหน้าต่างกระจกใส ภาพสะท้อนข้างหน้าคือ ถนนสาธรเส้นยาวแต่ที่ยาวกว่าคือรถ ที่ติดยาวเป็นสายธารยาวลงไปจรดถนนนราธิวาสฯ ทันใดนั้น ฉันก็รู้สึกถึงแรงสั่นบางอย่าง ฉันรีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าใบโตที่เต็มไปด้วยเอกสารที่เตรียมกลับไปทำต่อที่คอนโด ที่ไม่ห่างจากที่ทำงานเท่าไรนัก "สวัสดีคะ เมซี่พูดสายคะ" "เป็นไงบ้างลูก แม่คิดถึง ไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้ว งานหนักไหม "ก็หนักเหมือนปกติอะแม่ คิดถึงเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์ก็กลับไปนอนบ้านแล้ว" “นี่ๆ แม่เพิ่งดูทีวี เขามาแนะนำโรงแรม ชื่อ ชานๆ ไรสักอย่าง มันสวยมากเลย ไปกันไหมลูก” ใจเริ่มฉุกคิด นานแค่ไหนแล้ว ที่ใจของเรามัวแต่พะวงเกี่ยวกับงาน จนไม่ได้กลับบ้าน และลืมว่ามีใครรอเราอยู่ที่บ้าน แสดงว่าช่วงนี้เราลืมการใช้เวลากับแม่ไปหมดสิ้น “ได้แม่ เดี๋ยวซีจองให้เลย ไปพักผ่อนกันสองคนบ้างก็ดีนะ....” เธอซ่อนความงดงามไว้อย่างมิดชิด โรงแรมชานของแม่ มีชื่อเต็มๆ ว่า Chann Bangkok- Noi เป็นโรงแรมบูทีค ที่ให้อารมณ์เหมือนชานบ้านสมัยก่อน ลมพัดโกรกตลอดวัน เราเข้ามาเชคอินโรงแรมยามบ่ายแก่ๆ "คิดถึงยายเนอะ" แม่กล่าวมาเบาๆ พร้อมน้ำตาเอ่อเล็กน้อย "ตอนเด็กๆ แม่ก็ชอบวิ่งบนชานบ้านแบบนี้ ยายเป็นสาวแปดริ้ว บ้านอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง บ้านยายเป็นแบบนี้เลย ข้างล่างเป็นใต้ถุนเปิดโล่งรับลม แต่พอขึ้นมาก็จะเป็นชานเชื่อม ห้องแต่ละห้องของพี่น้อง" ฉันมองรอบๆ ตามแม่ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติยายรอบที่พันนับตั้งแต่ฉันยังเด็กๆ แต่ฉันก็ยังชอบฟัง โรงแรมนี้คงทำให้แม่คิดถึงอดีต วัยเยาว์ที่มีความสุข ที่มีความผูกผัน จึงต้องเรียกร้องให้ลูกสาวพามาถึงเขตบางกอกน้อยจนได้ โรงแรมอยู่ในบริเวณชุมชนริมคลองบางกอกน้อย โรงแรมบูตีคเล็กๆนี้ ซ่อนตัวอยู่ในชุมชนวัดดุสิตารามวรวิหาร โรงแรมมีทั้งหมด 22 ห้องตั้งอยู่บริเวณใกล้กับปากคลองที่ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาทำให้เราได้มองวิวกว้างๆ ของแม่น้ำทั้งสองฝั่ง อันได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยาและคลองบางกอกน้อย โรงแรมนี้สร้างด้วยไม้ทั้งหลังโทนสีน้ำตาลอ่อนสลับสีที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น เวลาก้าวเดินจะมีเสียงเอี้ยดอ้าดเล็กน้อยตามประสาไม้ที่หดและขยายตามสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทย โดยแนวความคิดของโรงแรมนี้จะเป็นแบบเรียบง่าย สไตล์บ้านพี่เรือนน้อง โดยแต่ละห้องมีการตกแต่งสไตล์ไทยแต่ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย ทางโรงแรมมีแนวความคิดที่ว่า “คนเรานั้นไม่ใช่ไม่มีเวลา เพียงแต่ว่าเราจะใช้เวลาไปกับอะไรที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจ” 'SIMPLY AT EASE' แนวคิดของโรงแรม คือ SIMPLE AT EASE ที่เป็นการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ช้าๆ แต่ได้ความสบายใจ วันนี้ ฉันเข้าพักห้องพักประเภท Deluxe Studio ที่ภายในห้องพัก ตกแต่งด้วยโทนฟ้าและขาว ซึ่งเข้ากับโทนสีเนื้อไม้ของอาคาร จุดเด่นที่สุดของที่นี้ ที่ทำให้แม่ของฉันอยากเข้าพักอย่างไม่ต้องสงสัยเลย คือ ระเบียงชานที่ยื่นออกไปเพื่อนั่งรับลมและชมวิวได้ตลอดทั้งวัน ช่วงนี้เข้าหน้าหนาว ลมตึงเย็นตลอดบ่าย บรรยากาศของโรงแรมเหมือนทำให้เราหลุดออกจากกรุงเทพฯที่แสนวุ่นวาย ไปอยู่บ้านต่างจังหวัดริมแม่น้ำ ที่มีเสียงเครื่องยนต์เรือหางยาวดังสลับไปมา ฉันลากฟูกที่ทางโรงแรมจัดเตรียมให้ไปที่ริมชานเพื่อให้แม่ได้เอนตัวชมท้องฟ้า และสายน้ำ บริเวณคลองบางกอกน้อย มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสถานที่สำคัญที่น่าสนใจ อันได้แก่ สถานีรถไฟธนบุรีเดิม ที่กลายเป็น พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน ในปัจจุบัน ซึ่งเราสามารถเห็นได้ เพราะอยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำ อีกทั้ง พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี และชุมชนริมคลองบางกอกน้อย ที่ยังคงมีการรักษาเอกลักษณ์การใช้ชีวิตริมนำ้ได้อย่างเหมาะสม อีกอย่างที่ฉันชอบโรงแรมนี้เป็นการส่วนตัว คือ การใส่ลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ของโรงแรมที่ทำให้เรานึกถึงวัยเยาว์ ในการใช้โถแก้วเล็กๆ ใส่กาแฟ น้ำตาล คอฟฟี่เมต จัดเข้าคู่กับเครื่องชุดเซรามิก สีฟ้าขาว ที่ให้ความรู้สึกในการไปค้างบ้านญาติ ให้ความอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก นอกจากที่ชุดรับแขกนี้จะเข้ากับรูปแบบของโรงแรม มันก็ยังช่วยลดขยะที่เกิดจากพลาสติก ประเภทบรรจุภัณฑ์ของสิ่งของเหล่านี้ได้อีกด้วย IMM-Restaurant สเน่ห์อีกอย่างของที่โรงแรมChann Bangkok-noi คือ IMM-Restaurant หรือ ห้องอาหาร อิ่ม ถ้าออกชื่อเป็นภาษาไทย ที่เปรียบเสมือนการไปบ้านยาย แล้วต้องอิ่มท้องเสมอ ที่ร้านอิ่ม นำเสนออาหารไทยโบราณ เมนูหายาก แบบที่เราต้องให้ยายทำให้เรากินเท่านั้น และร้านนี้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แม่อยากมาพักที่นี่ แม่บอกว่า “ตอนเด็กๆ แม่ไม่ได้มีไอติมกินหรอกนะ เวลาวิ่งเหนื่อยๆ ร้อนๆ ยายจะคว้านแตงโมเป็นคำๆ ให้แม่กิน พอกินทีก็สดชื่น แม่หอมที กินแตงโมทีแสนชื่นใจ” ฉันจึงสั่งรูมเซอร์วิส ในระหว่างที่แม่ยังคงดื่มด่ำกับวิวริมคลองบางกอกน้อย สั่ง “ปลาแตงโมแห้ง” มาพร้อมกับ “เต้าหู้หยกทอดเสิร์ฟพร้อมซอสหวาน” เสิร์ฟคู่กับน้ำแตงโมปั่น และน้ำแอปเปิ้ลโซดา อาหารบ้านๆ ที่ซ่อนรสชาติที่ไม่ธรรมดา สำหรับ “ปลาแตงโมแห้ง” เป็นเมนูคลายร้อนของคนไทยแบบโบราณ ที่นำแตงโมมาคว้านเนื้อเป็นกลมๆ พอดีคำ เสิร์ฟพร้อมเนื้อปลาช่อนแห้งที่ผัดเข้ากับเกลือและน้ำตาล จากนั้นบดมาเพื่อเป็นเครื่องจิ้มของแตงโม เมื่อกินคู่กันจะได้รับรสหวานที่ปลายลิ้นสัมผัสก่อนจากเนื้อแตงโม และ น้ำตาล จากนั้นความเค็มของปลาแห้ง จะเริ่มเข้ามาเมื่อสัมผัสตุ่มรับรสที่ด้านข้างของลิ้น ที่ก่อให้เกิดความอัศจรรย์ของสองรสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว ส่วนของ “เต้าหู้หยกทอดเสิร์ฟพร้อมซอสหวาน” นั้น เป็นอาหารรองท้องช่วงบ่ายที่ไม่หนักและเบาจนเกินไป เต้าหู้เนื้ออร่อย นิ่มแข็งกำลังดี ไม่เหมือนใคร เมื่อนำไปทอดด้วยไฟที่พอดี ให้ความเด้งสู้ฟัน ยามกัดเข้าไปคำแรก น้ำจิ้มหวานที่ผสมผสานถั่วลิสง ช่วยเพิ่มความอร่อยในการกินเต้าหู้ชิ้นน้อย ที่กินเพลินยามบ่าย ฉันปิดท้ายอาหารว่างยามบ่ายด้วยน้ำแตงโมปั่น น้ำแตงโมนั้นหวานพอดี รสชาติเดียวกับแตงโมปลาแห้งที่เขาคว้านมาไม่ผิดเพี้ยน แสดงให้เห็นว่า น้ำแตงโมปั่นที่นี้ไม่มีการใส่น้ำเชื่อมเพิ่มแต่อย่างใด แม่ฉันนั่งอมยิ้มมีความสุข พร้อมกับเปิดมือถือโชว์ ว่า เหมือนกับรายการโปรดที่เธอชอบดูไม่ผิดเพี้ยน เธอนั่งพยายามถ่ายรูปอาหารเอาไปอวดเพื่อนในสมาคมไลน์ของเธอเอง ฉันนั่งดูแม่และอดอมยิ้มตามไม่ได้ ความสุขที่นี่เรียบง่ายตามเขาบอกเสียจริง แค่เราสองแม่ลูกนั่งสั่งอาหารจากบริการ Room Service และนั่งริมระเบียงธรรมดา ก็ทำให้เราสองแม่ลูกมีความสุขกับสิ่งตรงหน้า โดยที่ไม่ต้องมีความคาดหวัง หรือ อะไรมาปรุงแต่ง เราพลัดกันป้อน หอมแก้ม และกอดกันอย่างมีความสุข และค่อยๆ มองวิวข้างหน้า โดยลืมทุกความเครียด และความคาดหวัง มีเพียงสายน้ำ ชาน และสายใจที่ผูกแน่นของเราสองแม่ลูก…..