ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้คนที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2535 - 2545 น่าจะได้สัมผัสประสบการณ์ป๊อปคัลเจอร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศไทย ซึ่งขณะนั้นก็ตรงกับช่วงวัยของการเรียนช่วงมัธยมต้น-ปลายพอดิบพอดี เราหลายคน (รวมถึงตัวผู้เขียนเอง) ได้ซึมซับกับวัฒนธรรมวัยรุ่นที่มีความเฉพาะตัวและชัดเจนที่สุด เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นเข้ามาข้องเกี่ยวกับแนวความคิด วิธีมองโลก และผูกโยงกับความทรงจำของเราอย่างตัดกันไม่ขาด"Kamikaze (กามิกาเซ่)" คือชื่อค่ายเพลงที่ไม่ได้ถูกนิยามเพียงแค่ค่ายเพลง หากแต่ชื่อนี้คือไอคอนแห่งวัฒนธรรมวัยรุ่นที่รุ่งเรืองที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา บทเพลง, ทรงผม, แฟชั่นการแต่งตัว, คำศัพท์ติดปาก, วัฒนธรรมป้ายไฟ, ชุมชนแฟนคลับ และการสนับสนุนศิลปินอย่างสุดใจที่ปัจจุบันเราอาจบัญญัติกันด้วยคำติดปากสั้น ๆ ว่า "ติ่ง" ช่วงเวลาที่กามิกาเซ่ดำรงอยู่นั้นคือช่วงเวลาที่เป็นเสมือน Time Capsule ของเด็กวัยรุ่นหลายคน ซึ่งวันนี้พวกเขาได้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่กันอย่างเต็มตัว นี่เป็นคำโปรยที่ผมพอจะนิยามถึงกามิกาเซ่ได้ตามภาพทรงจำที่เคยสัมผัสมากับตนเองแน่นอนว่าวันนี้ทุกคนล้วนทราบกันดีว่า "กามิกาเซ่" ได้ถูกปิดตัวลงไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาเหมือนเดิมได้อีก เราซึ่งเป็นผู้ติดตามคงทำได้เพียงแค่กลับไปนั่งย้อนดูผลงานเก่า ๆ ของพวกเขาผ่านสื่อต่าง ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่แต่ในปี 2563 นี้ ทางต้นสังกัดก็ได้มีการประกาศว่า กลุ่มศิลปินกามิกาเซ่จะกลับมารียูเนี่ยนอีกครั้งในโอกาสพิเศษ ซึ่งใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า KAMIKAZE PARTY 2020 หลังจากที่ปล่อยให้แฟนเพลงนั่งลุ้นกับ #กมกซปต ที่ทางต้นสังกัดปล่อยออกมาโปรโมทกันพักใหญ่บนพื้นที่โซเชียลมีเดียวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีการเปิดเผยโปสเตอร์พร้อมรายชื่อศิลปินที่จะมาร่วมแสดงในงานอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่าในรายชื่อศิลปินที่จะขึ้นแสดงนั้นมีทั้งรายชื่อที่คุ้นหู คุ้นตาซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะต้องมาอย่างแน่นอน รวมไปถึงกลุ่มศิลปินยอดนิยมที่เป็นหน้าตาของค่าย แต่เซอร์ไพรส์ที่ทำให้ผู้เขียนสนใจเป็นพิเศษกลับไม่ได้อยู่ตรงที่ศิลปินเจ้าประจำ หากแต่เป็นกลุ่มศิลปินที่เคยมีบทบาทในกามิกาเซ่ ซึ่งถูกยุติบทบาทไปก่อนนานแล้ว อย่างวง "SWEE:D"SWEE:D (สวีตดี) คือกลุ่มยูนิตเกิร์ลกรุ๊ปที่มีผลงานอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2553 - 2554 เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกบนคอนเสิร์ต KAMIKAZE WAVESWEE:D เกิดขึ้นจากการรวมตัวของสามสาวสมาชิกกามิกาเซ่รุ่นที่ 1 ซึ่งประกอบไปด้วย พิม - พิมประภา ตั้งประภาพร, จินนี่ - เขริกา (ขณะนั้นชื่อ ผุสชา) โชติวิจิตร ทั้งสองเป็นอดีตสมาชิกวงชิลลี่ไวท์ช็อค และ มิน - พัฑฒิดา (ขณะนั้นชื่อ มีนาพร) วงศ์โฆษวรรณ อดีตสมาชิกวงซิสก้าหลังจากจบโปรเจกต์ "Seven Days" ศิลปินคนอื่น ๆ ที่ร่วมโปรเจกต์เดียวกันต่างก็แยกย้ายไปมีผลงานเป็นของตนเอง เหลือเพียง พิม จินนี่ และมิน สามสมาชิกที่ยังไม่มีการวางแผนงานในอนาคต ทางต้นสังกัดอย่างกามิกาเซ่จึงลองนำทั้งสามคนมาเวิร์กช๊อปร่วมกัน ด้วยความสนิทและเข้ากันได้ดีของทั้งสามคน จึงก่อให้เกิดเป็นศิลปินกลุ่มใหม่ ทั้งสามเริ่มเดินหน้าทำผลงานเพลงในนาม SWEE:D โดยได้จุดขายคือผู้หญิงกับความหวานความหวานนั่นเองคือกิมมิคที่ทำให้เกิดความน่าสนใจ SWEE:D จึงมีภาพลักษณ์แตกต่างจากศิลปินกลุ่มอื่นในกามิกาเซ่ค่อนข้างชัดเจน ไม่ว่าจะด้วยการวางคอนเซ็ปต์ของการแต่งตัวที่คล้ายตุ๊กตา สีสันของเสื้อผ้าก็จะอยู่ในโทนหวานแบบสีพาสเทลผสมตกแต่งด้วยลูกปัดซึ่งให้ความรู้สึกคล้ายกับลูกกวาด มีการแบ่งสีของสมาชิกกันคนละสี ซึ่งแต่ละสีนั้นก็ล้วนมีความหมายโดยนัยที่สื่อถึงคาแรคเตอร์ของสมาชิกทั้งสาม โดยพิมจะเป็นสีโอรส ที่ไม่ได้ออกไปทางสีชมพูจัดเพื่อสื่อถึงบุคลิกที่ซุกซนและแอบเปรี้ยวนิด ๆ จินนี่เป็นสีเขียวซึ่งให้ความรู้สึกสบายตาเข้ากับบุคลิกและนิสัยที่เป็นคนใจเย็นตัดกับสีชมพูแบบหวานอ่อน ๆ และคนสุดท้าย มินคือสีม่วงที่มองเห็นจากภายนอกอาจจะดูเคร่งขรึม จริงจัง แต่จริง ๆ ก็แอบซ่อนความหวานเล็กน้อยจากการตัดด้วยสีเขียวจึงดูผ่อนคลายมากขึ้น อีกทั้ง SWEE:D ยังมีการผสมความเซ็กซี่ลงไปในท่าเต้นอีกเล็กน้อย ซึ่งนั่นทำให้เกิดความน่าค้นหา ดูน่าติดตาม และดึงความสนใจได้ไม่น้อยสำหรับแนวเพลงของ SWEE:D ก็จะยืนพื้นเป็นแนวเพลง Pop ที่มีดนตรีสดใสผสมกับซาวด์ดีไซน์น่ารัก ขี้เล่น เน้นที่เสียงร้องหวาน ๆ ของทั้งสามสมาชิก ซึ่งก็สอดรับกับกิมมิคของวงได้อย่างพอดิบพอดีโดยมีเพลงเปิดตัวเพลงแรกคือ "ห้าม (Stop It)" เพลงเร็วจังหวะสนุกที่มีซาวด์ดีไซน์ติดหูอย่างคำว่า "ลักกี้ ลักกี้ ลักกี้ ลักกี้" อยู่เป็นท่อนจำทั่วทั้งเพลง ซึ่งขณะนั้นเชื่อว่าแฟนเพลงหลาย ๆ คน ก็คงร้องท่อนนี้ผิดกันไม่น้อย (เพราะคำมันอาจจะฟังยากจนแกะไม่ออก ว่าร้องอะไรกันแน่นะ?) เพลงห้าม เป็นเพลงป๊อปที่ติดหูตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง และปัจจุบันเพลงนี้ก็ยังเป็นที่นิยม และถูกนำกลับมาร้องอยู่บ่อยครั้งทุกทีที่กามิกาเซ่มีคอนเสิร์ตใหญ่ ในส่วนของมิวสิกวิดีโอก็เป็นที่สนใจ ด้วยการนำเสนองานภาพบางส่วนผ่านเทคนิค Stop Motion และการดึงสีภาพให้มีความสดใส ผสมท่าเต้นที่มีความน่ารักปนกับความเซ็กซี่เล็กน้อย ซึ่งปัจจุบันมิวสิกวิดีโอที่เผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ยูทูบก็มียอดเข้าชมถึง 18 ล้านครั้ง (พ.ศ. 2563) นั่นถือเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ดีถึงความนิยมของเพลงนี้เพลงลำดับที่สองของ SWEE:D คือเพลง "ฉากเรียกน้ำตา (Sad Scene)" ที่ถือเป็นเพลงช้าเพลงแรกของวง เล่าเนื้อหาที่ตรงไปตรงมากับเรื่องราวของความรักที่เปรียบเสมือนละคร ในทุกฉากที่ล้วนมีแต่รอยยิ้ม แต่ใครจะคาดคิดว่าฉากสุดท้ายจะต้องกลายเป็นฉากเสียน้ำตาที่ไม่ได้มีการเตรียมใจยอมรับมาก่อน เพลงนี้โดดเด่นด้วยวิธีการร้องที่เน้นเรื่องของอารมณ์เป็นพิเศษ โดยสมาชิกทั้งสามเคยกล่าวถึงการทำงานในเพลงฉากเรียกน้ำตา ว่าพวกเธอต้องอยู่ในห้องอัดเพื่อบันทึกเสียงร้องเพลงนี้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมงเต็ม เพราะด้วยเป็นเพลงช้าที่ต้องใช้น้ำเสียงที่บีบคั้นอารมณ์จึงร้องลำบากกว่าเพลงแรกมาก เพลงนี้ก็ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าเพลง "ห้าม (Stop It)" อีกทั้งเพลงฉากเรียกน้ำตานี้ยังเป็นเพลงที่ถูกนำไป Cover มากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ในจำนวนเพลงทั้งหมดของศิลปินกามิกาเซ่ ต่อมาคือเพลงลำดับที่สาม "พลิกล็อกที่หัวใจ (Unexpected)" ซึ่งถือเป็นเพลงสุดท้ายของ SWEE:D เพลงช้าที่มีวิธีการนำเสนอเรื่องราวอย่างมีชั้นเชิง พูดถึงความรักที่พลิกล็อคแบบไม่ตั้งใจ วิธีการร้องเพลงนี้ใช้น้ำเสียงแบบเบาบางเน้นความรู้สึกโรแมนติกแบบที่ฟังแล้วก็พอจะเข้าใจได้ทันทีว่าคนที่อยู่ในสถานการณ์แบบเพลงนี้จะรู้สึกเช่นไร เป็นเพลงที่ฟังสบาย มีท่าเต้นที่เซ็กซี่ ซึ่งก็ยังคงเสน่ห์แบบ SWEE:D ไว้ได้ครบถ้วน ซึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้วงยุติลงเกิดขึ้นหลังจากปล่อยเพลงลำดับที่สามไปได้ประมาณ 2 เดือน ขณะนั้นเกิดข่าวลือหนาหูว่า SWEE:D จะมีการยุบวง แต่ทางต้นสังกัดก็ไม่ได้รอให้เกิดการเข้าใจผิดไปมากกว่านึ้ ทางกามิกาเซ่ได้ออกมาไขข้อสงสัยและชี้แจงในกรณีดังกล่าวด้วยคลิปวิดีโอที่อัปโหลดลงบนเว็บไซต์ ilovekamilkaze.com และเผยแพร่บนเว็บไซต์ยูทูบในช่องของกามิกาเซ่ ในชื่อวิดีโอว่า "SWEE:D MEMORY" โดยเนื้อหาที่ปรากฏในคลิปคือการอำลาของสามสมาชิก ซึ่งกล่าวถึงเหตุผลของการยุติบทบาทในนามวง SWEE:D โดยเหตุผลดังกล่าวคือปัญหาเรื่องการจัดสรรเวลาของ พิมและมินซึ่งขณะนั้นเธอทั้งสองกำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทำให้มีโอกาสน้อยมากที่จะสามารถแบ่งเวลามาทำงานในนาม SWEE:D ได้อย่างเต็มที่ และหลังจากพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด จึงจบลงที่สมาชิกทั้งสามจะขอยุติบทบาทในนาม SWEE:D ลง ซึ่งหลังออกจากวง พิมและมินก็จะหมดสัญญากับทางกามิกาเซ่ไปด้วยเช่นกัน จึงเหลือเพียง จินนี่ ที่ยังคงเป็นสมาชิกของกามิกาเซ่อยู่ต่อไป ซึ่งขณะนั้นจินนี่ก็ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า “SWEE:D เริ่มต้นมาจาก พิม มิน และจินนี่ หากวันนี้จะต้องขาดใครไปคนใดคนนึงก็คงไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าคือ SWEE:D พวกเราทั้งสามก็จะขอหยุดชื่อ SWEE:D ไว้เพียงแค่นี้ก่อน ปล่อยให้ความทรงจำดีดีของช่วงเวลานี้ถูกบันทึกไว้เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของพวกเราน่าจะดีที่สุด” และหลังจากนั้นอีกสองปีถัดมา จินนี่ก็ได้ประกาศลาออกจากกามิกาเซ่ ถือเป็นการปิดฉากวง SWEE:D ยูนิตเกิร์ลกรุ๊ปที่แฟน ๆ รอคอยการกลับมาไปโดยสมบูรณ์ปัจจุบันสมาชิกทั้งสามของ SWEE:D ก็ยังใช้ชีวิตกันตามปกติ ซึ่งสมาชิกที่น่าจะมีผลงานบันเทิงให้เราเห็นกันอยู่สม่ำเสมอก็คงเป็นพิม เพราะปัจจุบันเธอเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 7 มีงานละครให้เราชมแก้คิดถึงอยู่ทุกปี ทางด้านมินและจินนี่นั้นก็ได้ผันตัวไปทำธุรกิจส่วนตัว แต่พวกเธอทั้งสามคนก็ยังคงติดต่อพูดคุยกันอยู่สม่ำเสมอ มิตรภาพที่ดีต่อกันเช่นนี้ทำให้เราซึ่งเป็นแฟนคลับที่คอยติดตามผลงานรู้สึกดีใจไม่น้อย ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาเป็นสิบปี แต่เสียงเพลงของพวกเธอก็ยังคงเปล่งเสียงก้องอยู่ในความทรงจำเสมอมาด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้เราไม่ควรพลาดคอนเสิร์ต KAMIKAZE PARTY 2020 เพราะครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ SWEE:D หลังจากการยุติวงเมื่อปี พ.ศ. 2554 เราจะได้เห็นสมาชิกทั้งสามกลับมายืนในตำแหน่งที่คุ้นเคย ท่าเต้นที่คุ้นตา เสียงร้องที่ไม่ได้ฟังกันมานานมากแล้ว ภาพทรงจำดี ๆ ที่ผู้เขียนคิดว่าแฟนคลับหลายท่านน่าจะเฝ้ารอคอยกันมาตลอด น่าสนใจอย่างยิ่งว่าภาพความประทับใจที่จะเกิดขึ้นในวันนั้นจะเป็นเช่นไร และแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้จริง ๆ ว่าจะเกิดเหตุการณ์สุดเซอร์ไพรส์อะไรบ้างที่เหล่าศิลปินเตรียมไว้ให้กับกลุ่มแฟนคลับSWEE:D คือส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์เพลง T-Pop ที่เคยได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเวลานึง ชื่อของพวกเธอถูกบันทึกอยู่ในหน้าความทรงจำหน้าสำคัญที่เราไม่อาจจะปฏิเสธถึงการมีอยู่ได้เลย ถึงแม้ว่าวงจะมีบทบาทในระยะสั้น ๆ รวมไปถึงผลงานเพลงที่ออกมาเพียงแค่สามเพลงเท่านั้น แต่ด้วยภาพจำและเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่สมาชิกทั้งสามมี นั่นคือเสน่ห์ในแบบที่ศิลปินกลุ่มอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้ กระทั่งปัจจุบันก็ยังสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่ายังไม่มีศิลปินกลุ่มใดที่จะประสบความสำเร็จในแนวทางที่คล้ายหรือใกล้เคียงกับพวกเธอในขณะนั้นได้แม้แต่น้อย และท้ายที่สุดนี้เราก็ต่างทราบกันดีว่าในทุกการเดินทางล้วนมีจุดสิ้นสุด SWEE:D ก็เช่นกัน หากแต่ก่อนถึงปลายทางนั้น พวกเธอก็ได้ฝากผลงานดี ๆ ที่ยังฝังรากลึกอยู่ในความทรงจำและในใจของเด็กวัยรุ่นไทยยุคนึงตลอดมา ขอบคุณจริง ๆ ครับ :)Article writed by GAMEkitt (@GAMEKITTTT)การฟังเพลงเป็นเรื่องของรสนิยม อาจจะมีมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งสุดแล้วแต่การฟังส่วนบุคคลครับ ผม GAMEkitt หวังเล็ก ๆ ว่า งานเขียนของผมจะทำให้ทุกท่านสนใจและถ้าหากสามารถทำให้ทุกท่านร่วมสนับสนุนศิลปินอย่างถูกกฎหมายได้ผมจะยิ่งดีใจมากครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ขับเคลื่อนวงการเพลง ผม GAMEkitt ขอลาไปก่อน ไว้เจอกันในโอกาสถัดไปครับ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านสำหรับการติดตามอ่านบทความตลอดมาครับ :)ผู้อ่านท่านใดที่สนใจการแกะกล่อง CD สามารถเข้าไปรับชมได้ที่ YOUTUBE: GAMEKITT CDBOX นะครับ