ด้วยระยะนี้ความหลงใหลในเรื่องราวของอารยธรรมโบราณของผู้เขียนนั้นมีมากเหลือเกิน เวลาอ่านหนัสือหรือดูสารคดีเกี่ยวกับจักรวรรดิโบราณบนโลกของเรา มักจะเกิดอาการคันไม้คันมือให้ต้องนำตำนานแห่งจักรวรรดิอินคามานำเสนอกันอีกสักหนึ่งเรื่อง หลังจากครั้งที่แล้วผู้เขียนได้กล่าวถึงสถานที่อันเปรียบเสมือนเมืองหลวงของอารยธรรมอินคามาแล้วในบทความเรื่อง มาชูปิกชู ตามไปดูจักรวรรดิอินคา ผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่จักรวรรดิอินคาเรืองอำนาจในช่วงศตวรรษที่ 13-16 เรื่องราวน่าสนใจที่นำมาบอกเล่าผ่านบทความนี้ ว่าด้วยพิธีกรรม (Worship) ของชนเผ่าอินคา ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้าอย่างที่เคยเล่าไปในหลาย ๆ บทความ อารยธรรมมนุษย์สมัยโบราณ ตั้งแต่อารยธรรมเมโสโปเตเมีย อารยธรรมอียิปต์ อารยธรรมกรีก-โรมัน และอารยธรรมน้อยใหญ่ที่เติบโตขึ้นแต่ละยุคแต่ละสมัย มนุษย์โบราณเหล่านี้มีความเชื่อที่เหมือนกันทุกเผ่าพันธุ์ นั่นคือพวกเขาเชื่อเรื่อง เทพเจ้า (God) ซึ่งหลายคนก็คงพอจะรู้กันว่าอารยธรรมโบราณก่อตั้งขึ้นได้จากสังคมเกษตรกรรม ดังนั้นเรื่องฝนฟ้าอากาศเป็นเรื่องที่คนโบราณเชื่อว่าเทพเจ้ากำหนดขึ้นด้วยกันทั้งนั้น พวกเขาจะมีน้ำไว้ใช้ดื่มกินหรือเพาะปลูกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเทพเจ้า จักรวรรดิอินคาก็เหมือนกับพื้นที่อื่น ๆ พวกเขานับถือเทพเจ้าสูงสุดคือพระอาทิตย์ และเพื่อเป็นการบูชาต่อเทพผู้ปกปักรักษาจักรวรรดิอินคาให้มีความสุขสงบ ทุกปีจึงต้องมีการบูชายัญแด่ปวงเทพ โดยการถวายเด็กเพื่อมอบให้เป็นบุตรของเทพเจ้าพิธีกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องราวที่นักโบราณคดีสืบค้นจากหลักฐานชิ้นสำคัญ นั่นคือชิ้นส่วนกระดูกของเด็กทารกที่ถูกทิ้งไว้บนยอดเขารูปนอแรดที่เรียกว่า Wayna Picchu ตามตำนานของชนเผ่าเชื่อว่ายอดเขาแห่งนี้เป็นที่อยู่ของเทพเจ้า พระชั้นสูง และหญิงครองพรหมจรรย์ รวมทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณระหว่างชาวอินคากับเทพเจ้า ความน่าสนใจของชิ้นส่วนกระดูกที่นักโบราณคดีค้นพบ นั่นคือส่วนกระโหลกของโครงกระดูกเด็กทารกเหล่านั้นมีรอยแผลจากการถูกฟ้าผ่า จึงนำไปสู่การทำงานร่วมกับนักประวัติศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุและเชื่อมโยงไปยังความเชื่อของชาวอินคานั่นเองสมมติฐานข้อหนึ่งที่น่าสนใจนั่นคือ ชาวอินคาเชื่อว่าสายฟ้าเป็นสัญลักษณ์ที่เทพเจ้าใช้สื่อสารกับมนุษย์ในชนเผ่า ว่ากันว่าหากเทพเจ้าไม่พอใจจะบันดาลให้สายฟ้าฟาดลงตรงต้นไม้ใหญ่ ตามด้วยเมฆฝนตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเช่นนี้จะต้องหาเด็กทารกในหมู่บ้านขึ้นไปทำพิธียังยอดเขา Wayna Picchu โดยการวางเด็กบนแท่นบูชาที่มีหินขัดจนขึ้นเป็นเงาสะท้อน เพื่อใช้เป็นสายล่อฟ้า การบูชายัญด้วยเด็กทารกถือว่าเป็นการมอบเด็กให้เป็นบุตรของเทพเจ้า หากเทพเจ้าพอใจในเด็กคนใดจะบันดาลสายฟ้าฟาดลงมายังศีรษะของเด็กทารกผู้นั้น ถือเป็นการรับจิตวิญญาณให้ไปสู่ดินแดนของเทพเจ้า แล้วฝนฟ้าที่คะนองอยู่ภายในจักรวรรดิอินคาจะสงบลง แต่หากเทพเจ้าไม่พอใจจะต้องหาเด็กทารกคนอื่นมาบูชาเพื่อให้เสร็จสิ้นพิธีกรรมนอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานถึงลักษณะของเด็กที่นำไปเข้าพิธีสายฟ้าบูชายัญอีกด้วย โดยการวิเคราะห์รูปร่างจากโครงกระดูก พบว่าเด็กส่วนใหญ่ที่มอบให้เทพเจ้านั้นมีลักษณะอ้วนท้วนสมบูรณ์ เป็นเด็กแข็งแรง และเมื่อเชื่อมโยงกับตำนานหลายเรื่องของชาวอินคา สันนิษฐานว่าอาจมีเงื่อนไขบางประการในการคัดเลือกเด็กร่วมด้วย เช่น เพศ ตำหนิบนตัวเด็ก วันและเวลาเกิด แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดังกล่าวเป็นเพียงการสันนิษฐานองนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ในแวดวงการศึกษาอารยธรรมมนุษย์โบราณถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้เราสามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้ไปยังลักษณะทางสังคมของชนเผ่าอินคาได้อีกหลายมิติ เรียกว่ารู้ไว้ไม่เสียหาย เผื่อวันหนึ่งเรามีโอกาสไปเยือนมาชูปิกชู จะได้รู้สึกอินกับเรื่องราวของจักรวรรดิอินคาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวรูปภาพหน้าปก โดย Jeremy Thomas : Unsplashภาพประกอบที่ 1 โดย KELLYPICS : Pixabayภาพประกอบที่ 2 โดย Maduguenta : Pixabayภาพประกอบที่ 3 โดย Irina Savcenko : Unsplashภาพประกอบที่ 4 โดย 272447 : Pixabay