คุณเคยสงสัยหรือไม่ ว่าอาหารแต่ละอย่างที่เราสั่ง ดื่ม หรือกิน มีที่มาอย่างไร เฟรนช์ฟรายนั้นมาจากฝรั่งเศสจริงหรือไม่ เหตุใดเราจึงเรียกกาแฟเอสเปรสโซ่ผสมกับน้ำร้อนว่าอเมริกันโน่ วันนี้ผู้เขียนจะเล่าความเป็นมาของอาหาร 5 อย่าง ที่เราพบเจอกันได้ทุกวัน 1. เฟรนช์ฟราย (French Fries) ถึงจะมีคำว่า เฟรนช์ (French) อยู่ในชื่อ แท้จริงแล้วเฟรนช์ฟรายมีต้นกำเนิดมาจากเบลเยียม ตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 16 ชาวเบลเยียมที่ยากจนจะนำมันฝรั่งมาหั่น จากนั้นทอด เพื่อเก็บไว้กินในช่วงที่ฤดูหนาวที่ไม่สามารถตกปลาได้ เป็นที่มาของมันฝรั่งทอด (Pommes Frites) ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารชาวอเมริกันได้เข้ามาอยู่ประจำการที่เบลเยี่ยม พวกเขาก็ได้ลิ้มรสมันฝรั่งทอดนี้ และเนื่องจากภาษาทางการที่ใช้ในกองทัพเบลเยี่ยมคือภาษาฝรั่งเศส ทหารอเมริกันจึงเรียกชื่ออาหารชนิดนี้ว่า เฟรนช์ฟราย นั่นเอง เฟรนช์ฟรายเป็นหนึ่งในอาหารที่มีความนิยมที่สุดในโลก มักจะเสิร์ฟคู่กับซอสดิปไม่ว่าจะเป็นซอสพริก ซอสมะเขือเทศ หรือชีส แต่ชาวเบลเยียมจะกินคู่กับหอยแมลงภู่ หรือไข่ดาว เป็นต้น 2. ซีซ่าร์สลัด (Caesar Salad) หากคุณเป็นคนที่เคยอ่านเรื่องราวประวัต์ศาสตร์ หรือเคยดูภาพยนตร์เกี่ยวกับโรมัน ชื่อของสลัดชนิดนี้จะทำให้คุณนึกถึง หนึ่งในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โรมัน จูเลียส ซีซาร์ ผู้ที่ทำให้เดือนกรกฏาคมในภาษาอังกฤษ (July) ต้องตั้งชื่อตามเขา แต่ทว่า ชื่อซีซาร์นี้ แท้จริงแล้วมาจาก ซีซาร์ คาร์ดินี่ (Caesar Cardini) เชฟชาวอิตาลีที่อพยพมาเปิดร้านอาหารอยู่ในเม็กซิโก ในช่วงที่คลังอาหารของเค้าขาดแคลน แต่ร้านยังมีลูกค้าที่ต้องบริการ เขาลองนำผักคอส ขนมปังกรอบ กระเทียม พาร์เมซานชีส ไข่ต้ม น้ำมันมะกอก และซอสเวิรสเตอร์เชอ (Worcester shire Sauce) มาผสมกัน จากนั้นนำไปให้เพื่อนลองชิม ผลตอบรับของมันดีมากจนกระทั่งกลายเป็นมาตรฐานสลัดขึ้นมา และถูกเรียกชื่อตามเขาว่า ซีซาร์สลัด อย่าไรก็ตาม หากคุณคิดว่าการทานซีซาร์สลัด จะมีความเฮลตี้ แคลโลรีต่ำ จริงๆแล้ว ซีซาร์สลัดโดยปกติ จะมีแคลลอรีสูงถึง 470 จากน้ำสลัด ที่เราทานไป เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่มีไขมันสูงเลยทีเดียว 3. ครัวซอง (Croissants) แค่คุณออกเสียงเรียกคำว่า “ครัวซอง” ก็ฟังดูเป็นภาษาฝรั่งเศสแล้ว อีกทั้งมันยังเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ของขนมอบในอาหารฝรั่งเศส แต่แท้จริงแล้วมันมีต้นกำเนิดมาจากประเทศออสเตรีย ขนมคิปเฟล (Kipferl) มีที่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เชื่อว่าเป็นขนมต้นแบบของครัวซอง มันมีรูปร่างเสี้ยวพระจันทร์ และสอดไส้ด้วยถั่ว หรือของหวาน ว่ากันว่ามีที่มาจากการที่กรุงเวียนนาสามารถเอาชนะการปิดล้อมเมืองของพวกออตโตมันได้ ช่างอบขนมจึงคิดขนมที่มีรูปร่างครึ่งเสี้ยวพระจันทร์ เหมือนกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวในธงของอาณาจักรออตโตมัน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง ต่อมาในศตวรรษที่ 17 สูตรทำครัวซองก็ถูกเขียนขึ้นมาเป็นครั้งแรก เชื่อว่ามันถูกทำให้เป็นที่นิยมในฝรั่งเศสจากพระนางมารี อองตัวเน็ต ผู้มาจากออสเตรีย ราชินีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ต่อมามันก็เป็นที่นิยมในสังคมฝรั่งเศส เริ่มจากวงศ์ชนชั้นสูง ว่ากันว่า พนะนางมารีและเผยแพร่มาในสมัยครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ด้วยเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ทำให้ครัวซองกลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก 4. กาแฟอเมริกันโน่ (Americano) จริงๆแล้วอเมริกันโน่ก็มีที่มาจากชาวอเมริกันนั่นแหละครับ แต่มันเกิดขึ้นในประเทศอิตาลี ประเทศที่ผู้คนจริงจังกับการกินกาแฟ เอสเปรสโซ่แบบดั้งเดิม มีสีดำเข้ม เสิร์ฟในแก้วเล็กๆ มีรสชาติกาแฟเข้มข้น โดยชาวอิตาเลียนจะทานแบบนี้กันทุกบ่าย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารอเมริกันได้เข้าไปรบ และประจำการในอิตาลี เมื่อถึงเวลาพัก เหล่าทหารก็สั่งกาแฟเอสเปรสโซ่ตามชาวอิตาเลียน แต่พวกเขาพบว่ากาแฟมันเข้ม และร้อนเกินไป ไม่เหมือนกับที่เคยทานจากเสบียงและในบ้างเมืองเกิดของตน บางคนจึงสั่งน้ำเพื่อมาเจือจางรสชาติและความร้อนของกาแฟ ชาวอิตาเลียนเมื่อเห็นทหารอเมริกันสั่งกาแฟพร้อมกับน้ำบ่อยๆ จึงเรียกว่า อเมริกันโน่ นั่นเอง 5. แฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger) แม้จะมีชื่อตามเมืองฮัมบูร์ก (Hamburg) ในเยอรมนี แต่แฮมเบอร์เกอร์ที่เราเห็นและกินในทุกวันนี้แตกต่างจากในสมัยก่อน แฮมเบอร์เกอร์ในศตวรรษที่ 19 ทำโดยการนำเนื้อวัวฮัมบูร์กมาบดและผสมกับหัวหอม กระเทียม ตามด้วยเกลือและพริกไทย ทำเป็นแผ่นกลมๆ เสิร์ฟเป็นสเต็ก ถือเป็นอาหารหรูของชาวเยอรมัน ต่อมาเมื่อชาวเยอรมันอพยพมายังสหรัฐอเมริกา พวกเขาก็นำอาหารชนิดนี้มาเผยแพร่ด้วย ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นช่วงเวลาที่การทำงานล้วนเร่งรีบ ผู้คนต้องการความคล่องตัวในการกินอาหาร จึงมีคนนำขนมปังมาประกบเนื้อ เกิดเป็นแฮมเบอร์เกอร์ที่เรารู้จัก เพราะสามารถทานได้ง่าย เดินไปทานไปก็ได้ เรียกได้ว่าแฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารประจำชาติอเมริกา และเป็นที่นิยมไปทั่วโลก มีหลากหลายรูปแบบ ต่อให้คุณไม่ทานเนื้อ ก็มีแฮมเบอร์เกอร์แบบมังสวิรัติ สถิติบอกว่า ร้านแมคโดนัลด์สามารถขายแฮมเบอร์เกอร์ทั่วโลกได้ถึง 75 ชิ้นต่อวินาทีเลยทีเดียว! และนี่ก็คือประวัติที่มาของ 5 อาหารที่ผู้เขียนได้เรียบเรียงไว้ จะพบว่าโดยส่วนใหญ่แล้วชื่อของอาหารมักจะไม่ตรงกับที่มาของมันทั้งนั้นเลย หวังว่าครั้งหน้าที่สั่งอาหารใน 5 อันดับนี้ ผู้อ่านก็จะได้นึกว่า จริงๆแล้ว พวกมันมีที่มีอย่างไร ขอบคุณครับ Credit ที่มาและภาพ : https://pixabay.com/th/photos/มันฝรั่งทอด-เกลือ-อาหาร-923687/ https://pixabay.com/th/photos/อิตาเลี่ยนสลัด-สลัดไก่-ผัก-สลัด-2156723/ https://en.wikipedia.org/wiki/Caff%C3%A8_Americano https://pixabay.com/th/photos/ขนมปัง-ครัวซอง-ตอนเช้า-วางผัด-พัฟ-1284438/ https://pixabay.com/th/photos/แฮมเบอร์เกอร์-อาหาร-อร่อย-494706/ https://parade.com/61481/toriavey/where-did-hamburgers-originate/