มนุษย์เรานี่ก็แปลกนะครับ ในสมัยที่ยังเป็นเด็กก็อยากจะโต พอโตขึ้นก็อยากจะเป็นเด็ก รู้ไหมครับว่า ความอยากเช่นนี้ เป็นปกติของทุก ๆ คน มิใช่ปกติของความที่เราพยายามทำความเข้าใจชีวิตในแบบที่ศาสนาสอนเรา ว่า ชีวิต มีเกิดแก่ เจ็บตายอะไรแบบนั้นนะครับและแน่นอนว่า ความเบื่อหน่ายในชีวิตทั้งหมดทั้งสิ้น ส่วนมากขึ้นกับการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างเรา กับสิ่งรอบข้าง โดยเฉพาะในวัยที่เราจะต้องทำงานและทุ่มเทพลังความรู้ที่บ่มเพาะตนเองมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงการแสวงหาอย่างอิสระในช่วงวัยรุ่นและตอนเป็นนักศึกษา สนามเด็กเล่น หรือห้องเรียนมีความปลอดภัยเสมอ หากเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อน ต่อครูอาจารย์ ซึ่งในโลกของการทำงาน มันเป็นคนละเรื่องกันครับ วันนี้ผมจึงอยากจะเล่าเรื่องประสบการณ์ในฐานะคนทำงาน เผื่อว่าเพื่อน ๆ จะได้เรียนรู้และปรับทิศทางความสัมพันธ์ของตนเองให้ทำงานมีความสุขมากยิ่งขึ้น ผมเรียกเทคนิคนี้ว่า เทคนิคความสัมพันธ์ 3 ประการ เพื่อการทำงานอย่างเต็มศักยภาพละกันนะครับ ซึ่งเราจะต้องพบเจอและหลีกหนีไม่พ้นว่า เมื่ออยู่ในองค์กรหรือที่ทำงาน เราจะต้องมีพฤติกรรมที่จะสานสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ๆ อย่างไร โดยองค์ประกอบ 3 ประการ ถ้ามองลักษณะของการประเมินผลความสัมพันธ์น่าจะเหมาะกว่าครับหลายคนช่วงที่ผมไปบรรยายและอบรมมาจะถามว่า ก็เรารู้จักกันมานานแล้วทำไมเราจะต้องมาเรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องนี้อีกวันนี้ จึงขอจำแนกระดับความสัมพันธ์ให้เข้าใจและพูดคุยไปถึงการประเมินผลบ้าง เพื่อให้เห็นภาพชัดดังนี้ครับ เริ่มข้อแรกเลย1. รู้จักกัน ความสัมพันธ์ในระดับแรก เราผ่านเรื่องนี้มาตลอดชีวิตครับ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคมและจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น กับสิ่งแวดล้อมรอบตัว การรู้จักกันให้ประโยชน์ต่อเราอย่างไร จุดนี้สำคัญนะครับ บางคนรู้จักกัน ด้วยว่า สนใจในเรื่องเดียวกันมาก่อน เป็นเรื่องในครั้งอดีตที่เรามีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน จึงเสมือนว่า ศีลเสมอแล้วเจอกัน แต่ขณะที่คนในโลกของการทำงาน เรารู้จักกัน ด้วยหน้าที่การงานมากกว่า การมองความสัมพันธ์ในระดับความรู้จักแบบไม่เป็นทางการ การรู้จักกันนั้นเป็นความประทับใจในขั้นแรกที่จะตอบตัวเราเองในลักษณะของ W Questions เช่น เราเป็นใคร ทำอะไร เกิดที่ไหน จบอะไรมา แล้วมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ความสัมพันธ์ระดับต้นนี้มีทีท่าระหว่างกันเพื่อสานสัมพันธ์ในลำดับถัดไปครับ2. เป็นความสัมพันธ์ที่มีเป้าหมาย หรือ Direction ที่เรามีประโยชน์ร่วมกันผ่านงานนะครับ ยกตัวอย่างเช่น เราทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่มีหน้าที่อย่างเดียวกับเรา สิ่งเหล่านี้จะต้องมองตาแล้วก็สามารถทำแทนกันได้เลย ไม่จำเป็นต้องเป็นระนาบเดียวของความสัมพันธ์แบบเพื่อนในตำแหน่งเดียวกันเท่านั้น ในระดับแบบหัวหน้าลูกน้องที่แค่ยักคิ้ว งานก็เดิน แบบนี้คือรู้ใจกัน ปัจจัยที่ทำให้เกิดความรู้ใจ มีไม่มากครับ คือ ความสุขใจและไร้ข้อกังขาด้านการสื่อสารกัน หลาย ๆ ที่รู้ใจกันผ่านการเสวนากันนอกที่ทำงาน หรือ แอบไปชนแก้วร่วมกัน แล้วนำมาสู่การปรับใช้ในเชิงบวกเมื่อองค์กรต้องการงานที่มันทันด่วนและเจ๋งจริง ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ เวลา ครับ 3. เป็นพวกเดียวกัน ภาษานี้ ดูออกจะนักเลงหน่อยนะครับ แต่เรียกภาษาในเชิงทางการก็คือการทำงานที่มีความสำเร็จด้วย Team Work นั่นเอง คำนี้เราได้ยินตั้งแต่ชั้นอนุบาลแล้วนะครับในการร่วมกันทำงานกลุ่มแต่บทเรียนของการใช้ศักยภาพแบบเด็ก ๆ ที่วิจารณญาณคนละอย่างกันความลุ่มลึกและรับผิดชอบก็แตกต่างกันออกไป ใช่แล้วครับ แบบที่สามนี้คือหัวใจของการก้าวข้ามความสัมพันธ์ที่เราเองก็มีพื้นที่ให้กับผู้อื่น และผู้อื่นก็มีพื้นที่ให้กับเราเพื่อที่จะใช้งานเป็นฐานการเรียนรู้ในความหมายของคำว่าทีม ในหลักสูตรการพัฒนาศักยภาพคนนั้น หลาย แห่งท้าทายเสียด้วยซ้ำไปว่า การมีทีมเวิร์คนั้นยังไม่พอแต่เราต้องการซุปเปอร์ทีมเวิร์คอีกด้วย ผมว่า เรื่องทีมเป็นเรื่องเบสิคสำหรับการปฎิสัมพันธ์กับมนุษย์ในแง่ของการทำความเข้าใจได้ง่าย แต่ว่า ความยากของมันคือ เราจะทำอย่างไรให้ทีมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ทุกคนภาคภูมิใจร่วมกันในงานที่ทุกคนมีบทบาทหน้าที่ดังที่กล่าวมาแล้วว่า เราไม่อาจจะบอกว่า ความสัมพันธ์นั้นจะต้องครบองค์ประกอบและทำให้ดีในทุก ๆ ด้าน แต่ก็เป็นกระจกส่องให้เราเห็นเป้นบานโต ๆ ว่า ความคาดหวังต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่ว่า จะต้องมาเอาใจฉัน ฉันเอาใจเธอ อย่างน้อย ๆ เราก็ทำทีว่า 3 ประการนั้นจะนำไปสู่การพัฒนาตัวเราเองได้อย่างไร ไม่มากก็น้อยครับ เพราะ จากงานวิจัยหลายอย่างว่า ไอ้ที่เรียกว่าความสัมพันธ์ที่คุยกันอยู่นี่ หากกิจกรรมของมนุษย์ให้ความสนใจในเทคโนโลยี แล้วมันจะหายไปหรือไม่ ผมคงตอบว่า ไม่ นะครับ เพราะว่า บทบาทของมนุษย์เป็นเพียงผู้ใช้เครื่องมือเหล่านั้น เพื่อสร้างความสัมพันธ์ต่อสิ่งอื่นเท่านั้นเอง หากมนุษย์เราไม่ปิดตัวเองแล้วเรียนรู้เรื่อย ๆ กับสิ่งใหม่ ถึงแม้ไม่ได้ทำงานออฟฟิตกับใคร ก็ใช่ว่า เรื่องเหล่านี้ เราจะไปติดต่อกับโลก ใช่ไหมล่ะครับ เอาล่ะ จะเป็นอย่างไรให้เราเฝ้าจับตาดูว่า 3 องค์ประกอบของความสัมพันธ์ ที่เรามีนั้น ตอนนี้มันเติบโตไปถึงไหนแล้วเรารู้จักกันกระนั้นหรือหรือรู้ใจหรือว่าเราเป็นพวกกับทุก ๆ คนเพื่อสู้งานไปด้วยกันเรามาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกันเถอะครับเป็นกำลังใจให้ทุกความสัมพันธ์นะครับชาตรี ลุนดำของคุณภาพจาก www.canva.comเล่าเรื่องโดย ชาตรี ลุนดำ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !