สองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากเขียนถึงตั้งแต่เริ่มเขียนบทความแรกๆโดยเฉพาะ BoJack Horseman แต่ต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากเพราะการ์ตูนพวกนี้มันตีความหมายของชีวิตได้ค่อนข้างลึกและยังสามารถสะท้อนอะไรหลาย ๆ อย่างได้ในสังคม มันคือเรื่องราวที่ค่อนข้างทรงพลังในรูปแบบที่ย่อยง่ายเนื่องจากสื่อออกมาในรูปแบบของแอนิเมชัน บทความนี้ผมจะเน้นไปที่การรีวิวภาพรวมของแอนิเมชันรวมถึงเขียนความรู้สึกจากใจหลังได้รับชม สามารถรับชมทั้งสองเรื่องนี้ BoJack Horseman และ Midnight Gospel ได้ทาง Netflix **คำเตือนการ์ตูนสองเรื่อนี้ไม่เหมาะกับเด็กและบทความนี้จะไม่มีการสปอยล์เนื้อหานะครับ**BoJack Horseman - ดาวรุ่งดาวร่วงของวงการฮอลลีวูด (ุ6 ซีซั่น, 77 ตอน)แอนิเมชันนี้เล่าเรื่องราวของ BoJack Horseman (พากย์เสียงโดย Will Arnett) ม้าหนุ่มนักแสดงที่เคยโด่งดังในช่วงยุค 90's กับซิทคอมอันเลื่องชื่ออย่าง Horsin' Around แต่แล้วก็มีวันที่ซีรีส์ต้องปิดตัวลง 18 ปีต่อมา BoJack ตัดสินใจที่จะกลับเข้ามาในวงการอีกครั้งแต่ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดและเหล้า ความสัมพันธ์ที่ Toxic มากๆระหว่างตัวเขาเองและคนรอบข้าง และทุกๆอย่างในฮอลลีวูดที่มันดูไม่เหมือนกับเมื่อก่อนเลย ถ้าจะให้ผมนิยามซีรีส์เรื่องนี้ มันคงเป็น "การเดินทางค้นหาตัวตน และความหมายของการมีชีวิตอยู่ในฐานะ BoJack Horseman" สิ่งนึงที่เรื่องนี้นำเสนอออกมาได้ดีมากคือเรื่องของยาเสพติดและเหล้า ที่ตัวละครอย่าง BoJack ติดอยู่ในภาวะวนลูปที่ไม่ว่ากี่ครั้งที่เจอกับปัญหาต่าง ๆ มารุนล้อมเขาก็จะย้อนกลับไปหาสิ่งเสพติดเหล่านั้นแม้ว่าเขาจะพยายามเลิกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อีกประเด็นนึงที่เป็นภาพรวมของเรื่องนี้คือชีวิตดารานักแสดงในวงการที่มีขึ้นก็ต้องมีลง ไม่ว่าใครจะดังแค่ไหน สักวันนึงก็ต้องมีจุดที่ชีวิตในด้านนั้นค่อย ๆ จางหายไป ไม่ต่างจากชีวิตที่มันต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้าตลอดเวลาและ เราไม่สามารถจมปลักอยู่กับความสุขบางอย่างได้ตลอดไปเพราะมันเป็นเพียงแค่สิ่งชั่วคราวช่วงแรกที่ดีอาจจะรู้สึกแปลกหน่อยนะเพราะด้วยความที่ตัวละครเป็นสัตว์ที่พูดได้และยืนสองขาเหมือนมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีมนุษย์จริง ๆ ในเรื่องด้วย ประเด็นตรงนี้เป็นเหตุผลนึงที่หลาย ๆ คนที่ผมเคยคุยเรื่องซีรีส์ด้วยปฎิเสธที่จะลองรับชม แต่ผมผมรับรองเลยว่าถ้าเปิดใจ คุณทุกคนจะได้รับอะไรมากมายที่สามารถมองย้อนกลับมาที่ชีวิตเราได้ เรื่องนี้ได้ส่งสารอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก ๆ ให้กับผมหลังดูจบว่า บางครั้งแล้วเราอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ว่าจริง ๆ หน้าที่ของเราบนโลกใบนี้และสังคมนี้มันคืออะไรกันแน่ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะทุกคนก็หลงทางเหมือนกัน เราอาจจะรู้สึกว่าเหมือนโลกกำลังเล่นตลกกับเราอยู่แต่หากเราลองพูดคุยหรือระบายบางอย่างกับเพื่อน คนรัก ครอบครัว คนใกล้ตัว พวกเขาสามารถช่วยเรารับมือกับสิ่งต่างๆได้ดีกว่าการเก็บมันไว้คนเดียว และท้ายที่สุดแล้วชีวิตคือการเดินทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกๆอย่างนี้มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลึกมากๆและใครจะคิดว่าเขาสามารถสร้างมันออกมาผ่านรูปแบบของการ์ตูนได้อย่างไม่น่าเชื่อThe Midnight Gospel - การเดินทางคือการเรียนรู้ชีวิต (1 ซีซั่น, 8 ตอน)เรื่องนี้เล่าถึง Clancy Gilroy ที่เดินทางออกตามหาดวงดาวที่กำลังจะตายดวงต่างๆและสัมภาษณ์คนในสถานที่นั้นๆเพื่อเอามาทำ Spacecast รายการวิทยุ Podcast ที่ถ่ายทอดไปทั่วอวกาศ โดยการเดินทางของ Clancy ทำให้เขาค้นพบผู้คนหลากหลายพร้อมกับเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิต ความตาย ความหวัง ศาสนา สมาธิ จริยธรรมและสัจธรรม ต้องบอกก่อนว่าแอนิเมชันนี้คือการเอา Podcast ที่เคยทำจริงๆของ Duncan Trussel มาดัดแปลง ตัดทอนบางส่วนออกเพื่อความกระชับและนำลงมาใส่ในแอนิเมชันเพื่อที่คนดูจะย่อยเรื่องราวต่าง ๆ ได้ง่ายมากขึ้น เบื้องหลังการสร้างก็หดหู่ไม่แพ้กันเพราะ แม่ของ Duncan นั้นก็เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งสามอาทิตย์หลังจากอัดบทสัมภาษณ์เสร็จเพื่อทำ Podcast ของลูกเสร็จ (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในชีวิตจริงของผู้สร้างนะครับ) โดยรวมแล้วนี่เป็นซีรีส์ที่เป็นเชิงปรัชญามากๆและต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูงในการรับสารพร้อมกับประมวลมัน เนื้อหามันค่อนข้างลึกจนขนาดที่ว่าถ้าเราหลุดจากโฟกัสรอบนึงอาจจะต่อไม่ติดจนต้องกดดูย้อนตัวแอนิเมชันมีการเชื่อมโยงบางหลักการหรือความเชื่อกับศาสนาต่างๆไม่ว่าจะเป็นคริสต์ พุทธ ฮินดู อสลาม โดยชี้ให้เห็นถึงหลักคำสอนที่เหมือนและแตกต่างกันในบางเรื่อง อธิบายมันเข้ากับ Podcast พร้อมกับภาพการ์ตูนเพื่อให้คนดูหมู่มากซึมซับสารได้มากขึ้น ส่วนตัวแล้วผมตัดสินใจอยู่นานมากว่าจะดูดีไหมเนื่องจากชมตัวอย่างละรู้สึกว่าไม่น่าจะเหมาะกับตัวเอง ผมเป็นคนไม่ชอบฟัง Podcast อยู่แล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจดูเพราะกระแสที่ต่างประเทศค่อนข้างแรงมากๆ ผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆสำหรับใครที่อยากลองเริ่มฟัง Podcast เกี่ยวกับปรัชญาการใช้ชีวิต แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี ผมแนะนำเรื่องนี้เลยครับ เข้าถึงง่ายมาก ๆ แต่อาจจะมีประเด็นทางศาสนาบางประเด็นที่ต้องหาข้อมูลเพิ่มระหว่างดูเพื่อเข้าใจในสิ่งที่ตัวละครพูดมากขึ้น ที่น่าตกใจอีกอย่างคือคนที่สร้างแอนิเมชันเรื่องนี้คือคนเดียวกับที่เคยทำ Adventure time ซึ่งก็คือ Pendleton Ward ที่ทำงานร่วมกับ Duncan ซึ่งถือเป็นอะไรสองอย่างที่ต่างกันมาก ๆ และนั่นยิ่งตอกย้ำความสมารถของผู้สร้างที่ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งสองได้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก IMDBรูปหน้าปกฝั่งซ้าย/ รูปหน้าปกฝั่งขวา/ รูปภาพที่ 1/ รูปภาพที่ 2/ รูปภาพที่ 3/ รูปภาพที่ 4