cr. unsplash โซเชียลมีเดีย สังคมโลกออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมไม่ว่าจะเป็น Twitter / Facebook / LINE ต่างมีผู้ใช้งานจำนวนมาก แต่โซเชียลมีเดียเหล่านี้ก็เหมือนกับดาบสองคม เพราะมีทั้งประโยชน์และโทษ หากผู้ใช้ใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง หรืออยู่ในสภาวะอารมณ์ที่ไม่ปกติ อย่างเช่นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ไม่ควรจะเล่น Social Media ติดกันเป็นเวลานาน ๆ หากยังไม่สามารถควบคุม อารมณ์และความรู้สึกต่าง ๆได้ ทำไมเราถึงแนะนำหรือให้ความคิดเห็นแบบนี้ สืบเนื่องมากจาก เราเองต้อง ดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งเราก็ต้องค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม (ในช่วงแรก) เพื่อที่จะหาแนวทางในการดูแล และ การปฏิบัติตัวกับผู้ป่วยอย่างถูกต้อง ซึ่งในการค้นหาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นตามเว็บไซต์ หรือตามสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยเฉพาะ Facebook มีการสร้างกลุ่มของผู้ดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หรือกลุ่มของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า รวมทั้งเพจที่ให้ความรู้ในลักษณะต่าง ๆ cr. unsplash พบว่ามี ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า จำนวนไม่น้อยที่ใช้ Social Media ในการพบปะผู้ที่มีอาการเดียวกัน หรือ ขอคำแนะนำปรึกษาจากแหล่งความรู้ในกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งเราพบว่าในบางกลุ่มบนเฟสบุ๊ค มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจำนวนไม่น้อย โพสต์ข้อความหรือรูปภาพในลักษณะอันตราย เช่น ถามหาวิธีการฆ่าตัวตาย หรือ โพสต์รูปการทำร้ายตัวเอง ซึ่งส่งผลกับผู้คนที่อยู่ในกลุ่มนั้น ๆ อย่างแน่นอน เนื่องจากในกลุ่มที่เราเข้าไปศึกษาข้อมูล จะมีทั้งผู้ป่วย , ผู้ดูแลคนป่วย , บุคคลทั่วไป ซึ่งบางคนมีการคอมเม้นท์กับข้อความ หรือ รูปภาพในลักษณะที่ไม่ดีเช่น ต่อว่า ด่าทอ หรือ ยุยงส่งเสริม รวมทั้งการโพสต์ในลักษณะที่กล่าวมานั้น เราไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า คนนั้นป่วยจริงหรือป่วยปลอม ซึ่งมันจะส่งผลกับสภาพจิตใจของ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ในบางรายที่ไม่สามารถควบคุมสภาวะจิตใจ และ อาจกลายเป็นกระตุ้นความคิดในเชิงลบได้ สิ่งที่เราอยากเสนอแนะ ในบทความนี้คือ cr. unsplash 1.ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ควรระมัดระวังไม่ให้ผู้ป่วยในความดูแล ยู่กับโซเชียลมีเดีย มากเกินไป เพราะหากจะห้ามไม่ให้เล่นเลย คงไปได้ยาก เพราะในบางรายอาจจะติดต่อเรื่องงาน ติดต่อเพื่อน ผ่านซเชียลมีเดียเพราะ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า บางรายยังสามารถทำงาน หรือ เรียนหนัง รวมทั้งยังพบปะผู้คนได้ปกติ เพราะบางรายมีอาการไม่มาก หรือ ไม่ปฎิเสธสังคม สามารถควบคุมสภาวะจิตใจได้ รวมทั้งได้รับการรักษาที่ถูกต้อง แต่การอยู่กับกับโซเชียลมีเดีย เป็นระยะเวลานานการพบเห็นข้อมูลต่าง ๆ อาจเป็นการกระตุ้นให้สภาวะจิตใจ กระตุ้นความคิด ให้เกิดผลในทางลบได้ 2.ควรหาวิธีให้ออกห่างจากการเล่นโทรศัพท์ เล่นคอมพิวเตอร์ ติดกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง เช่น หาหนังสือให้อ่าน , ชวนทำกิจกรรมอื่น หรือ พาผู้ป่วยออกนอกบ้านเช่น ไปสวนสาธารณะ ไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวล ต้องดูที่ผู้ป่วยเป็นหลักด้วย ว่าให้ความร่วมมือมากน้อยแค่ไหน ผู้ป่วยบางราย (คนใกล้ชิดที่เราดูแล) ไม่เล่นโซเชียลมีเดียก็มี หรือ บางคนไม่พร้อมออกนอกบ้าน ก็ต้องหาวิธีที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน หรือ คอยระมัดระวังตามความเหมาะสม cr. unsplash การดูแล ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า นั้นเราคงไม่สามารถบอกได้ว่าแนวทางไหนถูก แนวทางไหนผิด เพราะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างและต้องดูจากผู้ป่วยเป็นหลัก สิ่งที่แนะนำในบทความนี้ ก็เป็นเพียงอีกแนวทางหนึ่งที่พบเจอมาด้วยตัวเอง จึงอยากจะบอกเล่าและให้ระมัดระวัง เพราะในโลกโซเชียลเราไม่สามารถรู้ได้ว่า ใครคือคนป่วยโรคนี้จริง ๆ ใครหวังดีหรือหวังร้าย ดังนั้นหากสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ป่วยเข้าไปในกลุ่มต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ ที่ดูมีแนวโน้มที่อันตราย หรือ จะกระตุ้นความคิดด้านลบ น่าจะเป็นผลดีและป้องกันผู้ป่วยไม่ให้เกิดการกระทำที่นำไปสู่ความโศกเศร้าและสูญเสีย หมายเหตุ ขอไม่เปิดเผยกลุ่มโซเชียลที่ผู้เขียนเข้าไปศึกษาข้อมูล หรือ พบเห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพราะอาจส่งผลกระทบกับผู้ที่อยู่ในกลุ่มนั้น ๆ ซึ่งมีทั้งผู้ป่วย และ บุคคลทั่วไป