หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงแนวคิดของคาซุโอะ อินาโมริ ชายอายุวัยก้าวย่างใกล้ 90 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัทเคียวเซร่า อดีตประธานกรรมการบริหารบริษัท JAL (Japan Airlines) ที่สามารถนำพาให้องค์กรพ้นวิกฤติภาวะล้มละลายได้ รวมทั้งเปิดสถาบันกวดวิชาเซวะ เพื่อสอนการบริหารให้แก่นักบริหารรุ่นใหม่ด้วยเพื่อให้องค์กรของคนรุ่นใหม่อยู่รอด เติบโตอย่างยั่งยืน แนวคิดทางปรัชญาของเขานั้นมีความสำคัญต่อการทำงานบริหารเป็นอย่างมาก ลูกศิษย์ของเขาที่เข้าไปเรียนในสถาบันกวดวิชาเซวะแรกๆจะยังรู้สึกว่าไม่ได้เรียนรู้อะไรที่เกี่ยวกับการบริหารสักเท่าไหร่เลย ต่อเมื่อเข้าใจปรัชญาอินาโมริจนแตกฉานแล้วเท่านั้นจึงจะเห็นว่ามันสำคัญจริงๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอินาโมริสนใจเรื่องปรัชญามาตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้มองเรื่องการใช้ชีวิตและการบริหารธุรกิจมีความสัมพันธ์กัน กองบรรณาธิการ Nikkei Top Leader จึงเขียนหนังสือหมวดบริหารเล่มนี้ขึ้น เพื่อรวบรวมแนวคิดที่คาซุโอะ อินาโมริเคยสอนมาก่อน เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน1.คำพูดของคาซุโอะ อินาโมริ2.ความเห็นของนักเรียน (กรณีศึกษาจากประสบการณ์จริงของลูกศิษย์)3.นักบริหารคืออะไร การที่คาซุโอะ อินาโมริสามารถบริหาร JAL จากที่มีหนี้จำนวนมหาศาลให้กลับมาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี 8 เดือน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นที่ประจักษ์ ทำให้นักบริหารอยากเรียนรู้การบริหารสไตล์อินาโมริที่สถาบันกวดวิชาเซวะเพิ่มขึ้น เนื้อหาภายในเล่มพยายามชี้ให้เห็นว่าญี่ปุ่นอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสรษฐกิจยุคโลกาภิวัฒน์ก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา รวมทั้งประชากรที่เกิดใหม่ลดลง สวนทางกับผู้สูงอายุที่มีมากขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างบอกให้เราต้องปรับปรุงพัฒนา เปลี่ยนแปลงตนเอง แต่ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าควรเปลี่ยนไปในทิศทางใด กฎเหล็กในยามที่เกิดความสับสนก็คือให้กลับไปยังจุดเริ่มต้น หวนกลับมาตั้งคำถามพื้นฐานก่อน นั่นคือชีวิตคืออะไร ธุรกิจคืออะไร เศรษฐศาสตร์คืออะไร การเมืองคืออะไร และที่สำคัญ นักบริหารคืออะไร นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของปรัชญาอินาโมริ เพราะมิติการบริหารและมิติชีวิตส่วนตัวล้วนเกี่ยวข้องกัน การฝึกคนก็สำคัญไม่แพ้กัน อินาโมริเน้นย้ำเสมอว่าเป้าหมายในการบริหารบริษัทคือการแสวงหาความสุขให้แก่พนักงานทุกคน ไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้ เมื่อทำให้ทุกคนร่วมมือกันได้ต้องเป็นไปด้วยปรัชญาแบบนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเช่นกันคือความเมตตา ความเมตตาอาจจะดูตรงกันข้ามกับการแสวงหาผลกำไรในธุรกิจ แต่มันไม่ใช่ การให้ความสำคัญกับคนอื่น กับลูกค้า กับพนักงาน ถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับ 1 หากไม่มีความเมตตาเป็นพื้นฐานแล้วก็อยากกอบโกยเพื่อตัวเองเท่านั้น ธุรกิจก็จะไม่ยั่งยืน นักบริหารต้องรู้จักทำให้พนักงานหลงรักเข้าไว้ เพราะถ้าคนที่พนักงานรักได้แล้ว เขาจะทำงานด้วยความขยันขันแข็งเอง ความพอเพียงก็เป็นสิ่งที่อินาโมริให้ความสำคัญ การรู้จักความพอเพียงคือให้ทิ้งความละโมบอย่างร้ายกาจออกไป แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ลดความพยายามแต่อย่างใด การรักษาผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อความยั่งยืนทางธุรกิจ ความพอเพียงของอินาโมริคือการไม่ฟุ้งเฟ้อจนเกินความจำเป็น ใช้ชีวิตเหมือนผู้คนปกติทั่วไปไม่เน้นความหรูหรา เพื่อใช้ชีวิตได้เช่นนี้แล้วจะไม่โลภจนเกินเหตุ นักบริหารต้องรู้จักความถูกต้อง แล้วความถูกต้องคืออะไร มันคือความตรงไปตรงมา ไม่โกหก หลอกลวงใคร ขยันหมั่นเพียร รู้จักนอบน้อม ไม่เย่อหยิ่ง รู้จักพอ ไม่โลภ คิดถึงประโยชน์ผู้อื่นก่อนประโยชน์ของตน...นี่คือความถูกต้องในนิยามของอินาโมริที่ซึ่งครอบคลุมถึงหลักการใช้ชีวิตและบริหารธุรกิจไปพร้อมกัน หลัก 12 ประการในการบริหารของอินาโมริ1.มีความชัดแจ้งในเรื่องวัตถุประสงค์และความหมายของกิจการ2.ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน3.มีใจที่ปรารถนาอย่างแรงกล้า4.พยายามอย่างไม่ยอมแพ้ใคร5.ไม่มีขีดจำกัดสำหรับรายได้รวม6.กำหนดค่าด้วยการบริหาร7.ต้องบริหารด้วยใจที่มุ่งมั่นแรงกล้า8.มีจิตวิญญาณในการต่อสู้อย่างดุเดือด9.กล้าลงมือทำ10.ทำงานที่สร้างสรรค์อยู่เป็นนิจ11.มีใจที่เมตตา ไม่เห็นแก่ตัว12.บริหารโดยมุ่งก้าวไปข้างหน้าอย่างร่าเริง และมีใจสัตย์ซื่อต่อความฝันและความหวัง ถ้าหากเราสนใจวิธีการทำงานของเศรษฐีนักบริหารที่สามารถพาธุรกิจพ้นทุกสภาวะปัญหาได้ หนังสือเล่มนี้ผมจึงขอแนะนำเป็นการพิเศษเลยครับ หนังสือเล่มนี้แม้ผู้อ่านจะไม่ใช่นักบริหารก็ตาม แต่ในฐานะคนทำงานประจำหรือทำธุรกิจส่วนตัวก็จำเป็นที่จะต้องเข้าใจวิถีแห่งการบริหารที่ถูกต้อง และนี่เป็นส่วนหนึ่งของหลักปรัชญาการบริหารแบบคาซุโอะ อินาโมริ สามารถหาอ่านอย่างจุใจได้โดยหาซื้อได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปครับ เครดิตภาพรูปที่ 1/2/3/4 โดยผู้เขียนรูปที่ 5 mohamed_hassan Pixabay.com