สดับข่าวกล่าวทรงอนงค์สนม ว่างามจริงยิ่งนางในนิคม ก็นึกชมโฉมน้องต้องติดใจ หวังสวาทมาดมุ่งบำรุงสงวน ให้รัญจวนหวนคิดพิสมัย แต่สู้ตรอมออมรักหนักฤทัย ด้วยเกรงภัยเพราะมิควรจะลวนลาม ครั้นแจ้งเหตุว่าประเวศสถานสถิต ก็ตั้งจิตต์สดับข่าวสืบสาวถาม ด้วยนึกแหนงจะใคร่แจ้งที่ใจความ ยังรักงามอยู่หรือสิ้นไม่ยินดี ท่อนเนื้อในเพลงยาวความเก่า ที่พระสุนทรโวหาร หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ “สุนทรภู่” กวีเอกของไทยและของโลก ที่น้อยคนจะไม่รู้จักชื่อของท่าน สุนทรภู่ มีชื่อเดิมว่า ภู่ เกิดเมื่อ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 ในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อย วัยเด็กได้เรียนหนังสือกับพระในวัดศรีสุดาราม ริมคลองบางกอกน้อย ต่อมาเข้ารับราชการเป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน และได้ค้นพบตัวเองว่าไม่ชอบทำงานด้านอื่น นอกจากการแต่งบทกลอน ซึ่งแต่งได้ดีมาเสมอ ต่อมาสุนทรภู่แอบคบรักกับนางข้าหลวงในวังหลังชื่อ “แม่จัน” ที่เป็นบุตรหลานผี้ตระกูล จนถูกทำโทษและจำคุก จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัว ก็เดินทางไปหาบิดาที่เมืองแกลง จังหวัดระยอง ระหว่างการเดินทางนี้เอง ที่สุนทรภู่ได้ประพันธ์ "นิราศเมืองแกลง" เล่าถึงการเดินทางต่าง ๆ ไว้โดยละเอียด อีกทั้งลงท้ายเรื่องว่า “แต่งให้แก่แม่จันเป็นขันหมากมิ่งพิสมัย” หลังกลับจากเมืองแกลง สุนทรภู่ก็ได้แม่จันมาเป็นภรรยา แต่กลับจากเมืองแกลงได้ไม่นาน ก็ต้องติดตามพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ในฐานะมหาดเล็กเสด็จไปในงานพิธีมาฆบูชาที่พระพุทธบาท โดยสุนทรภู่ได้แต่ง “นิราศพระบาท” เล่าถึงเหตุการณ์การเดินทางครั้งนี้ด้วย ต่อมาจึงได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และได้ทดลองแต่งบทกลอนละครเรื่อง “รามเกียรติ์” จนพอพระทัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และได้เลื่อนเป็น “ขุนสุนทรโวหาร” และได้ร่วมฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรมช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นหนึ่งในคณะร่วมแต่ง “ขุนช้างขุนแผนขึ้นใหม่” หลังรับราชการได้ 8 ปี สุนทรภู่ก็ลาออกและออกบวชที่วัดเลียบ (วัดราชบูรณะในปัจจุบัน) และย้ายไปอยู่วัดต่าง ๆ หลายแห่ง ซึ่งระหว่างเดินทางย้ายไปจำพรรษาตามที่ต่าง ๆ ก็ได้ประพันธ์นิราศไว้มากมาย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะยังมีนิราศที่ยังไม่ค้นพบอีกเป็นจำนวนมาก กุฏินี้อยู่มาตั้งแต่รัชกาลที่ 3 เป็นที่พักของสุนทรภู่สมัยบวชเป็นพระสงฆ์และได้ประพันธ์งานที่นี่ หลังจากที่สุนทรภู่จากเราไปสองร้อยปีแล้ว ยูเนสโกถึงได้มาตรวจสอบที่นี่ พระยศวริศ พระสงฆ์ผู้นำชมกล่าวถึงพิพิธภัณฑ์สุนทรภู่แห่งนี้ ที่ตั้งอยู่ภายในวัดเทพธิดารามวรวิหาร อันเป็นวัดที่สุนทรภู่เคยจำวัดสมัยบวชเป็นพระสงฆ์ ซึ่งวัดแห่งนี้ เดิมชื่อว่า วัดบ้านพระยาไกรสวน เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่สาม โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระราชทานแก่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระราชธิดาองค์ใหญ่ ในปี พ.ศ. 2379 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2382 กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ เป็นผู้ที่มีปัญญาเฉลียวฉลาด ทรงโปรดหนังสือและงานกวี ทรงชุบเลี้ยงดูแลกวีทั่วไป ภายในตำหนักของพระองค์ที่นอกจากจะมีข้าราชบริพารแล้ว ก็ยังเป็นแหล่งรวมศิลปินและกวีแห่งสมัยไว้ด้วย ซึ่งสุนทรภู่ ในยามที่ตกทุกข์ได้ยากนั้น พระองค์ก็ทรงอุปการะช่วยเหลือ โปรดให้แต่งกลอนถวาย และประทานรางวัลให้เลี้ยงชีพ ที่เอกองค์ทรงศรีฉวีวรรณ ดั่งดวงจันทร์แจ่มฟ้าไม่ราคี ทั้งคมขำล้ำนางสำอางสะอาด โอษฐ์เหมือนชาดจิ้มเจิมเฉลิมศรี ใส่เครื่องทรงมงกุฎดังบุตรี แก้วมณีเนาวรัตน์จำรัสเรือง รูปจริตพิศไหนวิไลเลิศ เหมือนหุ่นเชิดโฉมแช่มแฉล้มเหลือง พอแลสบหลบชม้ายชายชำเลือง ดูปลดเปลื้องเปล่งปลั่งกำลังโลม ลำพระกรอ่อนชดประณตน้อม แลละม่อมเหมือนหนึ่งเขียนวิเชียรโฉม หรือชาวสวรรค์ชั้นฟ้านภาโพยม มาประโลมโลกาให้อาวรณ์ แปลกมนุษย์ผุดผ่องละอองพักตร์ วิไลลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐสมร หนึ่งในคำประพันธ์เรื่อง “ลำพันพิลาป” ที่สุนทรภู่ได้ประพันธ์พรรณนาถึงความงามของสตรีที่เลิศเลอ ซึ่งจากหลักฐานต่าง ๆ ก็สันนิษฐานได้ว่า บทกลอนนี้เป็นกล่าวถึงกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ผู้ที่ทรงอุปการะสุนทรภู่ ยางบุรุดรัดกระสันให่ถันหาย ใสยเซิ่วกิ่ลบ่จีบเอวสำอางกาย สังวารสายสรอยสะลับประดับเพชห์ร คาดเฃมฃัดรัดแนนแนบกระบี่ ก่อนที่ท่านจะเขียนลงกระดาษนี้ ท่านจะเขียนลงบนกระดานดำไว้ก่อน แล้วถึงมาบรรจงเขียนลงบนกระดาษอีกที พระยศวริศ กล่าวถึงงานเขียนที่จัดแสดงไว้ในตู้สุญญากาศ คือบทกลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอนนางสุวรรณมาลีจะฆ่าตัวตาย บนกระดาษข่อย ที่ประพันธ์และบรรจงเขียนจากมือสุนทรภู่ตัวจริง ถูกค้นพบที่กุฏิแม่ชี ภายในวัดเทพธิดารามวรวิหาร อันเป็นงานชิ้นประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่งที่มีอายุกว่าสองร้อยปี และได้นำออกมาแสดงให้รับชมภายในพิพิธภัณฑ์นี้ ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ ไม่ได้เก็บไว้แค่บทกลอนเรื่องพระอภัยมณีที่เขียนด้วยลายมือของสุนทรภู่เท่านั้น ยังได้จัดแสดงแคร่ที่นอน ข้าวของเครื่องใช้สมัยที่สุนทรภู่เป็นพระสงฆ์จำวัดที่นี่ไว้ จนทำให้รู้สึกได้ว่าสถานที่แห่งนี้ มีจิตวิญญาณของท่านอยู่เสมอ แม้ท่านจะจากเราไปสองร้อยกว่าปีแล้วก็ตาม อีกทั้งยังมีห้องอื่นที่จัดแสดงนิทรรศการผลงานต่าง ๆ ของสุนทรภู่ให้สดับรับฟังอย่างเพลินหูและชุ่มฉ่ำหัวใจในความสวยงามของภาษาไทย เสาร์-อาทิตย์ คนจะเยอะหน่อย ซึ่งมีคนไทยที่ชื่นชอบงานเขียนมากัน และมีชาวต่างชาติที่ศึกษางานของท่านก็มาตามรอยที่นี่ พระยศวริศกล่าวถึงการท่องเที่ยวในสถานที่แห่งนี้ ที่นอกจากจะได้เห็นงานเขียนชิ้นสำคัญในประวัติศาสตร์แล้ว ก็ยังชวนให้ดีใจที่มีคนต่างชาติก็สนใจในงานกวีและวรรณกรรมของประเทศไทย อีกทั้งสถานที่นี่อยู่ในวัดอันเงียบสงบ และมีบรรยากาศอันร่มรื่น ที่เมื่อย่างก้าวเข้าไป ก็จะชวนให้สมองและหัวใจได้ผ่อนคลาย ทิ้งความเมื่อยล้า แล้วไปสดับรับฟังงานของกวีเอกของโลก ที่รอให้ทุกคนได้เข้าไปสัมผัสความงดงามของภาษา ในพิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ วัดเทพธิดารามวรวิหาร สถานที่: วัดเทพธิดารามวรวิหาร ถ.มหาไชย กรุงเทพมหานคร เปิดทำการทุกวันเวลา 09.00-17.00 น. คนไทยเข้าชมฟรี ชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชม 50 บาท หากมาเป็นหมู่คณะ ติดต่อแจ้งที่ 085-120-8914, 02-222-6921 Facebook: พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ วัดเทพธิดาราม