มักง่าย เห็นแก่ได้ ละเมิดกฎหมาย โง่ หยาบคาย ขี้เหล้าติดยา ชอบใช้ความรุนแรง คำทั้งหมดนี้ ล้วนได้ยินกันบ่อย ๆ เมื่อได้เอ่ยถึงคำว่า สลัม และเมื่อกล่าวนั้นเสร็จ คลองเตย คือประโยคต่อไปที่คนทั่วประเทศจะต้องนึกถึงขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แม้แต่ในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตก็มีแหล่งสลัม ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีอยู่ทั่วโลก ที่นี่มีทั้งส่วนดีและไม่ดีเหมือนกับทุกที่บนโลกแหละ การที่พวกเขามักง่าย ไม่ได้ว่าเขาเป็นเช่นนั้น แต่วิถีชีวิตของเขาที่มีข้อจำกัด จึงทำให้ต้องกินง่าย อยู่ให้ง่ายที่สุด และที่พวกเขาโง่ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เรียน แต่เพราะขาดโอกาส แต่ถ้าได้มองเห็นพวกเขาแบบใกล้ ๆ จะเห็นว่าพวกเขาอยู่ระดับล่างมาก ๆ แต่ก็มีผลต่อการพัฒนาประเทศ อย่างแรกเลยคือแรงงานราคาถูก งานระดับล่างที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากทำ พวกเขาก็เอาหมด เอาเข้าจริงค่าแรงขั้นต่ำทำงานแบบไม่มีวันหยุดเลย ได้เก้าพันต่อเดือน ถ้าทำแบบหยุดสัปดาห์ละวัน ได้เจ็ดพันแปด แต่ค่าใช้จ่ายที่พวกเขาต้องใช้อยู่ที่แปดพัน ติดลบไปแล้วสองร้อย ไม่ต้องถามเลยว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะรวย แต่ควรถามว่าจะทำยังไงให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น พี่ไฝ-สัญชัย ยำสัน หัวหน้าโครงการพัฒนาเด็กและชุมชนมูลนิธิดวงประทีปคลองเตย และเป็นชาวชุมชนคลองเตย 70 ไร่ตัวจริง ได้อธิบายถึงประเด็นที่คนภายนอกมองเข้ามาที่แห่งนี้ และชี้แจงให้เห็นว่าทุกการกระทำ มันมีเหตุและผลของมัน “โรงเรียนชุมชนหมู่บ้านพัฒนา เป็นโรงเรียนที่อยู่ในชุมชนตามมาตรฐานของรัฐ เด็กที่เรียนส่วนใหญ่ก็เป็นคนในชุมชน ตรงนี้ก็มีร้านตัดผมราคาไม่แพง เขาก็เปิดให้มาฝึกวิชาชีพกัน ก็มีคนมาเรียนตัดผม อาหารก็มีเยอะนะ ไก่ทอดเจ้านี้บอกเลยว่าอร่อย ของเด็ดของชุมชน และก็มีข้าวนึ่งที่เราชูเป็นจุดท่องเที่ยวให้เห็นวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ขายของซ้ำกัน ทำให้เกิดการกระจายรายได้ในชุมชน” ซึ่งในทริปนี้ พี่ไฝก็ได้อาสาพานำเที่ยวไปพบเจอกับผู้คนมากมาย และคนแรกที่ได้พบก็คือ นิตยา พร้อมพอชื่นบุญ ที่ในชุมชนจะคุ้นเคยในชื่อ ป้าหมวย ปัจจุบันป้าหมวยเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ดูแลชุมชนนี้อย่างเอาจริงเอาจัง ป้าเป็นคนในชุมชนคลองเตยมา 60 ปีแล้ว แต่ก่อนบ้านจนเรียนจบแค่ ป.4 พออายุ 43 เราก็ทำงานด้านพัฒนาชุมชนไปด้วย เราก็รวมคนมาให้ความรู้และรณรงค์เรื่องยาเสพติด รวมถึงเรื่องเพศศึกษา ส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนหนังสือ ก็ทำงานไปด้วยแล้วเข้าไปเรียน ป.5 เรียนรู้กับเด็ก ทำงานดูแลผู้ป่วย ปัจจุบันจบปริญญาโทแล้ว เป็นนักสังคมสงเคราะห์วิชาชีพ เราจะเห็นว่าปัจจุบันคลองเตยมีด็อกเตอร์ มีหมอ มีศาสตราจารย์ มีนักสังคมสงเคราะห์เพิ่มขึ้น คนเขาไม่ได้อยู่ไปวัน ๆ อย่างเดียว แต่เขาก็พัฒนาร่วมกันด้วย หากใครที่ต้องขับรถผ่านเส้นท่าเรือเป็นประจำ ก็จะพบกับร้านไม้ริมทางรถไฟตั้งเรียงรายอยู่จำนวนหนึ่ง และไม้พาเลทจำนวนมากที่ตั้งเรียงรายราวกับเป็นของไม่มีค่า แต่พี่ไฝก็ได้อธิบายจนกระจ่าง ไม้พาเลทตรงนี้ มาจากท่าเรือนี่แหละ บางเจ้าเขาขนสินค้ามา แล้วไม่อยากเอาไม้กลับ เขาก็เอามาทิ้งไว้ ทางคนในชุมชนก็เห็นว่ามันน่าจะทำอะไรได้ ก็เอาไม้มาแปรรูป ทำเป็นไม้แผ่นขาย ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ ชั้นวางของต่าง ๆ คือเอาของที่ไม่มีค่ามาสร้างมูลค่าเพิ่ม จนเป็นสินค้าของชุมชนไปในตัว เมื่อได้ก้าวพ้นจากชุมชน 70 ไร่เข้าไปยังชั้นในชุมชนที่เรียกกันว่า ล็อก บรรยากาศจากถนนกว้างก็เข้าสู่ที่แคบขนาดที่พอสำหรับรถจักรยานยนต์เข้าไปได้ ความแออัดของบ้านเรือนที่ดูไม่เป็นระเบียบก็ปรากฎเข้ามาตรงหน้า แต่ในความแออัดนี้ก็มีความพิเศษซ่อนอยู่ภายใน โดยพี่ไฝได้ให้ซื้ออาหารแมวหนึ่งถุง และพาไปพบเจอกับปลาดุกรัสเซียตัวใหญ่หลายร้อยตัว ซึ่งเป็นอีกจุดที่ทางมูลนิธิชูเป็นจุดท่องเที่ยวของชุมชน โดยป้าเจ้าของบ้านที่ดูแลก็ออกมาต้อนรับและให้อาหารปลาอย่างยิ้มแย้ม ซื้อมาเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ หลายร้อยตัว จะเอาไว้ให้มันคอยกินลูกน้ำยุงลาย ก็ให้กินอาหารหมาอาหารแมวตลอด นานเข้ามันก็ไม่กินอาหารปลาเลย กินแต่แบบนี้ ตัวมันก็ใหญ่ขึ้น ๆ ใหญ่มาก ๆ นี่แค่ส่วนหนึ่ง จริง ๆ มีเยอะกว่านี้ เวลาใครมาก็เอาอาหารให้กิน มันก็จะออกมาเยอะ ๆ แบบนี้แหละ เมื่อพ้นจากจุดให้อาหารปลา ก็เริ่มเข้าสู่ชั้นในของชุมชน และเริ่มได้พบกับวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนนี้มากขึ้น เราได้เห็นกลุ่มเยาวชนมารวมตัวกันสนุ๊กเกอร์และส่งเสียงเฮฮาอย่างเป็นกันเอง และและอาจจะถูกมองว่าเยาวชนเหล่านี้เล่นการพนัน ซึ่งแท้จริงแล้วไม่มี พวกเขาเล่นเพื่อความสนุกสนานอันเป็นสิ่งที่พวกเขาหาได้ง่ายภายในชุมชนแห่งนี้ แมะ-ทองเลื่อน ทองเถื่อน ชาวบุรีรัมย์ที่เข้ามาปักหลักทำมาหากินในกรุงเทพหลายสิบปี เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่กับชุมชนแห่งนี้มานาน และถือเป็นอีกคนหนึ่งที่แสดงให้เห็นภาพกว้างของชุมชนแห่งนี้ ก็มาทำงานอยู่กรุงเทพ มีแฟนมีลูกด้วย ก็ปักหลักที่นี่ ทำงานรับจ้างทั่วไป แบกของให้ท่าเรือบ้าง มีก็ไป ไม่มีก็ไม่ไป ทำไกล ๆ ไปถึงขอนแก่นก็มี กลับบุรีรัมย์บ้าง เฉลี่ยปีละครั้ง แต่ก่อนก็คิดจะย้ายกลับนะ แต่ชีวิตเราอยู่ที่นี่หมด เรื่องคนนอกก็มองชุมชนเราไม่ดีอยู่แล้ว แต่เราก็พยายามบอกให้เขาได้รับรู้ว่าที่นี่ก็มีสิ่งดีดีนะ ถ้ามีคนมาเที่ยวในนี้ เราก็ยินดี ส่วนเรื่องย้ายออก คงลำบาก เราทำมาหากินแถวนี้ง่าย ถ้าเขาให้ย้ายไปก็ต้องไป ไม่มีทางเลือก ค่าใช้จ่ายในชีวิตคงสูงขึ้น ไปอยู่หนองจอก ต่อให้มีรถไฟก็ลำบาก คนอื่นบ่นว่าค่ารถไฟแพง สำหรับเราแพงยิ่งกว่านั้น การสร้างที่อยู่ให้ใหม่ ไม่ใช่ทางแก้ที่ดีสำหรับคนในชุมชนนี้ เดินออกมาตามตรอกซอกซอย ก็จะพบว่ามีศาสนสถานอย่าง มัสยิดนูรุ้ลฮดาย่าติ้ลอิสลาม ตั้งอยู่ในชุมชนแห่งนี้ อยู่ริมทางรถไฟ ซึ่ง จุมพล เหนีหมัด คณะกรรมการท่าเรือมัสยิดคลองเตยก็ได้เล่าถึงวิถีชีวิตของคนต่างความเชื่อที่อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขภายในชุมชนนี้ มัสยิดก็เหมือนวัด มีการสวดห้าเวลาปกติตามหลักศาสนาอิสลาม ก็มีมุสลิมจากการท่ามาละหมาด คนนอกที่รู้ว่ามีมัสยิดในนี้ก็มากัน ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่สามขวบ ตอนนี้หกสิบสามแล้ว ก็อยู่ร่วมกันในชุมชนได้ปกติ ไม่มีปัญหา ทุกที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เราก็สอนกันว่าให้เป็นหนึ่งเดียว ให้รักทุกศาสนา บางครั้งก็มีบาทหลวงมีเจ้าอาวาสมาร่วมงานที่มิสยิดแห่งนี้ อยู่กันไม่เคยแตกแยก การท่านี่เราอยู่มานาน เราจะยึดที่นี่ก็ไม่ได้หรอก ก็ต่อรองกันว่าจะให้เราอยู่ที่ไหน ตั้งกติกายังไง ผมบอกเป็นกลางเลยนะ ให้คนที่นี่ย้ายไปอยู่แฟลตอยู่คอนโด ค่าใช้จ่ายส่วนกลางมันมี อย่างผมกับคนอื่น ๆ อาจจะดิ้นรนได้ แต่คนที่หาเช้ากินค่ำรายได้วันต่อวัน เขาจะจ่ายยังไง ไม่ถึงสามเดือนก็ถูกเชิญออกแล้ว มันเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกเท่าไหร่ ทำเมืองใหม่ให้ไปอยู่น่าจะดีกว่า ถ้าย้ายไปแล้วใช้ชีวิตลำบาก ก็คงไม่ไป ถ้าย้ายไปแล้วมีงาน มีศูนย์พยาบาล มีที่อยู่อาศัย มันก็ดีที่จะเริ่มนับหนึ่งใหม่ แม้จะเป็นชุมชนที่แออัด สภาพแวดล้อมไม่ดี แต่พี่ไฝได้อธิบายถึงระบบการจัดการเรื่องสาธารณูปโภคที่มีการวางอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะน้ำประปา ที่ทุกหลังได้ใช้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้ดื่มกินที่ไม่สะอาด อีกทั้งปัญหาต่าง ๆ อย่างเรื่องของยาเสพติด ก็ลดลงเพราะมีการเข้ามารณรงค์จากภาคส่วนอื่น ๆ รวมถึงการศึกษา ที่ทำให้ทุกคนในชุมชนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งภายในชุมชนคลองเตยนี้ ก็มีการจัดตั้งสหกรณ์บริการเพื่อการพัฒนาขึ้นมา เพื่อให้คนในชุมชนได้มีเงินทุนใช้ในการตั้งตัวทำธุรกิจ อันเป็นแนวทางที่เกิดผลอย่างเห็นได้ชัด และจุดสำคัญคือการมีห้องสมุดชุมชนที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากมูลนิธิต่าง ๆ อันเป็นสถานที่ที่ทำให้คนในชุมชนเข้าถึงได้ง่าย และยังมีกิจกรรมมอบรางวัลให้กับคนที่ยืมหนังสือมากที่สุด เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนได้สนใจการอ่านเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ด้วยความคิดว่า ถ้าการศึกษาเข้าถึงทุกกลุ่ม การก้าวเดินไปสู่อนาคตก็มั่นคงขึ้น แม้จะเป็นสลัมที่ดูเลวร้ายในสายตาคนนอก แท้จริงแล้วก็ยังมีสิ่งดีงามซ่อนตัวอยู่ในชุมชนแห่งนี้ โดยเฉพาะความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และการยอมรับถึงปัญหาที่มีอยู่ภายในอันเป็นจุดแรกในการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง จึงทำให้ภายในชุมชนคลองเตยแห่งนี้มีความน่าสนใจ โดยโครงการท่องเที่ยวชุมชนคลองเตยเริ่มต้นขึ้นมาเมื่อปี 2561 โดยกลุ่มโลคัลอะไลฟ์ ที่มีจุดประสงค์ให้เกิดการท่องเที่ยวภายในชุมชน และไม่ได้ต้องการให้แค่มาเที่ยว ถ่ายภาพแล้วกลับไป แต่ต้องการให้เกิดท่องเที่ยวในเชิงการสานสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวกับคนในชุมชน อีกทั้งช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับคนภายนอก โดยมีมูลนิธิดวงประทีปคลองเตย มาเป็นผู้ดูแลการนำเที่ยว และหวังว่าผู้ที่เข้าเยี่ยมชมจะสามารถเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาร่วมกันได้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ https://localalike.com/ Facebook: https://www.facebook.com/LocalAlike โทรศัพท์: 02-115-9861