ไหม นวนิยายที่เขียนขึ้นปี ค.ศ. 1996 ได้รับความนิยมสูงสุดในอิตาลี โดยได้รับการตีพิมพ์ซ้ำถึง 25 ครั้งภายในปีแรก และถูกแปลเป็นภาษาอื่นๆ กว่า 20 ภาษาทั่วโลก ผู้เขียนได้แรงดลใจจากคำบอกเล่าถึงบรรพบุรุษของเพื่อนคนหนึ่ง เป็นเรื่องราวของชายผู้ทำงานเพียงปีละไม่กี่เดือน ด้วยการเดินทางไกลไปอีกฟากโลกที่แทบไม่มีใครรู้จักในเวลานั้นในเรื่องยังมีความปราถนา ความเจ็บปวด คุณก็รู้ดีที่สุดว่าเป็นเช่นไรคำนำของหนังสือกล่าวไว้ว่า" นี่ไม่ใช่นิยาย อีกทั้งไม่ใช่เรื่องจริง นี่คือเรื่องเล่า เริ่มต้นที่ชายคนหนึ่งเดินทางข้ามโลกและจบลงที่ทะเลสาบแห่งหนึ่ง อยู่ที่นั่น เช่นนั้น ในวันลมพัดแรง ชายคนนี้มีชื่อว่า แอร์เว ฌองกูร์ ไม่มีใครรู้ว่าทะเลสาบชื่ออะไร " หนังสือพรรณนาถึงการเดินทางของแอร์เว ฌองกูร์ อายุ 32 ปี เขาซื้อและขาย หนอนไหม ใช้การเล่าด้วยภาษาที่อ่านดูเสมือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้อยคำช่างดูเรียบง่าย หากแต่คมคาย ซ่อนเงื่อน จำนวนหน้ากระดาษควรจะหนาเป็นปึก แต่เปล่าเลย ใช้เวลาอ่านชั่วอึดใจไม่ทันง่วงก็จบเล่ม เทคนิคการเขียนสะกดสายตาในจังหวะที่ต้องการเน้น เนิบช้า แต่ทว่าก็พัดพาให้เรื่องดำเนินไปไว(มาก)ในบางช่วงที่อยากจะเล่าอย่างรวดเร็ว ไหม สำหรับเราไม่ใช่หนังสือที่อ่านแล้วเข้าใจไปหมดทุกรายละเอียดในรอบเดียว ไหมก่อความสับสนระหว่างสิ่งที่่เหมือนจะเป็นความรักและบางสิ่งที่เหมือนเป็นความลุ่มหลง--- "ถ้าเธอตายก็จะไม่เหลือสิ่งสวยงามอีกแล้วในโลกใบนี้" ข้อความจากภรรยาของแอร์เวกับการเดินทางหนึ่งในสี่รอบไปดินแดนแสนไกลของเขา และยังมีข้อความในจดหมายที่เป็นกุญแจสำคัญของเรื่อง "จงกลับมา หาไม่ข้าจะตาย"--- ไหมสำหรับเราเหมือนจังหวะหายใจขัดกระชั้นสลับทอดถอนใจยาว แทรกด้วยลมหายใจแผ่วบางรวยรินช่วงท้ายเรื่อง หน้าชา เจ็บปวดร้าวลึกเมื่ออ่านหน้าสุดท้ายจบลง FACT ไหมแปลจากหนังสือ Setaผู้เขียน : Alessandro Bariccoแปลโดย : งามพรรณ เวชชาชีวะสำนักพิมพ์ผีเสื้อ หากยังชื่นชอบงานเขียนของ Alessandro Baricco ยังมีผลงานอีกเล่มที่น่าสนใจ -- Novecento ( โนเวนเชนโต้ ) "ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ให้ เออูเจนิโอ อัลเลกริ นักแสดงและกาบริเอเล วาชิส ผู้กำกับ ทั้งสองนำเรื่องนี้ไปสร้างเป็นการแสดงบนเวทีในงานเทศกาลเมืองอัสติ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาข้าพเจ้าไม่ทราบเลยว่า นี่เพียงพอหรือไม่ที่จะกล่าวว่า ข้าพเจ้าประพันธ์บทละคร ข้าพเจ้าออกจะเคลือบแคลงใจอยู่ บัดนี้ เมื่อได้เห็นบทประพันธ์นี้ในรูปหนังสือ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกโน้มเอียงว่า นี่คือบทประพันธ์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างบทละครแท้จริงกับเรื่องเล่าสำหรับอ่านออกเสียงข้าพเจ้าคิดว่า ไม่มีชื่อเรียกบทประพันธ์ลักษณะนี้ กระนั้นก็ไม่สำคัญนักสำหรับข้าพเจ้าแล้ว นี่เป็นเรื่องราวแสนงามที่มีค่าพอแก่การนำมาบอกเล่า อีกทั้งข้าพเจ้ายังพอใจที่จะคิดว่า จะมีใครสักฅนอ่านเรื่องนี้"– เอ. บี. (กันยายน ค.ศ.1994) คำโปรย จาก Readery