หลังจากได้ฟังคำถามจากเพื่อน ด้วยหัวข้อที่เขียนไว้ ก็ทำให้ต้องทวนซ้ำถึง 3 รอบ เพราะเราฝังหัวมาตลอดว่า จะทำ Haircut หนี้ ต้องมีหนี้เสียก่อน จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาต่อรอง เพราะหากเราเป็นลูกหนี้ที่จ่ายชำระดี จะไปเจรจากับเจ้าหนี้ทำไม? และที่งงในงงคือ ทำได้ด้วยเหรอ?...งั้นเอาใหม่!! เราและนายต้องมาทวนความรู้กันใหม่ เพราะตอนนี้นายทำให้เราสับสนอย่างแรง ... ไปค่ะ ไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยหนี้เสีย, หนี้ NPL จะเรียกอย่างไหนก็ดูไม่ค่อยต่างกันเท่าไร แต่ต้องมีการค้างจ่ายที่ 3 งวดเป็นต้นไป จึงจะใช้คำเหล่านี้ได้ นอกจากตามทวงไม่เว้นแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงแล้ว เจ้าหนี้เค้าก็จะส่งข้อมูลของเราไปให้กับทางเครดิตบูโร หากเราเคลียร์จนหมดจดสะอาดสะอ้านแล้ว รออีก 3 ปี ชื่อของเราก็จะหายไปจากระบบ แต่ที่จะติดไปจนตายก็คือ Black List ของสถาบันการเงินนั้น ๆ หมายความว่า เราอาจขอกู้ยืมเงินจากแหล่งนี้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะเค้าเข็ดหลาบกับลูกหนี้อย่างเรานั่นเอง ...แต่ ๆๆ... ช่วงหลังได้ยินมาอยู่บ่อย ๆ ว่า หลังจากเคลียร์หนี้สินแล้ว ทางสถาบันการเงิน ก็ส่งบัตรมาให้ลูกหนี้ใหม่ หรือไม่ก็จะมีพนักงานเสนอให้ทำบัตรเครดิตต่าง ๆ อีก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ซะงั้น!)ดังนั้นในกรณีที่หนี้สินของเรา ยังคงสถานะปกติ ทางเจ้าหนี้ก็จะมองว่าเรายังจ่ายไหว ส่วนใหญ่แล้วถ้ามีเงินก้อนปิดก่อนกำหนด ก็จะจบกันที่ดอกเบี้ยรายวันไม่เดินอีกต่อไป แต่ยังไงเราก็ต้องจ่ายเงินต้นที่ไปกดมาอยู่ดี สรุปว่าไม่ได้ส่วนลดอะไรเลย ข้อดีคือ เครดิตบูโรไม่เสีย, Black List ก็ไม่ติด สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ต่อไปมาถึงตรงนี้ เราจึงบอกเพื่อนไปว่า จะเอาทั้งส่วนลดเยอะ ๆ และไม่มีประวัติเสียหายเลย มันก็แลดูจะสวนทางกับหลักการอยู่ไม่น้อย ซึ่งต่างกับการปิดหนี้ไฟแนนซ์รถยนต์ก่อนกำหนด เพราะดอกเบี้ยไม่ได้เดินรายวัน ไฟแนนซ์กำหนดดอกเบี้ยและบวกเงินต้นไปหมดแล้ว จากนั้นก็หารจำนวนงวดออกมา หากเราปิดก่อนกำหนด เค้าจะมีส่วนลดเอาไว้ส่วนหนึ่งตามระเบียบ หากจำไม่ผิด แจ้งมาว่าคืนภาษี 7% มาให้ เราเคยปิดก่อน 2 ปี ก็ได้ส่วนลดอยู่ที่ 8,000 กว่าบาทเราบอกเพื่อนไปว่า ... เราเข้าใจที่เพื่อนไม่อยากให้ประวัติการเงินเสีย แต่เห็นข้อเสียของการหมุนเงินหรือยัง ว่าสุดท้ายก็ไปไม่รอด เพื่อนจ่ายหนี้เดือนละ 20,000 บาท หากหยุดจ่ายทั้งหมด แล้วเก็บเงินก้อนนี้เอาไว้รอทำ Haircut หนี้ ก็น่าจะปิดจบได้หลายใบอยู่ เพราะบางรายเจ้าหนี้ลดเยอะมาก บางรายโหดหน่อย ไม่ลดก็คือไม่ลด ก็ต้องจ่ายคืนเค้าไปตามนั้น หรือจะรอไปขึ้นศาลก็ให้เลือกเอา เพราะเจ้าหนี้คงไม่ยอมให้หนี้หมดอายุความจนเราได้เปรียบหรอก ยกเว้นจะหลุดจริง ๆ แต่หากยืนยันว่าไม่อยากหยุดจ่าย เพราะไม่อยากเสียประวัติ ก็ต้องทำใจว่าเจ้าหนี้คงไม่ยอมประนอมหนี้ให้ง่าย ๆ หรือไม่ได้เลย เพราะมันค่อนข้างผิดหลักการอย่างที่บอกไปแล้วมีอีกหนทางที่เรากับเพื่อนคุยกันก็คือ จะขายทรัพย์สิน (คอนโด) เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่กว่าจะขายได้ คงไม่ทันเวลา เพราะสิ้นเดือนนี้ไม่มีเงินจะหมุนมาจ่ายอีกแล้ว เราจึงแนะนำไปว่า หยุดจ่ายหนี้บัตรให้หมดทุกใบ เก็บเงินก้อนเอาไว้ให้มากที่สุด ค่อย ๆ เคลียร์เจ้าหนี้ออกไปทีละราย เพราะเงินเดือนก็ไม่น้อย เชื่อว่าไม่เกิน 1 ปี จะปิดได้ 70% แน่นอน ส่วนคอนโดจะประกาศขายก็ทำไป ได้เงินเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น อย่างน้อยก็มีทุนรอนเอาไว้ให้อุ่นใจ ... บางคนต้องรอสืบทรัพย์บังคับคดี คิดดูว่ามันทรมานแค่ไหน ... ลองมโนเล่น ๆ ดูก็ได้นะตรงนี้ต้องบอกก่อนว่า ไม่ได้มีเจตนาให้ใครต้องเสียประวัติทางการเงิน เพราะเราเชื่อว่าเพื่อนจะไม่ติด Black List อย่างน้อย 1-2 สถาบันการเงิน ดังนั้นบัตรไหนยังอยู่ก็รักษาวินัยการเงินเอาไว้ให้ดี และรออีก 3 ปี ชื่อที่ติดในเครดิตบูโร ก็จะหายไปเอง ... สบายใจได้ เวลา 3 ปี ไม่นานหรอก ใช้เงินสดสบายใจว่าเยอะ ส่วนทรัพย์สินก็เก็บเงินหาเอาใหม่ได้เช่นเดียวกัน!!กดที่รูปโปรไฟล์ แล้วกด “ติดตาม” เอาไว้นะคะ เรามีประสบการณ์เรื่องการจัดการหนี้สินและการเงินมาแชร์อีกเยอะเลยค่ะ บทความน่าอ่าน :- ทำความเข้าใจ แบล็กลิสต์ (บัญชีดำ) และเครดิตบูโร ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด- 4 ข้อต้องคิด ก่อนตัดสินใจปรับโครงสร้างหนี้- ลูกหนี้ต้องอ่าน!! เจรจาต่อรองลดหนี้ จนกว่าจะพอใจได้หรือไม่?ขอขอบคุณภาพจาก : ภาพปก : HOerwin56 / Pic 1 : Geisteskerker / Pic 2 : blickpixel / Pic 3 : Mimzy / Pic 4 : nattanan23