กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะอยู่ ๆ ก็ได้รับข่าวร้าย ว่าเราเป็นหนี้จำนวนหนึ่ง จากการทำธุรกรรมบางอย่าง ในครั้งแรกก็ต้องปฏิเสธพร้อมโวยวาย เพราะมั่นใจว่าไม่ได้เป็นหนี้ก้อนนี้จริง ๆ แต่พอเช็คไปยังบริษัทต้นทาง ความจำก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนชีพ ว่าเราได้ให้สิทธิผู้อื่นไปทำธุรกรรมการเงินในชื่อของเราเมื่อนานมาแล้ว และคนผู้นั้นไม่ได้จัดการภาระหนี้สินให้จบกระบวนความ สุดท้ายกลายเป็นเรา ต้องเป็นหนี้ไปโดยปริยายในบทความนี้ เราได้นำทั้งประสบการณ์ส่วนตัว และประสบการณ์ของคนใกล้ตัวมาเขียน ว่ามีอะไรบ้างที่เราไม่ควรเสี่ยงเอาน้ำใจเข้าไปแลก เพราะนอกจากมีโอกาสต้องเป็นหนี้แทนแล้ว ยังได้ศัตรูมาเพิ่มอีกด้วยเครดิตภาพ : jarmolukไม่อยากจ่ายหนี้แทนผู้อื่นต้องอ่าน !! 5 ข้อสร้างภูมิคุ้มกันการเป็นหนี้ไม่รู้ตัว1.อย่าให้ผู้อื่นยืมบัตรเครดิตไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่เราต้องให้ผู้อื่นยืมบัตรเครดิตเราไปใช้ อย่าไปห่วงเรื่องสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากกว่าการต้องจ่ายหนี้แทนคนอื่น หากเค้ามาขอยืมบัตรเรา ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า บัตรเค้าต้องใช้เต็มวงเงินไปแล้วแน่ ๆ และเสี่ยงที่จะไม่มีเงินจ่ายรายเดือนด้วย ดังนั้นเรื่องนี้เพื่อนเราเจอมากับตัว ถึงขั้นต้องบังคับให้ทำสัญญาเงินกู้กันเอาไว้ และไปลงบันทึกประจำวันมาแล้ว กว่าจะสะสางกันได้ก็ใช้เวลาเป็นปี หลังจากนั้นก็มองหน้ากันไม่ติดอีกเลยเครดิตภาพ : Mediamodifier2.อย่าผ่อนสินค้าให้ผู้อื่นในชื่อเราสมัยก่อนตอนทำงานประจำ เรามักจะคุยกับเพื่อน ๆ เรื่องสินค้าผ่อน 0% เสมอ เผื่อมีอะไรจำเป็น ก็จะซื้อไว้ใช้ที่บ้าน แต่จะมีคนประเภทที่ไม่เกรงใจคนอื่น กล้าเอ่ยปากขอใช้สิทธิของเราผ่อนสินค้า แรก ๆ ก็จ่ายชำระดี พอเข้าเดือนที่ 5 เท่านั้นแหละ มักจะมีข้ออ้างสารพัดที่จะไม่จ่าย ยังไม่พอให้เราออกก่อนอีกด้วย เพราะรู้ว่ายังไงเราก็ไม่ยอมเสียเครดิต ข้อดีคือทำงานที่เดียวกัน เห็นกันทุกวัน แต่ก็ตามทวงกันอยู่ทุกเดือน หลังจากนั้นก็ไม่สนิทใจกันอีกเลยเครดิตภาพ : Free-Photos3.อย่าค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนหรือคนรู้จักจะเป็นเพราะเคยช่วยเหลือกันมา หรือเหตุใดก็ตามที ที่ทำให้เราต้องยอมเซ็นค้ำประกันให้คนอื่น เท่ากับว่าเรายอมเป็นหนี้แทนคนอื่นไปแล้วทางนิตินัย และเมื่อเคราะห์หามยามร้ายมาเยือน เราก็ต้องกลายเป็นลูกหนี้อย่างแท้จริงไปเลยทันที ญาติเราคนหนึ่งค้ำประกันรถยนต์ให้กับคนรู้จัก เมื่อเค้าหายตัวไป เจ้าหนี้ก็ตามเอาที่คนค้ำประกัน ซ้ำร้ายหายไปพร้อมรถยนต์คันนั้นด้วย จึงต้องยอมชดใช้หนี้ไปตามกฎหมาย จำนวนเงินมากถึง 300,000 บาท จากนั้นก็ทำได้เพียงวิธีไล่เบี้ยเท่านั้นเครดิตภาพ : mohamed_hassan4.อย่ากู้เงินแบบกลุ่ม (ค้ำประกันซึ่งกันและกัน)เราอาจโดนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดได้ โดยเฉพาะในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เพราะการกู้เงินแบบกลุ่ม เป็นเรื่องของความรัดกุมของสถาบันการเงิน เมื่อคนใดคนหนึ่งไม่จ่าย คนที่เหลือก็มีหน้าที่ต้องชำระแทน ดังนั้นการจับกลุ่มกู้เงิน เราอย่าคิดแต่เพียงว่า หาคนมาให้ครบเป็นพอ แต่ต้องสืบให้ถี่ถ้วนด้วยว่า เพื่อนของเราทุกคน มีประวัติการเงินดีมากน้อยแค่ไหนด้วย เพราะหากคนใดคนหนึ่งไม่จ่ายขึ้นมา ก็เท่ากับว่าเรา ๆ ที่เหลือ ต้องรับผิดชอบไปโดยปริยาย ท้ายที่สุดต้องไปไล่เบี้ยกันเอาเองอีกเครดิตภาพ : jackmac345.ระวังถูกขโมยข้อมูลไปทำบัตรเครดิตให้ระวัง!! กรณีที่มีเจ้าหน้ามาช่วยทำบัตรเครดิตให้ถึงทำงาน เราต้องจำให้ได้ว่า เราเซ็นเอกสารไปกับบริษัทหรือสถาบันการเงินไหนบ้าง แล้วผ่านการอนุมัติกี่ที่ เช่น ยื่น 3 ที่ จำได้ว่าได้รับอนุมัติ 1 ที่ แต่วันดีคืนดี เราไปทำธุรกรรมอื่น ๆ กลับมีข้อมูลแย้งว่าเราติดเครดิตบูโร ของสถาบันการเงินหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยได้รับการอนุมัติบัตร และไม่เคยใช้งานเลยในกรณีนี้ ให้เรานำรายงานเครดิตบูโร เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ว่ารายงานนี้เป็นเท็จ และชี้แจงความเป็นจริงเพิ่มเข้าไป จากนั้นถ่ายสำเนาเอาไว้ และส่งเอกสารไปยังบริษัทต้นเรื่อง เพื่อตรวจสอบต่อไป หากมีรายละเอียดใด ๆ ต้องชี้แจงเพิ่มเติม ก็ให้ดำเนินการไปตามระบบที่ทางเครดิตบูโรแจ้งเข้ามาอีกครั้งเครดิตภาพ : alancleaverทั้งหมดนี้ เป็นความเสี่ยงที่เราจะเป็นหนี้แบบไม่รู้ตัวด้วยกันทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่า การไม่ยอมให้ผู้อื่นมายุ่งเกี่ยวกับการเงินของเรา จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และตัวเราเอง ก็ต้องไม่ไปยุ่งกับการเงินของคนอื่นด้วย หลาย ๆ ครั้งพบว่า การเคยช่วยเหลือกันมาช้านาน ทำให้ปฏิเสธลำบาก แต่อย่าลืมว่า เราสามารถช่วยเหลือกันในช่องทางอื่น ๆ ได้อีก แต่อีกฝ่ายอยากจะรับไว้หรือไม่ ก็คงจะไปบังคับไม่ได้เช่นกันเครดิตภาพปก : Capri23autoอ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมแก้ปัญหาการกู้เงินแบบกลุ่ม 3 คน พร้อมแชร์อุทาหรณ์ คิดก่อนตัดสินใจกู้ร่วม