ไปโกลไปลค่องชื่อนี้คืออะไร ถ้าถามคนอีสานจะรู้จักกันในชื่อว่าบักแงวเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งจะอยู่ในกลุ่มของลิ้นจี่ ลำไย เงาะ มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ผลสีแดง แต่มีขนาดเล็ก โดยภาพลักษณ์ภายนอกผู้เขียนมองว่าเหมือนลิ้นจี่มาก แต่มีขนาดเล็กกว่าลิ้นจี่เป็นไม้ยืนต้นสูง ดอกออกปลายกิ่งหรือตามซอกใบ กลีบดอกมี 6 กลีบหรือไม่มี แต่เนื้อข้างในคล้ายเงาะ มีรสเปรี้ยวรับประทานได้ เมล็ดไม่สามารถรับประทานได้เนื่องจากแข็งและมีพิษ ในภาษาส่วยจะเรียกว่า ไปโกล เหมือนกำลังพูดภาษาอังกฤษอิอิ บักแงว (ในภาษาอีสาน) ภาษากลางจะเรียกว่าคอแลน แต่ละชื่อน้องน่ารักในแบบของน้อง ถ้าพูดเรื่องสรรพคุณผู้เขียนได้ไปศึกษามาเพิ่มเติม น้องมีสรรพคุณที่โดดเด่นคือ ช่วยในการย่อยอาหาร ด้วยความที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน ก็คงเหมือนกับวิตตามินซีทำให้ช่วยในเรื่องการต้านหวัดและไวรัสไข้หวัดใหญ่ เมื่อทานจะทำให้เกิดอาการชุ่มคอ อารมณ์คงเหมือนกับกินมะขามป้อม ทำให้มีความกระชุ่มกระชวย ช่วยลดความเครียด และที่โดดเด่นคือช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ถือว่าเป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานเลยนะคะ โดยส่วนตัวผู้เขียนเองได้รู้จักไปโกลหรือว่าบักแงวที่ภาษาอีสานหรือบ้านผู้เขียนใช้เรียกกัน ตอนแรกผู้เขียนเองก็อมยิ้มกับคำว่าไปโกล (ในภาษาส่วย) น้องแอบออกเสียงน่ารัก ผู้เขียนเองพยายามออกเสียงแล้วแต่สำเนียงไม่ได้ ถ้าอยากฟังแบบออริจินอลต้องหาโอกาสมาเที่ยวนะคะ ผู้คนแถบนี้เป็นมิตรกับทุกคนเชื่อว่าถ้าได้มาจะหลงรักพื้นที่แห่งนี้ https://cities.trueid.net/post/110550 ถ้าอยากรู้จักภาษาส่วยเพิ่มเติมตามเข้าไปในบทความที่วาง Link ไว้นะคะ ต่อไปเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่หลาย ๆ ท่านรู้จักกันดีในชื่อว่า มะม่วง ภาษาอีสานบ้านหนู ( ศรีสะเกษเรียกน้องว่า บักม่วง ) แต่ในภาษาส่วยเรียกว่า ไปลค่อง มาอีกแล้วจ้า ^--^ ออกเสียงยากจัง พยายามออกเสียงแล้วนะคะ เวลาอยากกินมาก ๆ ก็ใช้ภาษามือค่ะแม่ อยากได้ผลไหนผายมือไปค่ะ แจ้งแม่ค้าเลยเพราะหนูออกเสียงไม่ชัดเจนกลัวอดจะไม่ได้ทานผลไม้ที่ชอบ สรรพคุณของมะม่วงก็จะช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหาร ระบบผิวพรรณ บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ถ้าเทียบสรรพคุณของไปโกลไปลค่อง ทั้ง 2 ชนิด สรรพคุณก็ไม่ได้แตกต่างกันมากแต่จะช่วยเรื่องผิวพรรณอันนี้แหละค่ะ ที่ผู้เขียนเองชอบมากราคาของไปโกล จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท ส่วนมะม่วงหรือไปลค่องจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท ถูกมากมายถ้าเทียบกับสรรพคุณของผลไม้ทั้ง 2 ชนิด ที่ได้นำมานำเสนอผู้อ่านที่น่ารัก ผู้เขียนเองเดิมทีเป็นเด็กต่างจังหวัด ทานผลไม้ทีก็ทานเท่าที่ครอบครัวหามาให้ไม่ได้คิดถึงคุณค่าทางอาหารเท่าไหร่ แต่พอโตมาถึงได้เริ่มศึกษา ผู้เขียนมองว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว แล้วผู้อ่านหละค่ะมาถูกทางรึยังไปโกลไปลค่องชื่อนี้อย่าลืมนะคะ เป็นยังไงบ้างค่ะวันนี้ได้มาเรียนรู้ภาษาส่วยไปพร้อมกันกับผู้เขียน ผู้เขียนเองก็ตื่นเต้นค่ะ เวลาได้ฟังภาษาส่วย ถึงแม้จะไม่ใช่ภาษาถิ่นของผู้เขียน แต่ความแตกต่างระหว่างบุคคล การติดต่อสื่อสารในกลุ่มชนที่แตกต่างกันออกไป แต่สามารถเข้าใจกันได้ แม้กระทั่งภาษาบ้านเกิดของผู้เขียนเองอยู่ในชุมชนเดียวกันยังมีความแตกต่างกันทางภาษา จังหวัดเดียวยังมีถึง 4 ภาษา คือ เขมร ลาว ส่วย เยอ ไปโกลไปลค่องชื่อนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการจะศึกษาภาษาส่วยไม่มากก็น้อยนะคะ ไว้เดี๋ยว ep. หน้าผู้เขียนมีภาษาส่วยอะไรที่น่ารักมานำเสนอผู้อ่านที่รักของผู้เขียนอีกดี ไว้รอติดตามนะคะ รับรองค่ะไม่ผิดหวังแน่นอน ภาษาส่วยก็เป็นอีกหนึ่งภาษาที่ผู้เขียนชอบถึงแม้บางครั้งได้ยินชุมชนส่วยสนทนา ผู้เขียนฟังไม่รู้เรื่องก็ได้แต่ยิ้มและเรียนรู้ไปกับความน่ารักและความหลากหลายทางภาษาของประเทศไทยเราค่ะ ก่อนจากกันไปขอนำเสนอภาษาอีสานอีกคำให้ผู้อ่านที่รักของผู้เขียนได้เรียนรู้ค่ะ คือคำว่า ไว้เว้ากันมื่อหลังเด้อจ้า (แปลว่าไว้คุยกันอีกทีวันหน้านะคะ) มื่อนี้พอแค่นี้เด้อจ้า (แปลว่าวันนี้พอแค่นี้นะคะ) น่ารักไหมค่ะภาษาส่วย และภาษาบ้านเกิดภาษาอีสานของผู้เขียนอิอิ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพปกจากcanva.com