จังหวัดนครพนม นับเป็นเมืองชายแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย อีกทั้งมีพื้นที่ทางทิศเหนือและทิศตะวันออกติดกับแม่น้ำโขงโดยตลอด ทำให้เป็นจังหวัดที่ ''นักเดินทางไกล'' ต้องไม่พลาด ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็ได้มีโอกาสไปสัมผัสบรรยากาศ เลยอยากแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางครั้งนี้ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกเลยค่ะว่า การไปนครพนมเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนก้าวขาออกเดินทางไกลกับเพื่อนเป็นครั้งแรกเลยล่ะ การเดินทาง ผู้เขียนเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจากจังหวัดร้อยเอ็ด มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดนครพนม ระยะทางประมาณ 240 กิโลเมตร ขับไปแวะไปก็ใช้เวลา 4 ชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะ แต่อยากบอกว่า 4 ชั่วโมงนี่วิเศษสุด ๆ ไปเลย เพราะอะไรน่ะหรอคะ ก็เพราะว่า ระหว่างทางมันมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นนั่นเองค่ะ เรื่องราวที่ว่า คือ การได้เดินทางไปพร้อมเพื่อนร่วมทางที่น่ารัก การได้เห็นบรรยากาศดี ๆ ระหว่างการเดินทาง ธรรมชาติสวย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา ป่าไม้ แสงแดด ท้องฟ้า ทุ่งนา ทุ่งหญ้า รวมทั้งวิถีชีวิตในแต่ละท้องถิ่นที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายวัฒธรรมที่เเตกต่างกันไป หาไม่ได้จากที่ไหนนอกจากการออกเดินทางครั้งนี้ค่ะ เอ๊ะ เกือบลืมไปเลยค่ะ ตอนผู้เขียนมาถึงนครพนม เเอบหลงทางนิดนึง กว่าจะหาที่พักที่จองไว้ได้ เล่นเอาเหนื่อยเลยค่ะ เเต่ก็ได้ที่พักถูกใจนะคะ ถ้าทุกคนเดินทางมาไม่ต้องห่วงเรื่องที่พักเลย มีทุกที่ตามริมฝั่งโขง หรือเข้าตัวเมืองหน่อย ๆ ก็หาได้ไม่ยากนะคะ ที่สำคัญที่พักสะอาดราคาจับต้องได้ค่ะ งั้นเราไปดูกันต่อดีกว่า เมื่อมาถึงจังหวัดนครพนมเเล้ว ที่ไหนต้องเเวะชมกัน ไปค่ะ ไปดูกันเลย วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร พระธาตุพนม เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจังหวัดนครพนมเคารพบูชา โดยประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนชยางกูร บ้านธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม มีลักษณะเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยองค์พระธาตุตั้งอยู่บนเนินสูงจากพื้นธรรมดาประมาณ 3 เมตร มีกำแพงล้อมรอบองค์พระธาตุที่สวยงาม เป็นสถานที่ที่เมื่อเรามาถึงนครพนมแล้ว ต้องห้ามพลาดเลย อาจจะถือได้ว่า เรามาถึงจังหวัดนครพนมจริง ๆ เมื่อเข้ามาในเขตพระธาตุแล้ว เราก็สามารถกราบไหว้แล้วเดินเวียนเทียนรอบพระธาตุ เพื่อขอพรให้ตัวเองได้นะคะ ตอนผู้เขียนได้เข้าไปกราบไหว้ แล้วเดินเวียนเทียน รู้สึกสบายใจมาก ๆ นอกจากเราจะสบายใจจากการที่ได้เข้าไปกราบไหว้พระธาตุแล้วนั้น เราจะได้เห็นวิถีชีวิตท้องถิ่น การแต่งการที่เป็นเอกลักษณ์ สะท้อนการเป็นชาวจังหวัดนครพนมเป็นอย่างดี กลิ่นอายของวัฒธรรมอบอวลจนชวนให้อยากเป็นสาวชาวนครพนมเชียวล่ะค่ะ ริมโขงไทย-ลาว ''สองฝั่งโขง'' บริเวณริมโขงฝั่งจังหวัดนครพนม บรรยากาศดีมากถึงมากที่สุด เป็นริมฝั่งที่สบายตา สะอาด ที่สำคัญเลยนะคะ ก็คือ เหมาะสำหรับการมาเดินเล่น นั่งเล่น พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงมาวิ่งออกกำลังกายหรือปั่นจักรยานไปเรื่อย ๆ เพื่อชมบรรยากาศตามริมโขงก็น่าจะสนุกไปอีกแบบค่ะ จะบอกว่า ตอนผู้เขียนยืนอยู่ริมโขงฝั่งไทยนั้น สายตาโฟกัสไปมองที่อีกฝั่ง คือ ฝั่งประเทศลาวนั่นเอง ฝั่งลาวจะให้บรรยากาศคนละแบบกับฝั่งไทยเลยนะ เพราะฝั่งลาวนั้น จะสวยงามแบบธรรมชาติ มองเห็นภูเขา ท้องฟ้าสวย ๆ สบายตามาก ส่วนฝั่งไทยของเราที่จังหวัดนครพนมนั้น อบอวลไปด้วยวัฒนธรรมอันดีงาม ตลอดริมฝั่งจะมีเรื่องราวดี ๆ ในทุกที่เเละทุกมุม ยามค่ำคืนก็จะมีไฟเเสงสี ชวนให้หลงใหลเชียวค่ะ ตอนมาถึงริมโขงเเรก ๆ ตื่นเต้นมาก เพราะเเถวบ้านเราไม่เคยมีอะไรแบบนี้ เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษค่ะ นั่งเรือชมโขงสองฝั่งไทย-ลาว หลังจากที่เดินชมริมโขงเรื่อย ๆ ผู้เขียนก็ได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมทางถึงการนั่งเรือชมโขง จริง ๆ เเล้วแอบหาข้อมูลมาจากบ้าน เลยตัดสินใจเดินไปตามริมโขง เดินไปเรื่อย ๆ เก็บบรรยากาศดี ๆ พอใกล้ถึงท่าเรือ อ้าว เรือกำลังจะออกแล้ว เรือรอบสุดท้ายของวันเลยนะ ถ้าไม่ได้ไปรอบนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้นั่งอีกแน่นอน ด้วยความตื่นตระหนกของผู้เขียนเเละเพื่อน พวกเราพากันวิ่งค่ะ วิ่งหน้าตาตื่นมาก สุดท้ายก็ไม่ทัน เรือได้เคลื่อนตัวไปแล้ว พวกเรายืนหน้าตาละห้อยกัน เเอบเสียใจไม่น้อย เเต่ทว่า คนในเรือเห็นเรา เขาประกาศใส่ไมค์เสียงดังชัดจากเเม่น้ำว่า หนู ๆ จะไปไหม เเล้วพูดถามคนในเรือว่าสามารถรอพวกเราได้ไหม ทุกคนในเรือใจดีมาก พวกเขาจอดรับพวกเรา! พวกเราเลยรีบวิ่งไปที่เรือ พอถึงเรือก็พากันหัวเราะกับทรงผมเเต่ละคนหลังจากวิ่งมาถึงเรือ จากนั้นก็ไหว้ขอบคุณเจ้าของเรือที่ให้เรามาด้วย เฮ้อ เกือบไม่ได้มานั่งเเล้ว จากนั้น ต่างคนต่างหาเสื้อชูชีพใส่ขนาดเหมาะกับตัวเอง เเล้วไปชมบรรยากาศบนเรือ บรรยากาศสองฝั่งดีมาก ๆ เลยล่ะ บนเรือมีการบรรยายถึงตำนานของสองฝั่งโขง บรรยายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตรงริมฝั่ง นอกจากจะได้ชมบรรยากาศเเล้วยังได้รับความรู้อีกนะ ราคาเเค่ 50 บาทต่อคนเองค่ะ ใช้เวลาชมริมโขง ประมาณ 2 ชั่วโมงนะคะ ถ้าชมโขงรอบสุดท้ายแบบเรา เรือออกเวลาประมาณ 17.00 น. ถึงทุ่มนึงค่ะ ทุกคนจะได้สัมผัสบรรยากาศที่เเตกต่างไปอีกแบบกับตอนกลางวันเเน่นอน เพราะเมื่อเราอยู่แถวฝั่งลาว เราจะมองเห็นไฟแสงสีสวย ๆ ที่ระยิบระยับสวยงามจากฝั่งไทยค่ะ พอชมโขงเสร็จเเล้ว เรือจอดเทียบท่า ก็ยังมีสิ่งดี ๆ ให้พวกเราได้ไปเดินชมกันอีกนะคะ คืออะไรนั้น ไปดูกันต่อเลยค่ะ พญาศรีสัตตนาคราช พญาศรีสัตตนาคราช เป็นสถานที่ที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงนครพนมเลยล่ะ นอกจากการกราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นศิริมงคลเเล้ว ก็สามารถถ่ายภาพสวย ๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ ถ่ายภาพออกมาสวยทั้งกลางวันเเละกลางคืนเเน่นอนค่ะ ผู้เขียนรับรอง พอถ่ายรูปบริเวณนี้เสร็จ ท้องร้องเสียงดังมาก ผู้เขียนหิวข้าวนั่นเองค่ะ ฮ่า ๆ เลยพากันขับรถวนไปเรื่อย ๆ เพื่อทานข้าว อาหารที่จังหวัดนครพนมไม่ผิดหวังค่ะ อร่อยมากเลย สามารถขับรถไปเรื่อย ๆ เพื่อเลือกรับประทานอาหารแบบที่เราชอบได้เลยนะคะ มีให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ พอทานข้าวเสร็จ ก็กลับห้องพักผ่อน เพื่อเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้นค่ะ ที่ถ่ายรูปสวย ๆ เมื่อมาถึงนครพนม ถนนริมโขงสวย ๆ ต้องห้ามพลาด ตั้งกล้องถ่ายเก๋ ๆ แบยผู้เขียนก็ได้นะคะ ยังไม่หมดค่ะ ห้ามพลาดสถานที่สวย ๆ ในรูปต่อไปนี้ของผู้เขียนนะคะ สามารถไปถ่ายรูปสวย ๆ เก็บไว้ว่าครั้งนึงเราได้มาที่นครพนมเเล้วนะ มุมถ่ายรูปมีอยู่ทุกที่้เลย เเต่ป้ายนครพนมสุดเก๋ เเละป้ายกินลมชมวิว@นครพนม ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด ป้ายตั้งอยู่ริมโขง หาเจอได้ง่ายมาก ๆ จ้า พอถ่ายรูปเสร็จเเล้ว ผู้เขียนก็ได้ออกเดินทางกลับบ้าน บอกเลยว่าการเดินทางครั้งนี้ผู้เขียนมีความสุขมากเลยค่ะ หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการเดินทางครั้งนี้ของผู้เขียนเช่นกันนะคะ ภาพทั้งหมดโดย ผู้เขียน