ตลอดเก้าวันในไต้หวัน ไม่มีวันใดต่ำกว่าหนึ่งหมื่นก้าว ภาพโดยผู้เขียน จากที่ได้มีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวไต้หวันมากว่า 9 วัน เลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์การใช้ขนส่งมวลชนสาธารณะที่ไต้หวัน เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่ได้จากประเทศไทย เผื่อจะมีประโยชน์แก่ผู้อื่นได้บ้าง จากสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเดินวันละมากกว่าหนึ่งหมื่นก้าวในไทเป และเมืองใกล้เคียงทุกวัน ระบบขนส่งมวลชนที่ไต้หวันนี้มีมากมาย ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเลยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น MRT เปรียบเหมือน BTS หรือ MRT บ้านเรา ของเค้าปัจจุบันมีด้วยกัน 5 สี Taoyuan Airport MRT เปรียบเหมือน Airport link บ้านเรา TRA คงเปรียบได้กับ รฟท.บ้านเรา แต่ใจจริงไม่อยากเปรียบเทียบเลย เพราะมันเทียบกันไม่ได้จริงๆ ส่วนนี้จะบริหารโดยรัฐบาล มีความอินดี้อยู่หน่อยๆ แต่ก็ดีกว่าไทยมากมายอยู่ดี HSR รถไฟความเร็วสูงข้ามเขต อันนี้บ้านเราไม่มี รถบัสเดินทางระยะไกลข้ามเขต รถเมล์ รถแท็กซี่ ที่เอ่ยมาทั้งหมดนี่ ฉันได้ใช้บริการมาหมดแล้ว ให้สมกับที่เดินเท้าเฉลี่ยหมื่นแปดพันก้าวต่อวันสักหน่อย 555 Easy card บัตรสารพัดประโยชน์ ภาพโดยผู้เขียน ก่อนอื่นเราต้องมีบัตรวิเศษใบนี้ก่อนเดินทางนะคะ หาซื้อได้ที่เซเว่น มีลวดลายให้เลือกมากมาย แบบเป็นพวงกุญแจก็มี แต่อาจจะมีไม่เหมือนกันทุกเซเว่น ใครอยากได้น่ารัก ๆ อาจจะหาซื้อตามเซเว่นในเมือง หรือตามแหล่งท่องเที่ยว อาจจะมีให้เลือกมากหน่อย ราคาก็แตกต่างกันไป แต่ใบนี้ฉันซื้อที่เซเว่นสนามบินหน้าสถานี Taoyuan Airport MRT โดยจ่ายเงินพร้อมเติมมูลค่าบัตร 1000NT$ จะหักค่าบัตรไป 100NT$ และเหลือเป็นเงินสดในบัตร 900NT$ ไว้ใช้จ่ายเป็นค่าเดินทางสำหรับการเดินทางด้วย MRT, Taoyuan Airtport MRT, รถเมล์ ยกเว้นเพียง TRA กับ HSR ที่ต้องจองเวลา และซื้อตั๋วก่อนเท่านั้น หรือจะซื้อของใช้ ของกินในเซเว่นก็ได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต่างจากเมืองไทยที่ต้องพกบัตรหลาย ๆ ใบ ถ้าอย่างข้างต้นนี้ก็ต้องพกถึง 3 ใบแล้วค่ะ หวังเหลือเกินว่าประเทศไทยจะรวมกันได้แบบนี้บ้างจังเลย.... ตื่นจากความฝัน ก็มาต่อที่ความจริงกันดีกว่าค่ะ แผนที่ MRT ส่วนที่แตกต่างของเค้ากับเราก็มีเยอะนะ เช่น สถานีเชื่อมต่อเค้าใช้ชื่อเดียวกัน ไม่ว่าจะสีไหนๆ ไม่เหมือนบ้านเราที่ตั้งชื่อ BTS ว่า ‘อโศก’ แต่ MRT ตั้งชื่อว่า ‘สุขุมวิท’ หรือแม้จะเป็น 'หมอชิต' กะ 'จตุจักร' ก็เช่นเดียวกัน ทำให้เห็นว่าการใช้ทักษะของคนไทยจะมีมากกว่านักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ยิ่งทักษะการขึ้นรถเมล์เมืองไทย ฉันไม่คิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนใดที่มาเมืองไทยครั้งแรก แล้วจะสามารถใช้รถเมล์ได้อย่างแน่ ๆ ตอนนี้ฉันชักเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า จะเรียกเมืองไทยว่าเมืองท่องเที่ยวได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยฉันก็คิดว่า คนต่างชาติก็ไม่จำเป็นต้องใช้รถเมล์ในเมืองไทยก็เป็นได้ เพราะฉันยังไม่เห็นว่าค่าครองชีพของนักท่องเที่ยวชาติใดในโลกนี้ที่จะต่ำไปกว่าเมืองไทยเลย หรืออาจเป็นเพราะฉันเองยังรู้น้อยไปก็เป็นได้ รายการวัตถุอันตรายต้องห้าม และเป็นภาษาไทย ภาพโดยผู้เขียน Taoyuan Airport MRT ก็สามารถ In-town Check in ได้ นั่นหมายความว่า เราสามารถโหลดกระเป๋าหนัก ๆ ไปก่อน แล้วตัวเราก็เดินเที่ยวในเมือง หรือที่ไหนก็ได้ ในเวลาที่รอขึ้นเครื่อง พอเราไปถึงสนามบินเราก็เดินเข้าเกตได้เลย ไม่ต้องไปรอออกตั๋วที่เค้าเตอร์ หรือต้องแบกกระเป๋าไปไกล ๆ แต่ก็คงมีข้อจำกัดอยู่บ้างสำหรับสายการบินโลว์คอสอาจจะไม่สามารถทำได้ค่ะ ตัวอย่างการเดินทางด้วย HSR ภาพโดยผู้เขียน HSR (High speed railway) เป็นรถไฟความเร็วสูงใช้เดินทางระยะทางไกล ๆ ที่บ้านเรายังไม่มี ที่มีใกล้เคียงก็คงเป็นสปริ้นท์เตอร์หรือเปล่า แต่ความรู้สึกก็ยังไม่เหมือนกันซะทีเดียว ต้องยอมรับเลยว่า ความตรงเวลาเค้านี่สุดๆ จริงๆ ค่ะ ตัวอย่างตํ๋วด้านบน เวลาออกคือ 9:34 แต่รถไฟจะมาก่อนเวลา 3 นาที และออกจากสถานีนี้ที่เวลา 9:34 เป๊ะๆ ค่ะ และการจองสามารถจองออนไลน์ล่วงหน้าได้ หากล่วงหน้านานหน่อย ก็จะมีส่วนลดอีก 20% (early bird) ได้ทดลองจองทั้งโดยตรงกับ HSR และจองผ่านเอเจ้นท์ คือ KK Day เรื่องราคานั้นไม่ค่อยต่างกัน แต่ของ KK Day จะยืดหยุ่นเรื่องเวลาหน่อย คือ เราระบุเพียงวัน และสถานีต้นทาง กับปลายทาง ไม่ต้องระบุเวลา เลยเป็นข้อดีว่าเราไม่ต้องรีบร้อนไปให้ทันเวลา หรือไม่ต้องกลัวว่ารถที่เราเดินทางมาจะไม่ทันเวลา พอเรามาถึงสถานี เค้าก็จะให้เราเลือกเวลาได้ อาจเผื่อเวลากินข้าว หรือหาอะไรกินก่อนก็ได้ อ่อ อีกอย่างหนึ่งที่ดี คือ มีอาหาร เครื่องดื่มขายภายในรถไฟ นั่นคือ เราสามารถทานอาหารเครื่องดื่มภายในสถานี และภายในรถไฟได้นะคะ จากที่ได้ซื้อกาแฟร้อนในรถไฟ ราคาอยู่ที่ 50 NT$ แต่อย่าหลงไปทานใน MRT ล่ะ เพราะจะโดนปรับ 7500NT$ ได้ค่ะ ตัวอย่างตั๋ว TRA ภาพโดยผู้เขียน ต่อไปก็เป็น TRA ส่วนนี้ก็จะบริหารด้วยรัฐบาล มีความอินดี้อยู่หน่อยๆ การบริการก็จะแนวดุๆ ขรึมๆ ภาษาที่ใช้ก็จะใช้จีนเป็นหลัก ตอนก่อนไปขึ้นรถไฟ ต้องเช็คชานชาลาจากหน้าจอก่อนนะคะ เพราะอาจสร้างความสับสนได้ เพราะจากตั๋วจะไม่ได้ระบุชานชาลาที่ขึ้น จะทราบได้จากการถามเอาเอง หรือเพราะสกิลเรายังไม่ถึงก็เป็นได้ค่ะ เพราะวันที่เดินทางไป Hualien นี้ ด้วยความที่ออกแต่เช้า ยังมึนๆ งงๆ ง่วงๆ เลยทำให้ลืมดูจอจากข้างบน พอลงมาข้างล่างรู้เพียงว่า platform ที่ 4 ก็คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร พอลงมาเท่านั้นล่ะ มี platform 4A และ 4B เลยทำให้สับสนเล็กน้อย จึงต้องถามนายสถานี และคนรอบข้าง โดยที่เค้าพูดอังกฤษไม่ได้ แต่ก็พยายามช่วยเต็มที่ น่าขอบคุณ(谢谢)จริงๆ ค่ะ ส่วนการจองนั้นสามารถจองล่วงหน้าได้ 14 วันก่อนการเดินทาง และใช้เพียงเลขพาสปอร์ตในการจองเท่านั้น และจำกัดเพียง 6 ที่นั่งต่อ 1 หมายเลขพาสปอร์ต ใครสนใจจองรถไฟ TRA คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ แนะนำว่าควรรู้เลขรถจะดี เพราะเมื่อกดจองไปแล้วนั้น จะไม่มีให้คอนเฟิร์มอีกทีนะคะ กดจองแล้วจองเลย ถือว่าใช้โควต้า 6 ที่นั่งต่อพาสปอร์ตแล้ว แต่หากจองผิด สามารถยกเลิกได้เมื่อจ่ายเงินแล้ว แต่จะหักค่าธรรมเนียมจำนวน 10NT$ ต่อใบค่ะ หรือจะรอให้ระบบยกเลิกเองหลังจาก 2 วัน โดยที่ยังไม่จ่ายเงินก็ได้ค่ะ แต่รถไฟนี้เต็มเร็วนะคะ ไม่รู้เต็มเร็วจากที่จองผิดแบบฉันหรือเปล่า 555 ส่วนหนึ่งจากการจองได้เที่ยวดี ๆ ได้มาจากคนขับแท็กซี่ท้องถิ่นที่เราติดต่อกันทางไลน์เป็นคนจองให้ สภาพรถมินิบัส20ที่นั่งจาก sun moon lake ไป alishan ภาพโดย Fah Natapat ต่อไปก็เป็นรถบัสข้ามจังหวัด ตามรูปข้างบนเป็นมินิบัส 20 ที่นั่ง ที่นั่ง Sun Moon Lake ไป Alishan ที่ต้องจองล่วงหน้าทางอีเมลล์ก่อน เพราะรถไม่ได้มีวิ่งทุกวัน จะมีเพียงสองรอบ คือ 8:00 กับ 9:00 และรับตั๋วที่ทางออกของสถานี HSR TaiChung ตามรูปด้านล่างค่ะ จุดรับตั๋วมินิบัส ภาพโดยผู้เขียน รถมินิบัสนี้ก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ ภาษาจีนงูๆ ปลาๆ อย่างฉันก็พอฟังตัวเลขได้บ้าง ถามคำถามสั้นๆ ได้บ้าง ได้ร่วมเดินทางไปกะคู่แม่ลูกคนไทย คู่ชายหญิงชาวยุโรป และผู้หญิงชาวญี่ปุ่น 1 คู่ รวมเป็นทั้งหมด 6 คน ฉันเป็นล่ามแปลเวลาเค้าจอดรถเพื่อพักรถ หรือให้เราช้อปปิ้ง หรือแม้แต่ให้เราเข้าห้องน้ำ โดยเค้าจะบอกว่าพักกี่นาที เจอกันเวลานี้นะ ฉันฟังได้เท่านี้ก็เลยบอกต่อคนอื่นๆ ไป ด้วยความที่รถขนาดเล็ก และนั่งข้างหน้าเพื่อดูวิว เลยได้กลายเป็นล่ามไปโดยบังเอิญ สนุกดีค่ะ แต่ถ้าเค้าพูดยาวๆ มา ฉันก็งงค่ะ 555 ทุกคันจะมีจีพีเอสระบุว่าอยู่ที่ใด ภาพโดยผู้เขียน มาถึงรถเมล์กันบ้าง ส่วนนี้เป็นอะไรที่ใช้น้อยหน่อย เพราะมีความซับซ้อนอยู่บ้าง และยังไม่มี application ดีๆ เหมือนครั้งที่ไปสิงคโปร์ เลยใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย จากประสบการณ์ที่ได้ใช้คือการนั่งจาก Taipei (台北) ไป Yeh Liu(野柳), Yeh Liu (野柳)ไป Jiu Fen (九份) และ Jiufen (九份)กลับ Taipei (台北) ซึ่งหนทางก็เป็นทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด เวลาเดินทางยามเช้า บวกกับการขับคล่องแคล่วของคนขับรถ ทำให้รถกลายเป็นเปลนอนดีๆ นี่เอง หลับสบายมาก ก็ตั้งเพียงจุดหมายปลายทางไว้ ตื่นมาก็ดูว่าถึงไหนแล้ว ถ้ายังไม่ถึงก็นอนต่อ มันดีตรงนี้ สามารถใช้ google map หรือจะใช้ app รถเมล์ของเค้าควบคุมกันได้เลยค่ะ ใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ ไม่ต้องกลัวหลง และสุดท้ายคือแท็กซี่ที่ฉันใช้ในการเดินทางไปกลับ Taipei - Hualien ซึ่งเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงามทั้งทะเล และทิวเขา และคนขับแท็กซี่ก็เป็นไกด์ให้ความรู้ไปในตัว แต่ควรเลือกคนขับที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้นะคะ เพื่อให้ได้รับความรู้ ความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ เดินทางเองในไต้หวันไม่ยากเลยใช่ไหมคะ หวังว่าจะได้รับประโยชน์และความสุขเหมือนผู้เขียนนะคะ