อื่นๆ
ใต้เงา "เกาหลีเหนือ" : คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
เกาหลีเหนือ ประเทศที่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า มีหลายคนที่สนใจประเทศนี้อาจจะเคยรับรู้เรื่องราว
ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางโลกโซเซียล หรือจากบันทึกประสบการณ์ของคนที่ได้มีโอกาสเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศแห่งนี้
ข้อมูลอาจจะมีซ้ำบ้าง หรือเลือนลางบ้าง แต่สำหรับคนที่กำลังสนใจประเทศนี้ถ้าลองได้อ่าน
หนังสือเรื่อง "ใต้เงาเกาหลีเหนือ" ที่แมวเหมี๊ยวหยิบมาเล่านี้ อาจจะเป็นข้อมูลอีกมุมหนึ่ง
ซึ่งเราอาจจะยังไม่เคยรับรู้ หรือยังไม่เคยอ่าน หรืออาจจะเคยได้ยินผ่านๆ และจะทำให้เราได้รู้จักประเทศนี้มากขึ้น
และอาจจะคลายข้อสงสัยบางอย่างที่เราอยากรู้ หรือสงสัยก็ได้
(ภาพประกอบ : แมวเหมี๊ยวบนกองหนังสือ)
ใต้เงาเกาหลีเหนือ : Nothing to Envy: Real Lives in North Korea เขียนโดยบาบาร่า เดมิค
นักข่าวสาวของลอสแอนเจลิส ไทมส์ ซึ่งในช่วงปี 2001 เธอได้มีโอกาสไปประจำกรุงโซล มีหน้าที่รายงานข่าว
Advertisement
Advertisement
เกี่ยวกับประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ และเป็นช่วงนั้นการเดินทางเข้าเกาหลีเหนือของผู้สื่อข่าวอเมริกัน
ค่อนข้างมีอุปสรรคมาก ถึงแม้จะเข้าประเทศไปได้แล้ว แต่การรายงานข่าวแทบเป็นไม่ได้เลย เพราะผู้สื่อข่าวตะวันตก
ต้องมี "พี่เลี้ยง" ห้ามคุยโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องเยี่ยมอนุสรณ์สถานที่คัดไว้แล้วตามตารางที่กำหนด ห้ามคุยกับชาวบ้าน
หนังสือเล่มนี้จึงอ้างอิงมาจากบทสัมภาษณ์ชาวเกาหลีเหนือจากเมืองชงจินที่หลบหนีมาเกาหลีใต้กับจีน
ผู้คนที่เธอสัมภาษณ์ล้วนแต่มีหลากหลายอาชีพ เกี่ยวมุมมองที่พวกเขามีต่อประเทศบ้านเกิด และสิ่งที่พวกเขาเจอ
เธอใช้เวลาเจ็ดปีในการนำบทสัมภาษณ์มายืนยันกับเรื่องราวต่างๆที่ได้รับการบอกเล่ามา
เพื่อให้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่ถูกรายงานตามสื่อสาธารณะ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดก็มาจากปากของผู้ลี้ภัยนั่นเอง
Advertisement
Advertisement
(ภาพประกอบนักเขียน Barbara Demick's : standard.co.uk)
หมอต้องปีนเขาเก็บสมุนไพรมาทำยา
(ภาพประกอบ : pixabay)
หมอชาวเกาหลีเหนือ ต้องทำงานรับใช้ประชาชนโดยไม่นึกถึงตนเอง
เพราะเครื่องเอ็กซเรย์ขาดแคลน พวกเขาเลยใช้เครื่องตรวจดูอวัยวะภายในซึ่งใช้รังสี และทำให้เขาได้รับรังสีในระดับสูง
หมอชาวเกาหลีเหนือที่อายุมากมักจะเป็นต้อกระจก และพวกหมอต้องบริจาคเลือดและเนื้อเยื่อของตัวเองให้กับคนไข้
แม้กระทั่งต้องออกไปปีนเขาเพื่อออกไปหาสมุนไพรมาปรุงยา และหมอที่อยู่ในเขตที่อบอุ่น
ก็จะปลูกฝ้ายเพื่อทำผ้าพันแผลเอง "หมอแต่ละคนถูกกำหนดให้เก็บสมุนไพรให้ได้ตามกำหนด และต้องนำมัน
ไปที่แผนกยาของโรงพยาบาลเพื่อชั่งน้ำหนัก หากนำหนักไม่ถึง พวกเขาต้องไปหาอีกครั้ง"
กิจกรรมฆ่าเวลา
(ภาพประกอบ : pixabay)
การสอดแนมเพื่อนร่วมชาติถือเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาของที่นั่น จะมีทั้งอาสาและเพื่อนบ้าน
Advertisement
Advertisement
พวกเขายังคอยจับตาดูคนที่ฝ่าฝืนกฎการแต่งตัว คือห้ามใส่กางเกงยีนส์หรือเสื้อยืดที่มีอักษรโรมัน
เพราะแสดงถึงความมัวเมาในทุนนิยม หรือห้ามไม่ให้ผมยาวเกินไป
ผู้ชายไม่ควรให้ผมยาวตั้งแต่กระหม่อมยาวเกินห้าเซนติเมตร แต่มีข้อยกเว้นสำหรับคนหัวล้านที่ไว้ผมยาวได้เจ็ดเซนติเมตร
และยังมีหน่วยตำรวจเคลื่อนที่ ที่จะเดินตามถนนหาคนทำผิด และพวกเขาสามารถจับคนพวกนั้นได้โดยที่ไม่ต้องบอกล่วงหน้า
คนที่ใช้ไฟเกินอัตรากำหนด ใช้หลอดไฟที่มากกว่า 40 วัตต์ หรือใช้เตาอุ่นอาหาร หรือหม้อหุงข้าว
และตำรวจเคลื่อนที่มักจะโผล่มาตอนเที่ยงคืนเพื่อดูว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมาพักค้างคืนตามบ้านเหลังไหนหรือเปล่า
ไม่ใช่แค่ตำรวจหรืออาสาเท่านั้นที่คอยสอดแนม แต่ทุกคนมีหน้าที่เช่นนั้น เพราะประเทศไม่มีพลังงานสำรองพอ
ที่จะใช้เครื่องมือสอดส่องดุแลระบบอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยความมั่นคงสามธารณะจึงใช้คนสอดแนมที่เป็นพวกขี้ฟ้อง
บางครั้งก็มีการเสนอข่าวเด็กกล้าหาญ ที่รายงานความผิดของพ่อแม่ หรือการที่เพื่อนบ้านฟ้องเพราะ
ว่าร้ายต่อระบอบ ... นี่คือเรื่องปกติ ...
ภาวะขาดแคลนอาหาร เทคนิคและการเอาตัวรอด
(ภาพประกอบ : pixabay)
การอดทนต่อความหิว กลายเป็นส่วนหนึ่งของความรักชาติ
ป้ายโฆษณาในกรุงเปียงยางขึ้นคำขวัญ "จงกินสองมื้้อต่อวัน" และโทรทัศน์รายการเกาหลีเหนือ
ได้มีสารคดีเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ท้องแตกตายเพราะกินข้าวมากเกินไป
พวกแม่บ้านที่นั่นเก็บวัชพืชและหญ้าไว้ใส่ซุปเพื่อหลอกตาว่าเป็นผัก ข้าวโพดเลยกลายเป็นอาหาร
หลักแทนข้าว แต่คนก็ใส่ทั้งเปลือก ก้าน และซังข้าวโพดลงไปด้วย เพื่อเพิ่มปริมาณ แน่นอนมันไม่มีผล
ต่อผู้ใหญ่ แต่มันมีผลต่อการย่อยของท้องเด็ก หมอทำได้แค่แนะนำว่า "ถ้าจะใช้หญ้าหรือเปลือกไม้
ต้องบดให้ละเอียดและต้มให้นานๆจนนิ่ม"
ภาวะเช่นนี้กระทบไปถึงในโรงเรียน โรงอาหารของโรงเรียนปิดตัวลง เพราะขาดแคลนอาหาร
เด็กๆได้รับคำสั่งให้นำข้าวกล่องมาจากบ้าน แต่เด็กหลายคนมามือเปล่า แต่มีเด็กที่ไม่มีอาหารกลางวัน
ครูมักจะขอแบ่งอาหารจากเด็กคนอื่นคนละช้อนเพื่อให้เด็กได้กิน ทำให้ผู้ปกครองบางคนไม่พอใจ
"บ้านฉันไม่ได้มีอาหารเหลือที่พอจะแบ่งให้หรอกนะ"
(ภาพประกอบ : pixabay)
ครูจึงปลูกข้าวโพดหลังจากนั้นข้าวโพดจะถูกขูดออกจากซัง และต้มจนเนื้อพองเหมือนป๊อปคอร์น
นี่คืออาหารว่างบรรเทาทุกข์ของเด็กยามหิวโหย ตลอดระยะเวลาสามปี เด็กเริ่มเหม่อลอย นอนหลับตลอดช่วงพัก
หลังจากนั้นก็หยุดเรียนโดยไม่บอกกล่าว จากเก็กห้าสิบคน เหลือเพียงสิบห้าคน เกิดอะไรขึ้นกับเด็กเหล่านั้น ?
ชาวเกาหลีเหนือรู้จักที่จะข่มศักดิ์ศรีตัวเอง และกลั้นใจทำสิ่งที่น่ารังเกียจ
ชาวบ้านจะหยิบเม็ดข้าวโพดที่ไม่ย่อยในมูลสัตว์ในไร่นา คนงานในอู่ต่อเรือจะขูดเศษอาหารเหนียวๆ
ที่ติดตามพื้นโกดังถึงกลิ่นจะเหม็น แต่เวลาเอาไปตากแดดก็จะแยกเมล็ดข้าวเล็กๆ หรืออะไรที่พอกินได้
พวกผู้หญิงแลกเปลี่ยนเคล็ดลับการทำอาหาร เวลาบดแป้งข้าวโพด อย่าทิ้งเปลือก วังข้าวโพด
หรือก้านข้าวโพด แต่ให้ใส่ทุกอย่างลงเครื่องบด
แม้จะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ก็อิ่มท้อง ต้มบะหมี่ก็ต้องต้มนานๆให้เส้นอืด ใส่ใบหญ้าลงในน้ำซุป
เพื่อให้ดูเหมือนมีผัก เอาแป้งที่ได้จากด้านในของต้นสนมาทำเค้ก
อาหารกลางวันคือความฟุ่มเฟือย พวกเขาจะหลับเอาแรงแทน ... แต่สุดท้ายก็ยังไม่พอ
(ภาพประกอบ : แมวเหมี๊ยวบนกองหนังสือ)
นี่แค่เศษเสี้ยวหนึ่งที่หยิบยกมาจาก หนังสือใต้เงาเกาหลีเหนือ บันทึกเรื่องราวชีวิตในเกาหลีเหนือ
ประเทศที่ซ่อนเร้นลึกลับ กับชีวิตของผู้คนในเกาหลีเหนือ ยังมีเรื่องราวอีกมากที่พอรู้แล้วก็รู้สึกแปลกประหลาดใจ
และก็รู้สึกหดหู่ในเวลาเดียวกัน ไม่มีใครรู้อะไรดีเท่าคนใน แต่คนนอกก็อยากเข้าไปสัมผัส
เพียงแต่สิ่งที่สัมผัสมา อาจจะยังตอบคำถามถึงความสงสัยเกี่ยวกับประเทศนี้ไม่จบไม่สิ้นสักที
แต่อย่างน้อยการเพิ่มความรู้สักนิด ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะออกมานานแล้ว แต่พอได้หยิบมาอ่านทีไรก็รู้สึกว่า ชีวิตเราโชคดีที่สุดแล้ว ว่าไหม ...
ความคิดเห็น