“ เดี๋ยวนี้บ้านเราเมืองเรา น่าเป็นห่วงเสียจริง มีแต่เรื่องไม่ดี เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น ” ตาคำเปรยขึ้นมาเบา ๆ ในขณะที่กำลังนั่งดื่มกาแฟท่ามกลางวงสนทนากับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ร้านกาแฟของป้าวัลลี ที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ และสนทนากันในระหว่างกลุ่มเพื่อน ๆ คอกาแฟด้วยกัน ปัจจุบันมีร้านกาแฟที่เปิดให้บริการหลงเหลืออยู่เพียงร้านเดียวในหมู่บ้านแห่งนี้ คือร้านป้าวัลลีเท่านั้นเอง ส่วนร้านอื่น ๆ ต่างทยอยปิดกันไปหมดแล้ว เพราะพิษของเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก เนื่องมาจากการเกิดโรคระบาดไวรัสโคโรนา โควิด ๑๙ ส่วนร้านของป้าวัลลีที่แกยังยืนหยัดอยู่ได้ หลายคนคิดว่าคงเป็นเพราะแกร่ำรวยมีเงินมีทองมีสมบัติเก่ามาก่อน และสามีแกก็เป็นข้าราชการบำนาญ มีเงินเดือนเงินดาวหรือเงินบำนาญที่ได้รับจากทางราชการสูง ร้านแกก็เลยไม่มีปัญหา ไม่ลำบากเหมือนกับคนอื่น ๆ อีกอย่างเพราะป้าวัลลีแกเป็นคนหัวดีฉลาดหลักแหลม เพราะนอกจากจะขายกาแฟแล้ว แกก็ยังได้ขยายต่อเติมร้านค้าให้ใหญ่โตเหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วเอาของชำของใช้ในครัวเรือนมาวางขายอีกด้วย เลยทำให้คนทั้งหมู่บ้านต่างแห่กันมาอุดหนุนแกไม่ขาดสายเพราะมันเป็นสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันของคนเรา กอปรกับในช่วงนี้มีโรคระบาดเกิดขึ้น เลยทำให้ทุกคนไม่อยากออกจากบ้านเดินทางไปไหนไกล ๆ หรือแม้แต่ไปซื้อของตามร้านค้าหรือตามห้างในเมืองใกล้ ๆ แคนี้ เขาก็ยังไม่อยากไปกันเลย เพราะเขากลัว และมีความเสี่ยงสูง “โอ๊ย...แกอย่าว่าแต่ประเทศไทยเราเลยตาคำ ข้าว่ามันเป็นกันทั้งโลกนั่นแหละ มันวุ่นวายกันใหญ่แล้ว “ ตาเม่นโพล่งสวนขึ้นกลางวงสนทนาตอบตาคำไป “ ข้าวก็ไม่มีจะกินอยู่แล้ว..ไม่รู้จะไปหาเงินหาทองจากที่ไหน...ตกงาน เลิกจ้างกันหมดแล้ว ตายล่ะพวกเราคราวนี้ มีแต่หนี้แต่สิน แต่เงินทองไม่มี ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายหนี้เขา จะโดนยึดบ้านยึดที่กันก็คราวนี้แหละ “ “ แกก็พูดเกินไปตาเม่น...เดี๋ยวทางราชการเขากำลังหาทางช่วยเหลืออยู่ “ หนานแดงหนุ่มใหญ่ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางและเป็นที่รู้จักกันดีของคนในหมู่บ้านแห่งนี้เอ่ยขัดคอขึ้น เขาเป็นคนหนุ่มหัวใหม่ไฟแรงที่คอยวิ่งช่วยเหลือการงานต่าง ๆ ภายในหมู่บ้านมาไม่เคยขาด เป็นทั้ง อสม. ประธานกองทุนหมู่บ้าน ประธานกลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอาสาต่าง ๆ มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับหน่วยงานราชการ จึงรู้เรื่องราวต่าง ๆ ภายในแวดวงราชการเป็นอย่างดี และคนภายในหมู่บ้านทุกคนทั้งคนเฒ่าคนแก่ต่างให้ความนับถือ และเกรงอกเกรงใจเขา “ ช่วยยังไงวะ..หนานแดง ข้ามองไม่เห็นมีช่องทางไหนเลยนี่ ” ตาแสงนั่งอยู่ใกล้ ๆ อดถามไม่ได้ “ ตอนนี้ทางราชการกำลังหาแนวทาง และจะมีมาตรการออกมาเร็ว ๆ นี้ ข่าวว่าจะให้ทางธนาคารช่วยเหลือผ่อนปรนให้อยู่ “ หนานแดงพูดเบา ๆ แต่เสียงของเขาก็ยังดังฟังชัดเจน ได้ยินกันทั้งร้าน ดึงความสนใจของผู้คน รวมทั้งลูกค้าที่กำลังเข้ามาเลือกซื้อของอยู่ภายในร้านก็หูผึ่งตาโตกันไปหมด ต่างพากันหันขวับกลับมามองที่หนานแดงเป็นตาเดียวกัน และเอียงหูฟังเขาพูดอย่างใจจดใจจ่อด้วยความสนใจ “คืออาจจะช่วยเรื่องเงินกู้ ดอกเบี้ยต่ำ หรือไม่งั้นก้อ...พักชำระหนี้ให้ลูกหนี้ไปเลย “ หนานแดงเล่ารายละเอียดคร่าว ๆ เท่าที่รู้มาให้ทุกคนฟังทั้งหมด “ ถ้าเป็นอย่างที่พูดได้ ก็ดีซินะ..ใจจะขาดอยู่แล้ว “ ป้าวัลลีพูดขึ้นลอย ๆ ในขณะที่กำลังยกถ้วยกาแฟและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟตามโต๊ะต่าง ๆ ทำเอาทุกคนงุนงงสงสัยไปตามๆ กันในคำพูดของแก คำว่าใจจะขาดอยู่แล้วแกหมายถึงใคร ตัวแกหรือว่าคนอื่น เพราะถ้าเป็นตัวแกทุกคนต่างก็เข้าใจว่าแกร่ำรวยมาก มีเงินมีทอง มีฐานะดี เพราะเห็นแกมีบ้านช่องใหญ่โต มีร้านค้า มีรถรา มีร้านกาแฟที่หรูหรา แกคงไม่เดือดร้อนอะไร แต่ทำไมแกพูดคำนี้ออกมานะ จึงทำให้ทุกคนงุนงงสงสัยเป็นไก่ตาแตก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ก็คือ เมื่อก่อนนี้ป้าวัลลีแกเป็นคนพูดเก่งยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายใครต่อใครมาโดยตลอด แต่ช่วง ๒ – ๓ เดือนให้หลังมานี้ ไม่รู้แกไปกินยาอะไรผิดมา ดูแกเงียบ ๆ ซึม ๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนอย่างแต่ก่อน หน้าตาก็ดูเคร่งขรึมซึมเครียดผิดไปเป็นคนละคนเลย แต่ทุกคนก็ต่างสรุปเอาเองว่า แกคงไปทะเลาะกับผัวแกมา ก็เลยเครียดไม่ยอมพูดยอมจากับใคร พอพูดนินทาป้าวัลลีเสร็จทุกคนก็หัวเราะชอบใจ สถานการณ์ของโลกและของประเทศไทยในขณะนี้ มันเริ่มส่อเค้ารุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกที เพราะการเกิดโรคระบาดของไวรัสโคโรน่า โควิด ๑๙ มีข่าวการระบาดของโรค การแพร่กระจาย การติดเชื้อ และเสียชีวิตของคนจากทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ประเทศไทยเราเองก็มีคนติดเชื้อสูงและตายเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ๆ ข่าวล่าสุดมีคนติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นมาเป็นหมื่นสองพันกว่าคนแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง และแต่ละวันก็มีคนไทยติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละหลายร้อยคน บางวันสูงเป็นพันก็มี ทำให้สถานการณ์ในประเทศไทยเราย่ำแย่ และน่าเป็นห่วงมากจริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่เรื่องปากเรื่องท้อง และการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ต่างอยู่ด้วยความทุกข์ยากลำบากมากขึ้น จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก จะออกนอกบ้านแต่ละที ทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย บางคนถ้ามีความเสี่ยงหรือสงสัย เขาจะต้องให้กักตัวกักบริเวณอยู่แต่ภายในบ้าน หรือในโรงพยาบาลเท่านั้น นี่คือข่าวด่วนสรุปย่อ ๆ ที่มาจากวิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ และจากสื่อแขนงต่าง ๆ “ รัฐเขาประกาศเคอร์ฟิวแล้วนะ เขาล็อกดาวน์ทั่วประเทศเลย เราออกไปไหนมาไหนไม่ได้แล้ว “ลุงเสริมบอกกับป้าวัลลีผู้เป็นภรรยาด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก “ คราวนี้แหละพวกเราคงต้องอดตายแน่ๆ ร้านก็ไม่มีคนเข้า..แล้วเราจะทำยังไงต่อไป ? ” พูดจบแกก็หันกลับไปมองหน้าภรรยาเหมือนกับขอความเห็น เมื่อไม่ได้รับคำตอบแกก็ก้มลงหยิบเชือกฟางที่เตรียมไว้ส่งให้กับภรรยา เพื่อจัดการมัดและเก็บรวบรวมสิ่งของต่าง ๆ ที่เพิ่งซื้อมาเพิ่มเติมใหม่ ๆ จากร้านค้าในตัวเมืองให้รวมกันเป็นกลุ่มเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ยังวางเรียงรายระเกะระกะไม่เป็นระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่แกจะเดินกลับมานั่งลงที่พื้นข้าง ๆ ที่ป้าวัลลีกำลังนั่งทำงานอยู่ “ จะทำยังไงดีล่ะแม่..ของก็ขายไม่ได้ เงินก็ไม่มีจะเอาไปจ่ายไปผ่อนค่ารถค่าบ้าน ถ้าเดือนนี้ไม่ส่งเขาอีก เราก็จะติดค้างเขาถึง ๓ งวด เลยนะ “ ลุงเสริมพูดกับภรรยาด้วยท่าทางหนักใจ “ ถ้าเราไม่ส่งเขาถึง ๓ งวด ธนาคารจะยื่นโนติสเราทันทีนะแม่ ทำไงดีล่ะ ต่อไปบ้านช่องก็ไม่มีจะอยู่ ร้านค้าก็จะถูกยึดไป ? ” ลุงเสริมพูดกับภรรยาด้วยน้ำเสียงเครียด ๆ พร้อมกับถอนหายใจแรง ๆ ปกติคนในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียง จะเห็นลุงเสริมกับป้าวัลลีแต่งตัวดีมีสง่า และดูภูมิฐาน ใส่ทั้งสร้อยทอง สร้อยข้อมือ ดูแล้วมีราคาน่าอิจฉา แถมมีรถยนต์หรู ๆ ขับขี่ มีบ้านช่องใหญ่โต มีร้านค้า มีร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้และมีสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายกองอยู่เต็มไปหมด ต่างก็คิดว่าป้าวัลลีกับลุงเสริมคงร่ำรวย มีเงินมีทองมากมายเสียเต็มประดา แต่ที่ไหนได้ นั่นเป็นแต่เพียงเปลือกนอก แต่ข้างในแล้วไส้แกมันแห้งมันขอดกิ่วจวนเกือบจะขาดอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ทั้งบ้าน ทั้งรถ ร้านค้า ที่ดิน อยู่ในระหว่างการประนีประนอมกับเจ้าหนี้ และธนาคารที่เขายื่นโนติสมาทวงแกหลายรอบแล้ว ถ้าคราวนี้ไม่มีจ่ายอีก ธนาคารจะต้องยึดบ้าน ยึดที่ดิน ยึดร้านค้าแกไปขายทอดตลาดแน่ ๆ เลย นี่ก็เป็นเดือนสุดท้ายแล้วที่ทางธนาคารเขาชะลอผ่อนผันให้ ถ้าไม่มีเงินไปจ่ายให้เขาอีก คราวนี้ก็เป็นอันว่าแกหมดตัว แต่หลายคนหารู้ไม่ว่า ทุกวันนี้ ลุงเสริมกับป้าวัลลีแกอยู่ด้วยความเครียด ความกดดัน ทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจมากขนาดไหน กระวนกระวาย กระสับกระส่าย จนนอนไม่หลับมาหลายเดือนแล้ว แม้แต่ข้าวปลาอาหารก็กลืนไม่ค่อยลง มันฝืดมันติดคอไปหมด เครียดเสียจนไม่รู้จะเครียดยังไง ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ขายของก็ไม่ได้ คิดอะไรก็ไม่ออก มันมืดมนไปหมดเสียทุกช่องทาง “ แล้วเงินบำนาญของพ่อล่ะ..เหลือเดือนละเท่าไร..? ” ป้าวัลลีถามสามีเบา ๆ “โอ๊ย...อย่าไปพูดถึงมันเลย มันไม่เหลือหรอก มีแต่ตัวเลข ” ลุงเสริมรีบบอกภรรยาด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ ส่วนลุงเสริมแกเป็นข้าราชการครู มีเงินเดือนค่อนข้างสูง เพราะแกเป็นถึงระดับผู้บริหาร และเกษียณออกมาในตำแหน่ง ผอ. แต่ทุกคนก็คงพอจะทราบกันอยู่แล้วว่า ข้าราชการครูมีแต่หนี้แต่สิน เงินเดือนไม่พอใช้ ก่อนเกษียณออกมา เงินเดือนแกก็ยังไม่พอที่จะหักค่าหนี้สหกรณ์ครูเลย ดีว่าก่อนเกษียณออกมา แกกู้เงินมาซื้อรถมาปลูกบ้าน ทำร้านค้าไว้ แกจึงได้มีบ้านมีร้านค้าใหญ่โตอย่างที่เห็นทุกวันนี้ แต่แกก็ต้องผ่อนชำระต่อเดือนเป็นเงินหลายหมื่นบาท จนเงินเดือนแกไม่เหลือเลย ส่วนเงินก้อนที่ได้รับตอนเกษียณออกมานั้น แกก็เอาไปปิดหนี้เคลียร์หนี้สินนอกระบบจนเงินแกหมดไปนานแล้ว พอเกษียณออกมาแกจึงไม่มีเงินเหลือเลย ดีที่แกยังพอจะมีรายได้จากร้านค้าตรงนี้เข้ามาหมุนเวียนอยู่บ้าง ส่วนป้าวัลลีเดิมแกก็เป็นเพียงแม่ค้าขายผัก หรือขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตลาดสด ได้บ้างไม่ได้บ้าง เดิมครอบครัวแกก็เป็นคนมีเงินมีทองมีฐานะดี แต่พ่อแม่ของแกถูกเพื่อนบ้านโกงไปข่าวว่าหลายล้านบาทจนหมดตัว และไม่หลงเหลืออะไรเลย จนทำให้พ่อกับแม่แกช้ำใจจนต้องผูกคอตาย เผอิญแกยังโชคดีที่ได้มาแต่งงานกับลุงเสริม ก็เลยยกฐานะจากแม่ค้าขายผัก กลายมาเป็นเจ้าของร้านกาแฟในปัจจุบันนั่นเอง “ พ่อฉันได้ยินหนานแดง มันพูดเมื่อวานนี้ว่า...ธนาคารเขามีมาตรการจะช่วยเหลือคนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับโรคระบาดไวรัสโควิด 19 เขาจะยืดพักชำระหนี้ ไม่มีต้น ไม่มีดอกให้กับลูกหนี้ไปอีกตั้งครึ่งปีแน่ะ ” ป้าวัลลีเล่าเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อวานให้สามีฟัง “ ถ้าเราได้พักชำระหนี้หกเดือน เราจะได้เงินกลับคืนมาตั้งเกือบสามแสนบาทเลยนะพ่อ ถึงตอนนั้นเราก็มีเงินต่อตีนต่อมือ เรารอดตายแล้วพ่อ “ ป้าวัลลีพูดกับสามีด้วยท่าทางดีอกดีใจและประกายตาบ่งบอกถึงความหวัง “ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้..เราไปติดต่อกับธนาคารก็แล้วกัน “ ลุงเสริมพูดต่อท้ายภรรยา “ มาตรการของธนาคาร เราจะมีการพักชำระหนี้ทั้งต้นและดอกให้กับลูกค้าปกติ หรือมีเงินค้างไม่เกินสามงวดครับ ” เจ้าหน้าที่ธนาคารอธิบายรายละเอียดให้ลุงเสริมกับป้าวัลลีฟัง “ เพราะเรารับนโยบายจากทางรัฐบาลมาแบบนี้ จะเป็นการพักชำระหนี้โดยอัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่ต้องมาแจ้ง มายื่นความจำนงหรือแสดงหลักฐานใด ๆ เลย รอฟังข่าวดีก็แล้วกันนะครับ “ เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกลุงเสริมและป้าวัลลีด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม วันนั้น ป้าวัลลีและลุงเสริมเดินออกจากธนาคารมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และแววตาที่แฝงไปด้วยความสุข ผิดกับตอนก่อนเข้าไปเป็นคนละคน ทั้งสองสลัดความทุกข์ร้อนหนักใจออกไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะความทุกข์หนักใจทั้งหลายที่แกและสามีเคยแบกเอาไว้เมื่อหลายเดือนมานั้น วันนี้แกะสามีได้สลัดมันทิ้งไป และฝากไว้ที่ธนาคารหมดแล้ว “เอ๊ะ..วันนี้ป้าวัลลีกับลุงเสริม ทำไมยิ้มแป้นตลอดทั้งวันเลยนะ สงสัยมีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า มองดูเหมือนกับคนกำลังมีความสุข เหมือนตอนที่กำลังแต่งงานกันใหม่ๆ อย่างนั้นแหละ “ หนานเดชมาซื้อของที่ร้าน แล้วเอ่ยแซวหยอกล้อเล่นกับป้าวัลลีและลุงเสริม ในฐานะคนที่คุ้นเคยเป็นเพื่อนบ้านและลูกค้ากันมานาน พูดจบหนานเดชก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาดัง ๆ “ เออ...หนานเดช แล้วเอ็งไปทำอะไรมาล่ะ ถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ “ ป้าวัลลีย้อนถามหนานเดชไปบ้าง เพราะไม่เคยเห็นเขาอารมณ์ดีแบบนี้มาก่อน “อ้าว..ป้าไม่รู้หรอกเหรอ คนในหมู่บ้านเรา เขาก็ดีใจกันทั้งหมู่บ้านนั้นแหละ ทุกคนต่างก็พูดเหมือนกันเลยว่า..พวกเขารอดตายแล้ว “ หนานเดชเอ่ยขึ้น แล้วหยุดหันมามองหน้าป้าวัลลีนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ ทุกคนเขารู้เรื่อง ที่หนานแดงมันพูดเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารจะพักชำระหนี้ให้ พวกเราก็เลยไปติดต่อสอบถามธนาคารดู ธนาคารบอกพวกเราว่าจะพักชำระหนี้ให้ทั้งต้นทั้งดอกเบี้ยเป็นเวลาตั้ง ๖ เดือนแน่ะ พวกเราทุกคนก็ต่างดีอกดีใจ ก็เลยฉลองกันยกใหญ่ " พูดจบ หนานเดชก็ถือขวดเหล้าเดินตัวปลิวออกจากร้านไป พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังๆ ไปตามรายทาง บ่งบอกถึงความสุข แล้วป้าวัลลีและลุงเสริมก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะมีรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นที่ใบหน้าของคนทั้งสอง แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันอย่างมีความสุข วิกฤตและโอกาส มันเป็นของคู่กันเสมอ เพราะฉะนั้นเมื่อเราประสบปัญหา เจอความทุกข์ยากลำบาก อย่าพึ่งท้อแท้ อย่าพึ่งสิ้นหวัง ต้องตั้งสติให้ดี แล้วหันกลับมาพินิจพิจารณาไตร่ตรองดูเสียก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุป อย่าพึ่งโวยวายตีโพยตีพาย โทษคนนั้นว่าคนนี้ ต้องกลับมาดูมูลเหตุสาเหตุมี่แท้จริงของมันก่อนว่า เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร สาเหตุและมูลเหตุมันมาจากไหน อย่าเอาความรู้สึกนึกคิดของเรามาตัดสิน แต่เพียงฝ่ายเดียว เราต้องหาข้อมูลหาเหตุผลมาประกอบการพิจารณาตัดสินใจด้วย แล้วเราก็จะพบทางออกที่ดีที่สุด เพราะทุกเรื่องมันย่อมมีเหตุมีผลของมันอยู่ในตัวเสมอ เหมือนกับเรื่องของป้าวัลลีและลุงเสริม ที่ได้รับการช่วยเหลือแก้ไขได้ในที่สุด เพราะสิ่งของบนโลกนี้มันมีเป็นของคู่กัน มีดำก็ต้องมีขาว มีมืดก็ต้องมีสว่าง มีวิกฤตก็ต้องมีโอกาส เมื่อมีวิกฤต โอกาสก็ย่อมตามมาเสมอ นี่คือสัจธรรมความจริงครับ ขอบคุณเครดิตภาพ : รูปภาพหน้าปก/ รูปภาพประกอบที่1 / รูปภาพประกอบที่2/ รูปภาพประกอบที่3/ รูปภาพประกอบที่4/ รูปภาพประกอบที่5/ รูปภาพประกอบที่6/ รูปภาพประกอบที่7/ รูปภาพประกอบที่8/ รูปภาพประกอบที่9/ รูปภาพประกอบที่10/ รูปภาพประกอบที่11