“นักกีฬาแข็งแรง ไม่ค่อยเป็นอะไรหรอก” เป็นความเชื่อที่ถูกฝังหัวสำหรับคนออกกำลังกายโดยเฉพาะมือสมัครเล่น ที่อาจจะมีวิธีปฏิบัติตัวที่ผิด ไม่ทราบสัญญาณเตือนว่าร่างกายถึงจุดที่เสี่ยง หรือแม้แต่มืออาชีพเองเรายังเคยทราบข่าวว่าถึงขั้นเสียชีวิตในสนามกีฬา เราจะมาเรียนรู้ถึงวิธีสังเกต และป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหา เพื่อให้สายออกกำลังกายอย่างพวกเรา ได้รับประโยชน์จากการออกกำลังกายอย่างแท้จริง ในแบบเข้าใจง่าย ไม่เครียด ในสไตล์ผู้เขียนกันเช่นเคย มือแตก หยาบกร้าน เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป และเป็นประสบการณ์ตรงของตัวผู้เขียนเอง เมื่อใช้มือหยิบจับอุปกรณ์ออกกำลังกายเช่นดัมเบล และไม่มีเครื่องมือป้องกัน ปล่อยให้มือของเราเสียดสีกับอุปกรณ์โดยตรง ทำให้ผิวหนังที่มือด้าน เป็นรอยแตก โดยเฉพาะมือใหม่อย่างคุณสุภาพสตรี ถ้าไม่อยากให้มือที่อ่อนนุ่มแข็ง ด้าน แตกแบบนี้ ควรสวมถึงมือออกกำลังกาย สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านกีฬา หรือแผนกกีฬาทั่วไป ราคามีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน และขอเน้นย้ำให้ใช้ถุงมือที่ถูกประเภทสำหรับออกกำลังโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการลื่น ทำอุปกรณ์ตกใส่ร่างกายบาดเจ็บ โรคผิวหนัง อาการคันตามเท้าหลังออกกำลังกาย เกิดจาก เชื้อรา จากรองเท้าที่ใส่ซ้ำหลายวัน , ตาปลาจากการเสียดสี วิธีแก้คือหมั่นทำความสะอาดรองเท้า และถุงเท้าทุกวัน ส่วนอาการของตาปลาที่เกิดจากการเสียดสีรองเท้า เปลี่ยนมาใช้ถุงเท้าที่หนาขึ้น หรือเป็นถุงเท้าสำหรับออกกำลังกายโดยตรง ถ้าสังเกตจับดูถุงเท้าสำหรับวิ่ง จะมีการเน้นความเหนียวของส่วนที่เกิดตาปลาได้ง่ายเช่นนิ้วก้อย หรือตาตุ่ม ตัดคำว่า อะไรก็ได้ ออกไปก่อน เพราะการผลิตเพื่อให้ใช้กับกีฬามันมีเหตมีผลรองรับ ลงทุนอีกนิดเพื่อเท้าที่สวยของเรา สองอย่างแรกถ้าพลาดไปยังแค่มือแตก หรือมีอาการคันตามเท้ากวนใจ มาถึงเรื่องสำคัญที่อาจมีผลถึงชีวิตคืออาการ หัวใจวาย ผู้เขียนเองเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้วเลยอยากแชร์ให้ฟังว่าครั้งหนึ่งเคยวิ่งระยะไกล คิดว่าตัวเองซ้อมมาดีแล้ว แต่ฝืนวิ่งจนเกิดอาการหัวใจเต้นแรง หายใจไม่ทัน มีผลจากออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่ทัน อันตรายนะ.. อาการแบบนี้เกิดจากเราฝืนร่างกายมากเกินไป ผลจากร่างกายตามที่กล่าวมา สุดท้ายจะหน้ามืด หน้ามีอาการชา เจอแบบนี้ต้องค่อย ๆ พักตัวเองเริ่มจากชะลอการวิ่งให้ช้าลงจนหยุดอยู่กับที่ จากนั้นยืนนิ่ง ๆ สัก 1 นาทีให้ร่างกายปรับตัว ค่อยหาที่นั่งพัก จิบน้ำแบบช้า ๆ อย่าหยุดแบบกะทันหัน หรือรีบทานน้ำเลยเด็ดขาด เพราะร่างกายปรับตัวไม่ทันอาจช็อกจนหัวใจวายได้ วิธีป้องกันปัญหาเหล่านี้คือสังเกตอาการของตัวเอง เมื่อรู้ว่าเหนื่อยมากเกินไปต้องพัก รอจนร่างกายหายเหนื่อยจึงเริ่มออกกำลังกายใหม่ การพักแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 20 นาที เพราะกล้ามเนื้อจะหดตัว ไม่พร้อมสำหรับการออกกำลังกาย เริ่มใหม่อีกครั้งอาจบาดเจ็บได้ โรคหัวเข่า ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่ก็สำคัญเพราะหัวเข่าน้อย ๆ ของเราเป็นส่วนที่สำคัญมากของร่างกาย การบาดเจ็บที่หัวเข่าต้องใช้เวลาแก้ไขนาน รู้อย่างนี้เรามาป้องกันดีกว่า ประเภทของการออกกำลังกายที่ส่งผลกับหัวเข่าพบได้ง่ายที่สุดคงหนีไม่พ้น การวิ่ง อาจลามต่อเนื่องไปถึงข้อเท้า , ปวดที่น่อง , ข้อเท้าพลิก จนบาดเจ็บทั้งขา วิธีป้องกันมีทั้งทางตรง และทางอ้อม คำว่าทางอ้อมคือใช้อุปกรณ์ในการวิ่งอย่างรองเท้าที่ได้มาตรฐาน เป็นรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะจะสามารถช่วยเซฟการกระแทกของเท้าไว้ได้ ส่วนทางตรงคือ ท่าทางในการวิ่งของเรา อุปกรณ์ดีแค่ไหน แต่ท่าวิ่งผิดก็บาดเจ็บได้ ขอทิ้งท้ายบทความเป็นวิธี ปรับท่าทางในการวิ่ง แบบเต็มที่ เพราะสามารถป้องกันอาการบาดเจ็บได้โดยตรง มาจากประสบการณ์ของตัวผู้เขียนเองที่รักการวิ่ง แต่บอกก่อนนะว่าถ้าอ่านจบบทความนี้ ท่าทางในการวิ่งเราจะเปลี่ยนไปจากเดิมเลย กลายเป็นวิ่งได้นานขึ้น และไม่บาดเจ็บ หลังจากอบอุ่นร่างกายพร้อมเต็มที่แล้ว ยืนนิ่งอยู่กับที่ ปล่อยแขนของเราให้เป็นอิสระตามแรงโน้มถ่วง จากนั้นแกว่งแขนสลับกันโดยใช้กล้ามเนื้อหัวไหล่ ไม่ใช้การบังคับส่วนอื่นของแขนเลย แกว่งอย่างช้า ๆ จนเร็วขึ้น เราจะพบทิศทางของแขนที่เคลื่อนตัวแบบธรรมชาติ บางคนอาจตรง บางคนเฉียงออกข้าง ไม่ต้องสนใจเพราะนี่แหละคือทิศทางการเคลื่อนแบบธรรมชาติสำหรับแขนคุณ ถึงตรงนี้ถ้าสลับกับท่าทางการแกว่งแขนวิ่งแบบปกติจะพบว่าเราเคลื่อนแขนผิดมาตลอดเลย ปล่อยแขนเป็นธรรมชาติ แกว่งไปสักระยะจนได้ที่ จับจังหวะการเคลื่อนของแขนได้แล้ว เอาแขนงอข้อศอกขึ้นมานิดหนึ่งในขณะที่แขนยังแกว่งอยู่ จะรู้สึกว่ามันไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อมาก เมื่อใช้กล้ามเนื้อน้อยก็เหนื่อยช้าขึ้น วิ่งได้นานขึ้น มาถึงส่วนสำคัญที่จังหวะการวิ่ง ระหว่างแกว่งแขนโน้มส่วนบนของลำตัวไปข้างหน้านิดหนึ่งให้เหมือนเราจะล้ม ขาจะก้าวไปข้างหน้าอัตโนมัติ และก้าวต่อไปจะตามมาแบบต่อเนื่อง ค่อย ๆ เพิ่มความเร็ว จะพบว่าเป็นการวิ่งที่สบายที่สุดเท่าที่เคยวิ่งมา เพราะมันมาจากท่าทางที่เหมาะสมกับร่างกายเราที่ไม่ใช่การฝืน ได้ทราบวิธีป้องกัน และวิธีในการออกกำลังกายที่ถูกต้องกันไปแล้ว จากนี้ไปขอให้สนุกกับการออกกำลังกาย ท่องไว้เสมอว่า ไม่ไหวอย่าฝืน เพื่อให้ตัวเราเองได้รับประโยชน์ที่สุด นอกจากสุขภาพที่แข็งแรง เราอาจได้พบเพื่อนใหม่จากการออกกำลังกายด้วย แต่ช่วง โควิด-19 ระบาดแบบนี้ยังไม่ควรไปรวมกลุ่ม หรือใช้อุปกรณ์ที่ต้องหยิบจับร่วมกัน เมื่อโรคระบาดหมดไป เราจะนัดกันออกไปขยับแข้งขยับขากัน ภาพหน้าปก : โดยผู้เขียน