วิกฤติโควิด - 19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ กำลังส่งผลกระทบต่อหลากหลายส่วนในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษา เราพบว่า การจัดการเรียนรู้นั้น ต้องปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้ความรู้หรือผู้สอน กับผู้เรียน จึงเป็นไปได้ยากสำหรับการศึกษาที่เราคุ้นเคย คือ การศึกษาในห้องเรียน ที่จะจัดการเรียนรู้ภายใต้สภาพที่ยากต่อกิจกรรมที่มีการปฏิสัมพันธ์กับคนจำนวนมาก ผู้เกี่ยวข้องทางด้านการศึกษาต่างคิดหาวิธีการที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้ และเป็นเรื่องที่น่าขบคิดสำหรับแนวทางในการจัดการเรียนรู้ ประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ การเรียนทางไกลและการเรียนออนไลน์ แน่นอนว่าการจัดการศึกษารูปแบบใดก็ตาม ไม่สามารถตอบสนองการจัดการเรียนรู้ได้อย่างสมบูรณ์ ผลลัพท์ทางการศึกษาที่สังคมคาดหวังนั้นสูง และแน่นอนว่าการจัดการเรียนรู้ไม่ว่าจะแบบใดก็ตาม มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทย สังคมที่กำลังพัฒนาการเรียนรู้ แต่ยังมีปัจจัยขวางอยู่มาก ในด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ เป็นคำตอบที่ดีสำหรับตอนนี้ เนื่องจากปัจจุบัน ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ผ่านคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และเครื่องมืออื่นอย่างง่ายดาย และมีข้อดีคือสามารถเข้าถึงได้ทุกเวลา (หากมีการบันทึกไว้และจัดเก็บไว้บนเซิฟเวอร์หรือคลาวด์) ทุกสถานที่ (ที่มีอินเตอร์เน็ต) และสามารถสื่อสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนได้ แต่แน่นอนว่าผู้สอนต้องจัดการกับการใช้งานและปัญหาที่เกิดขึ้นต่าง ๆ จากซอฟท์แวร์และการปรับตัวให้เข้ากับเครื่องมือ เช่น กล้อง ไมค์อัดเสียง การตัดต่อคลิป ทั้งหมดนี้หากส่วนกลางเป็นผู้รับผิดชอบ ก็จะสามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพ แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากไม่มีส่วนงานรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายจะสูงและสูญเสียเวลาไปกับการเตรียมและการเรียนรู้การใช้งานระบบต่าง ๆ อย่างมาก ทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นอยู่กับปัจจัยทางกายภาพที่เหล่าสถานศึกษาหรือสถานที่จัดอบรมต่าง ๆ จะต้องจัดการ ในขณะเดียวกัน ผู้เรียนก็ต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานระบบ และมีปัจจัยเรื่องเครื่องมือ เช่น สมาร์ทโฟนต้องสามารถใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นหรือซอฟท์แวร์ได้ หรือความเร็วและความเสถียรของอินเตอร์เน็ต นั่นแปลว่าวิธีนี้อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีนัก หากปัจจัยทั้งฝั่งผู้ให้บริการทางการศึกษาและผู้ศึกษานั้นยังไม่สามารถเข้าถึงได้ไม่ว่าจากทางใดห็ทางหนึ่ง ก็อาจไม่สามารถจัดการเรียนแบบออนไลน์ได้ การศึกษาทางไกลก็เป็นอีกวิธีซึ่งรัฐบาลกำลังเตรียมตัวในการจัดรูปแบบการเรียนการสอนผ่านโทรทัศน์ เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านการดูโทรทัศน์ตามเวลาที่กำหนดได้ ซึ่งในเรื่องของความสะดวก หากที่บ้านมีโทรทัศน์และสัญญาณ อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่เนื่องจากการเรียนรู้แบบนี้มักต้องกำหนดเวลา เพื่อให้จัดการเรียนรู้ได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งถ้าอยู่ข้างนอก หรืออยู่ที่ที่ไม่มีโทรทัศน์ หรือไฟฟ้าดับ ก็ไม่สามารถจัดการเรีบนรู้ได้ นอกจากนี้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนนั้นก็ไม่มี ดังนั้นจึงเป็นการจัดการเรียนรู้ที่จำกัดมาก แต่ในขณะนี้อาจเป็นตัวเลือกที่ประหยัดกว่า และเหมาะสมสำหรับวิกฤตการณ์ตอนนี้ เราไม่อาจบอกได้ว่าวิธีการใดดีที่สุด หรือสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นวิกฤติหรือโอกาสทางการศึกษา แต่เราได้เห็นว่าทุกฝ่ายนั้นคิดหาวิธีการที่จะดูแลและพัฒนาการศึกษาให้ดีขึ้น สิ่งที่ผู้เขียนคาดหวัง ไม่ใช่การจัดการศึกษารูปแบบต่าง ๆ แต่เป็นแนวทางให้สังคมส่งเสริมการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเรียนด้วยวิธีใดก็ตาม สิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้เบื้องต้นคือครอบครัว ครอบครัวควรเป็นต้นแบบในการกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ เพราะการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่ใช่แค่ในสถานศึกษา และอีกประการหนึ่งในสังคมของการเรียนรู้ จำเป็นต้องสร้างการเรียนรู้ด้วยตัวเองตลอดชีวิต การเรียนรู้เป็นเรื่องส่วนบุคคล และสิ่งนี้ต้องสร้างตั้งแต่ในครอบครัว สังคมต้องชี้ให้เห็นความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต คือการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ไม่ต้องรอให้ใครมาป้อน แต่ผู้เรียนจะศึกษาค้นคว้า และสืบค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเองและสังคมได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาการศึกษาให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างแท้จริง สุดท้ายนี้ขอฝากถึงสังคมของเรา ให้สร้างความสำคัญทางการศึกษาเรียนรู้ ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ไปด้วยกัน ให้สามารถผ่านวิกฤตการณ์โควิด-19 ไปได้ เพราะการศึกษาไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่จะช่วยให้คนในสังคมเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต ขอบคุณรูปภาพหน้าปก โดย ผู้เขียน ขอบคุณรูปภาพที่ 1 โดย Polina Zimmerman จาก Pexels ขอบคุณรูปภาพที่ 2 โดย Julia M Cameron จาก Pexels ขอบคุณรูปภาพที่ 3 โดย Julia M Cameron จาก Pexels ขอบคุณรูปภาพที่ 4 โดย ready made จาก Pexels