อื่นๆ

"แหล่งเรียนรู้ที่ถูกลืม"

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
"แหล่งเรียนรู้ที่ถูกลืม"

แหล่งเรียนรู้..มีอยู่มากมายในชีวิตของคนเรา และเราก็อาจหาความรู้ได้จากสิ่งเหล่านั้น..และแม้ว่าเราจะสั่งสมความรู้มาอย่างมากมายตลอดทั้งชีวิต แต่แล้วทำไม?เมื่อถึงจุดหนึ่งเรากลับมีความรู้สึกว่ายังขาดอะไรไป โดยที่ตัวเราเองก็ยังหาคำตอบนั้นไม่เจอ บทความนี้..จะนำพาทุกท่านเข้าสู่แหล่งเรียนรู้ที่ถูกลืม ที่ใครหลายคนอาจกำลังตามหาอยู่ ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย...

แหล่งเรียนรู้ขอบคุณภาพจาก https://cdn.pixabay.com/photo/2015/07/27/20/16/book-863418_1280.jpg

ความรู้จากการศึกษาเล่าเรียน จากการเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวหรือจากท่านผู้รู้ทั้งหลายนับเป็นสิ่งที่ล้ำเลิศอย่างยิ่งแต่ทว่ากลับมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ล้ำเลิศประเสริฐยิ่งกว่าและเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนได้หลงลืมมันไป และมันก็เป็นสิ่งซึ่งมีประจำอยู่ในตัวของพวกเราทุกคนอยู่แล้วตลอดเวลาอีกด้วย..สิ่งที่ว่านี้เปรียบได้กับขุมทรัพย์แห่งความรู้ ซึ่งถ้าเรารู้จักมันดีพอ มันก็จะนำพาความรู้ที่แจ้งชัดมาให้แก่เรา และสิ่งที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ก็คือแหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่ภายใน"ใจ"ของเราเอง...

Advertisement

Advertisement

ใจขอบคุณภาพจาก https://cdn.pixabay.com/photo/2016/05/10/21/50/meditation-1384758_1280.jpg

"ใจ" คือสิ่งที่ถูกใช้เป็นเชิงสัญลักษณ์เพื่อบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกในลักษณะต่างๆกัน เช่น ดีใจ,เสียใจ,เบิกบาน,โศกเศร้า เหล่านี้ก็ถูกจัดอยู่ในอารมณ์ของใจด้วยเช่นกัน ซึ่งการจะนำใจมาให้ความรู้กับเรานั้น อันดับแรกเลยก็คือเราต้องฝึกสังเกตใจของตัวเองเพื่อให้รู้เท่าทันอารมณ์ความนึกคิดในขณะนั้นๆว่าเป็นอยู่อย่างไรโดยให้มีสติระลึกรู้อยู่ในทีในแต่ละขณะนั้นๆด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว..วิธีนี้ในทางศาสนาเรียกว่า การดูใจด้วยการเจริญสติเพื่อให้รู้เท่าทันอารมณ์ความนึกคิด ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในแต่ละขณะ

เมื่อเราเริ่มจะเป็นผู้ที่สังเกตใจดูใจของเราเองได้บ้างแล้ว เราก็จะเริ่มรู้ใจของตัวเองได้มากขึ้น เมื่อถึงตรงจุดที่เราสามารถรู้ใจของเราได้มากขึ้นแล้ว เราก็จะสามารถใช้ใจรู้ๆนี้ควบคุมกายควบคุมอารมณ์ตลอดจนความรู้สึกนึกคิดของเราให้อยู่ในทิศทางที่ถูกที่ควร หรือให้มันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นได้ แต่ถ้าเรายังควบคุมมันไม่ได้ หรือรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่น่าจะต้องมาควบคุม ก็ขอแค่ให้เรายังคงมีสติรู้เท่าทันกายใจของเราว่ามันเป็นอย่างไรในแต่ละขณะเท่านั้นก็พอ เพราะมันเพียงพอแล้วสำหรับการใช้ใจไปในทิศทางที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของตัวมันเอง ซึ่งคุณสมบัติของใจแต่ดิมทีนั้นก็คือการมีสติตื่นอยู่ระลึกรู้ได้ในทุกขณะแม้แต่ในยามที่เผลออยู่ก็รู้ตัวว่าเผลอและสามารถจะดึงสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวหรืออยู่กับสิ่งที่อยู่เฉพาะหน้าในขณะนั้นๆได้อย่างทันท่วงที เมื่อเรารู้ใจรู้กายรู้อารมณ์สติย่อมส่งผลให้ใจเป็นนายของกายได้ เมื่อใจเป็นนายของกายอยู่จึงชื่อว่าเป็นผู้ที่ควบคุมกายได้อย่างแท้จริง หรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งก็คือ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าวนั่นเอง...​​​​

Advertisement

Advertisement

กายขอบคุณภาพจาก https://cdn.pixabay.com/photo/2017/04/08/22/26/meditation-2214532_1280.jpg

แต่ถ้าเรายังดูใจไม่ถูกไม่รู้ว่าจะดูยังไง? ก็ให้เราดูกายไปก่อนได้ ด้วยการดูอย่างมีสติรู้เท่าทันว่าในขณะนั้นๆมันอยู่ในอริยบถอย่างไร เช่นเดินยืนนั่งนอนและหรือกำลังทำอะไรอยู่ก็ขอให้มีสติรู้เท่าทันคอยกำกับไว้ ถ้าเราสามารถรู้ชัดในอาการเหล่านี้ด้วยสติของเราไปทีละขณะได้ นั่นก็เท่ากับว่า สติของเราได้ถูกทำให้เจริญขึ้นแล้ว และเมื่อสติของเราเจริญขึ้นเรื่อยๆความรู้สึกตัวของเราก็จะเริ่มชัดเจนมากขึ้น และนั่นย่อมทำให้ความเผลอตัวความประมาทของเราลดน้อยลงตามลำดับอีกด้วย เมื่อนั้นเราก็จะสามารถตามทันความคิดอารมณ์ความรู้สึกตลอดจนการกระทำทุกอย่างของเราได้มากขึ้น ถึงตอนนั้นเราจะเริ่มเข้าสู่การพิจารณาทุกสิ่งอย่างโดยแยบคายซึ่งเป็นในขั้นของปัญญาธรรมชาติที่ถูกเผยขึ้นจากใจและกายที่มีสติรู้ชัดเป็นพื้นฐาน และด้วยปัญญาอันนี้เองที่จะช่วยให้เราเข้าถึงความรู้ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงได้มากยิ่งขึ้น และมันก็จะเป็นความรู้ที่อยู่นอกเหนือไปจากตำราซึ่งสามารถเรียนรู้ได้อย่างไม่รู้จบอีกด้วย...

Advertisement

Advertisement

สติขอบคุณภาพจาก https://cdn.pixabay.com/photo/2017/03/27/13/12/beach-2178625_1280.jpg

ดังนั้นหากจะกล่าวสรุปความจากเรื่องนี้ ก็อาจกล่าวได้ว่า ใจเป็นของที่ตื่นรู้อยู่แล้วแต่เดิมที "สติความรู้สึกตัว" จึงเป็นอีกชื่อหนึ่งของความตื่นรู้นั้น การรู้ชัดว่าในแต่ละขณะเรากำลังคิดพูดหรือทำอะไรอยู่ นั่นก็คือความรู้สึกตัวด้วยสติ เมื่อเราทำความรู้สึกตัวหรือมีสติไปทีละขณะ ก็จะช่วยให้ใจของเราตื่นขึ้นจากความหลับใหลขึ้นมาได้ ครั้นเมื่อใจของเราตื่นขึ้นจากความหลับใหลได้แล้วหรือได้บ้างแล้ว ปัญญาธรรมชาติก็จะนำเราเข้าสู่ความรู้ชัดประจักษ์จริงในสิ่งทั้งปวงซึ่งตั้งอยู่บนรากฐานของความเป็นจริงและมันก็จะเป็นสิ่งที่มอบขุมทรัพย์แห่งความรู้ที่เรียนรู้ได้ไม่จบสิ้นให้แก่เรา สิ่งสำคัญก็คือเราจะต้องลงมือทำทดลองดูด้วยตัวเองก่อนเท่านั้น จึงจะเป็นมูลเหตุทำให้แหล่งเรียนรู้จากใจของเราแสดงคุณสมบัติของมันออกมาได้อย่างที่มันควรจะเป็น และมันก็เป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตนอันเกิดจากผลของการลงมือทำเท่านั้น..จากนี้ไปขอให้ทุกท่านจงมีสติรู้กายรู้ใจตนนับตั้งแต่ขณะนี้เพื่อความรู้แจ้งเห็นจริงจะได้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับทุกท่านนับตั้งแต่ขณะนี้เป็นต้นไป และนี่ก็คือแหล่งเรียนรู้ที่ถูกลืมที่เราสามารถจะฟื้นคืนมาได้ด้วยการรู้กายรู้ใจของเราเอง....

คำกล่าวทิ้งท้าย..ไม่ว่าจะเป็นใจ กาย สติ การระลึกรู้ ความรู้สึกตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนคือสิ่งเดียวกัน และเมื่อพวกมันถูกรู้ชัดอย่างถูกต้องได้แล้วจริงๆชื่อทั้งหมดที่ถูกใช้เป็นคำสมมุติเหล่านี้ก็จะหายไป คงเหลือไว้แต่ความเป็นหนึ่งเดียวแห่งการตื่นรู้จากภายในที่เรียนรู้ได้ไม่รู้จบสิ้น...

ขอขอบคุณภาพหน้าปกจาก https://cdn.pixabay.com/photo/2015/03/18/09/31/prairie-679014_1280.jpg​​​​​​​

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์