แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมากว่า 1 ปี แต่ลูกยิงไกลระยะ 30 หลาแบบผีจับยัดใส่จิ้งจอกเลสเตอร์ กลายเป็น 3 คะแนนสำคัญที่พาเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 4 ของตัวเค้าเองและสโมสร ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ยังคงติดตาแฟนบอลทั่วโลก ชื่อของ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ถูกจดจำในฐานะกองหลังที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก และประสบความสำเร็จอย่างสูงตลอดระยะเวลา 11 ปีกับแมนซิตี้ และ 18 ปีในฐานะนักเตะอาชีพ ก่อนที่เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมาจะประกาศ แขวนสตั๊ด เลิกเล่นฟุตบอลในวัย 34 ปี เพื่อทุ่มเทให้กับบทบาทผู้จัดการทีมให้กับ อันเดอร์เลชท์ สโมสรชั้นนำจากเบลเยียม เราจะมาวิเคราะห์ถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญถึงที่มาที่ไป และโอกาสประสบความสำเร็จในอาชีพผู้จัดการทีมของเค้า ว่าจะทำได้ดีเหมือนกับตอนเป็นนักเตะหรือไม่ ทำไมต้องเป็นอันเดอร์เลชท์? คำถามแรกที่แฟนฟุตบอลหลายคนแปลกใจว่าทำไมสโมสรชั้นนำ เจ้าของแชมป์ลีกสูงสุด 34 สมัยอย่างอันเดอร์เลชท์ ถึงกล้าให้ตำแหน่งผู้จัดการทีมกับคนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมเลย ถ้าย้อนกลับไปในปี 2000 สโมสรแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นในฐานะนักเตะเยาวชนของก็องปานี ก่อนที่จะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพในปี 2003 พาทีมได้แชมป์ลีก 2 สมัยก่อนที่จะย้ายมาเล่นให้กับฮัมบูร์กในเยอรมัน จึงถือได้ว่าทั้งคู่มี ความผูกพัน กันมานาน ที่สำคัญด้วยบุคลิกของก็องปานี เป็นผู้นำทั้งในสนาม และนอกสนาม ขึ้นชื่อในเรื่องการตะโกนสั่งการกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม มีประสบการทำงาน ซึมซับศาสตร์การคุมทีมร่วมกับโค้ชชื่อดังในสมัยตลอดชีวิตการเป็นนักเตะอย่าง โรแบร์โต มันชินี , มานูเอล เปเยกรินี หรือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา จนได้รับคำชมจาก โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ผู้จัดการทีมชาติเบลเยียมคนปัจจุบันว่านักเตะที่รับใช้ชาติตลอด 16 ปี มากว่า 89 นัดคนนี้ เหมาะสมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมชาติในอนาคต แต่ยังมีความท้าทายที่ไม่ง่าย อันเดอร์เลชท์ แม้จะครองความยิ่งใหญ่ได้แชมป์ลีกในประเทศถึง 5 ใน 10 ฤดูกาลหลังสุด แต่พวกเค้าไม่ได้สัมผัสแชมป์อีกเลยตั้งแต่ปี 2017 โดยเฉพาะในฤดูกาลล่าสุด 2018-2019 จบเพียงอันดับที่ 6 ไม่ได้แม้กระทั่งไปเตะฟุตบอลยุโรป ก่อนที่ฤดูกาลล่าสุด 2020 จะถูกยกเลิกไปจากปัญหาโควิด-19 อันเดอร์เลชท์หลุดไปถึงอันดับที่ 8 จนมาถึงฟางเส้นสุดท้าย ฤดูกาลนี้ที่เริ่มไป 2 นัดเก็บได้เพียง 1 คะแนน สโมสรตัดสินใจปลด แฟรงกี แฟร์เคาเตอเรน และให้สัญญา 4 ปีแต่งตั้ง แว็งซ็องต์ ก็องปานี ขึ้นรับตำแหน่งสำคัญปิดฉากอาชีพนักเตะอย่างสมบูรณ์ แต่ยังมีความท้าทายรออยู่ในการปลุก อันเดอร์เลชท์ ให้กลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่เชื่อว่าทั้งด้านความเป็นผู้นำ และฝีมือการกระตุ้นลูกทีมในสนาม ก็องปานี มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในบทบาทใหม่นี้อย่างแน่นอน เป็นตัวอย่างน่าสนใจที่นักฟุตบอลสักคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับจากแฟนบอลคู่แข่งที่อวยพรให้ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ได้ดิบได้ดีในฐานะผู้จัดการทีม ไม่แน่สักวันหนึ่งเราอาจได้เห็นเค้าก้าวขึ้นมาคุมสโมสรใหญ่ในลีกชั้นนำ หรือก้าวขึ้นมาคุมทีมชาติเบลเยียมจึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินจริง อัปเดตเรื่องราวในวงการฟุตบอล และกีฬาทั่วโลกได้ที่ sport.trueid.net และวันหน้ามาติดตามเรื่องราวดี ๆ แบบนี้กันได้อีกครับ 🤗.. ภาพประกอบโดย ภาพปก 1,2 / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3