สวัสดีอีกครั้งนะคะ สำหรับใครที่กำลังตามหาซีรีส์ FEEL GOOD เบา ๆ เอาไว้ดูฮีลใจตัวเอง คุณมาถูกที่แล้วเพราะเราก็เป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบแนวนี้ เรื่องที่เราจะมาแนะนำก็แอบมีดราม่าเล็กน้อยเพื่ออรรถรสของเรื่อง แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะเรื่องที่เรานำมาไม่ถึงกับทำให้ร้องไห้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เกริ่นก่อนว่าบางเรื่องจะมีความเรียลในแง่ของความสัมพันธ์ที่มีให้กันคืออาจจะไม่ได้มีปมอะไรให้เราต้องมานั่งแก้ นั่งเดา แต่มันคือการดำเนินเรื่องผ่านตัวละครที่ดูเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไปและก็สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง และบางเรื่องก็มีส่วนเอี่ยวกับค่านิยมในสังคมนั้น ๆ ซึ่งก็เป็นความท้าทายของบทอยู่พอสมควรในความคิดของเรา เพราะบางทีการที่ตัดสินใจให้ตัวละครทำอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะได้กระแสตอบรับในแง่ลบหรือดีไปเลย นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ชมจะรู้สึกกับมันแบบไหน แต่สำหรับเรา เราคิดว่าทุกเรื่องมันมีเหตุผลให้คนคนหนึ่งทำอะไรบางอย่างซึ่งมันอาจจะผิดหรือไม่เมคเซนส์ในความคิดเราแต่สุดท้ายก็มาคิดได้ว่า จริง ๆ แล้วโลกนี้ก็ไม่ได้สวยงามเหมือนที่เราวาดฝัน คนทุกคนมีหลายด้าน บางทีบทอาจจะต้องการให้เราพยายามเข้าใจในความเป็นไปที่แท้จริงของโลกใบนี้ก็ได้Prison Playbook เรื่องนี้ เรารู้สึกเสียดายมากที่เพิ่งได้มาดูเพราะเรื่องนี้ออกอากาศตั้งแต่ปลายปี 2017 แต่เรามาดูช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราประทับใจมากนะ ไม่คิดว่าจะถ่ายทอดชีวิตในคุกได้อบอุ่นขนาดนี้ อ่านไม่ผิดแน่นอน โดยเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตในคุกดูเลวร้าย น่ากลัว แต่กลับทำให้เห็นมุมมองที่ต่าง ออกไป แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าเป็นการสนับสนุนให้เราทำผิดแล้วไปอยู่ในคุก โดยเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดมุมมองของพระเอกที่ต่อสู้เพื่อหาความยุติธรรมให้ตัวเอง และได้เห็นมิตรภาพดี ๆ ระหว่างเพื่อนนักโทษ ซึ่งการไว้ใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในที่แห่งนี้เพราะทุกคนล้วนเคยทำผิดมาก่อน อยู่ที่ว่าใครจะสำนึกและแก้ไขความผิดนั้นด้วยการไม่ทำซ้ำอีก ตอนแรกเราจะเห็นพระเอกทำใจไม่ได้และพยายามต่อต้าน เรียกร้องหาความยุติธรรมให้ตัวเองตลอด แต่หลัง ๆ มาเหมือนพระเอกได้เรียนรู้การอยู่ในที่ที่นั้นพร้อมกับการสู้เพื่อตัวเอง จริง ๆ ทุกคนที่เข้ามาอยู่ที่นี่ล้วนมีอดีตที่ไม่น่าให้อภัย แต่กลับทำให้เราสงสารทั้ง ๆ ที่เขาก็ทำผิดมา มันเป็นแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเพราะสุดท้ายก็จะมีฉากที่ทำความผิดนั้นแทรกมาให้เราระลึกอยู่เสมอ บางทีก็ทำให้เราจุกอยู่เหมือนกันกับเรื่องราวชีวิตของแต่ละคน เราว่ามันดีนะที่บททำให้เราตระหนักว่าสุดท้ายเราก็ต้องยอมรับมันและหาทางสู้ในแบบที่มันเป็นไปได้ ไม่วู่วาม ดูไปดูมาโทนเรื่องก็มีความคล้าย Reply 1988 อยู่นะ และก็จริงที่ว่าคนเขียนบทคือคนเดียวกัน นี่ก็คือสิ่งที่การันตีแล้วว่าความ FEEL GOOD นี้จะอบอวลอยู่ตลอดทั้งเรื่องแน่นอนคะแนนความประทับใจส่วนตัว : 8/10Crash Landing On You ได้พระนางระดับ Top ของประเทศมาทั้งสองคน มีหรือจะทำให้ผิดหวัง เราจัดให้เรื่องนี้อยู่ในหมวดฟีลกู้ดนะ แม้ว่าจะมีความดราม่าในช่วงท้าย ๆ เรื่อง แต่ระหว่างนั้น เราว่ามันโรแมนติกมาก ๆ ถ้าพูดกันในแง่แค่เรื่องความรัก เราว่า มันก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีในเรื่องพัฒนาการความรักของทั้งสองคือแม้วิถีชีวิตจะต่างกันสุดขั้วแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค มีฉากฟิน ๆ เยอะมาก ที่สำคัญเราชอบเพลงประกอบเรื่องนี้มาก เพราะทุกเพลง งานสายตาก็คือยอมเลยจ้า คะแนนความประทับใจส่วนตัว : 9/10Something in the Rain บอกตามตรงว่าเราติดเรื่องนี้มากในช่วงที่ยังออกอากาศอยู่ เป็นเรื่องราวความรักระหว่างวัยที่ห่างกันพอสมควร โดยเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่จุดกระแสเรียกร้องเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงในเกาหลี โดยในเรื่องนางเอกจะถูกคาดหวังจากแม่มากว่าต้องได้แต่งงานกับคนที่มีฐานะและต้องเผชิญกับเพื่อนที่ทำงานที่คอยหาจังหวะทำไม่ดีกับเธอ จนมาพอกับพระอก ทั้งสองรู้จักกันอยู่แล้วและสุดท้ายความใกล้ชิดได้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองถลำลึกลงไป แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดอะไร ทำไมเราจะมีความรักไม่ได้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ ซึ่งนี่มันก็คือหนึ่งในจุดประสงค์ของเรื่องนี้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องผิดที่ผู้คนนึงจะได้เจอกับความรักดี ๆ เราชอบเพลงประกอบในเรื่องนี้มาก นั่นก็คือ stand by your man เนื้อเพลงมันเหมาะกับชีวิตนางเอกมาก ยิ่งเพลงขึ้นมาในฉากที่มันทัชใจเราบวกกับบรรยากาศเหงา ๆ ในหน้าฝน มันยิ่งทำให้เราอินกับเรื่องนี้มาก ๆ ใครชอบแบบฟีลกู๊ดไม่ควรพลาดเรื่องนี้ คะแนนความประทับใจส่วนตัว : 9/10One Spring Night ผลงานการกำกับของผู้กำกับคนเดียวกับ Something in the Rain ซึ่ง mood ของเรื่องจะคล้าย ๆ กัน โดยได้แฮอินมันเล่นเป็นพระเอกเช่นเดิม เป็นเรื่องที่ช่องว่างระหว่างวัยของพระนางห่างกันอีกแล้ว โดยเรื่องนี้จะเพิ่มเรื่องที่ว่าพระเอกมีลูกติดมาแล้ว ส่วนนางเอกก็มีแฟนที่คบมานานและกำลังจะแต่งงานกัน พระเป็นเภสัชกร ทั้งสองได้เจอกันหลังจากนั้นเรื่องราวซับซ้อนก็เกิดขึ้นท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิ และทุกคนคะ เราประทับใจเพลงประกอบเรื่องนี้มาก มันให้ความรู้สึกว่าอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจริง ๆ ทั้งเนื้อเพลงก็กินใจ คือฟังแล้วอิ่มค่ะ อิ่มในแง่ของความรู้สึก เหมือนถูกเติมเต็มอย่างไรอย่างนั้น อย่างท่อนที่ร้องว่า “seasons they change …Gone away then back again … Every sign I see you …I am tired of hiding how I feel … Every sign is telling me it’s real” เราอินกับเพลงหนักมาก มันดูเข้ากันกับ mood ของเรื่องนี้ได้ดีคะแนนความประทับใจส่วนตัว : 9/10Reply 1988 เราว่าเรื่องคงเป็นตำนานไปแล้ว เพราะไม่มีใครไม่รู้จัก เวลาเราไปขอให้เพื่อน ๆ แนะนำซีรีส์ทุกคนต้องแนะนำเรื่องนี้ ก็คือเราก็เสียดายเหมือนกันที่เพิ่งมาดูเอาตอนที่กักตัวโควิทที่ผ่านมา ก็คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้กันและได้พาเราย้อนกลับไปในช่วงปี 1988 ยิ่งทำให้ mood ของเรื่องทำให้เราหวนคิดถึงช่วงชีวิตในอดีต ความสนุกของเรื่องอยู่ที่เราต้องมานั่งทายว่าใครคือสามีของนางเอกนั่นก็คือ ด๊อกซอนของเรา เรายอมรับตามตรงว่าเราเชียร์จองฮวัน เพราะเราชอบสิ่งที่เขาทำมาก ๆ คือทำโดยไม่ได้เปิดเผยแต่มันก็เป็นความรู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถบอกความรู้สึกได้ แม้จะได้บอกแต่ก็ต้องทำให้มันเป็นเรื่องตลกเพื่อกลบเกลื่อน โดยสุดท้ายก็ไม่ได้บอกนะคะว่าชีวิตหลังจากที่จองฮวันเป็นทหารอากาศแล้วเป็นอย่างไร แต่สารภาพว่าเราเป็นคน sensitive เรื่องครอบครัวมาก ๆ เราเลยร้องไห้ตั้งแต่ตอนแรกเลยค่ะที่นางเอกถูกเลือกปฏิบัติเพราะเป็นลูกคนกลาง ระหว่างเรื่องก็ได้แทรกเรื่องราวต่างๆ มากมาย ที่ทำให้เราสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ซึ้งจนน้ำตาคลอบ้าง และซีรีส์ตระกูล Reply ก็ยังไม่ลืมเสียงแพะที่จะแทรกมาตลอดที่ตัวละครมีการเล่นมุก เราชอบบทพ่อของจองฮวันมาก เราว่าทุกคนมีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้นแหละก็เหมือนกับชีวิตคนทั่ว ๆ ไป เรื่องนี้คือที่สุดของซีรีส์ฟีลกู๊ดสำหรับเราดูกี่ครั้งความรู้สึกก็ไม่เปลี่ยนและมันก็จะเป็นแบบนี้ตลอดทุกครั้งที่เรากลับมาดูอีก คะแนนความประทับใจส่วนตัว : 1000000000000000000000000000000++/10Hi Bye Mama เรื่องจะสุขเศร้าเคล้าน้ำตาปน ๆ กันไป ได้เห็นมิตรภาพระหว่าเพื่อน ได้ คิม แตฮี มารับบทเป็น แม่ ที่บอกเลยว่าเธอถ่ายทอดความรู้สึกของคนเป็นแม่ได้อย่างยอดเยี่ยม คร่าว ๆ คือตอนท้องใกล้คลอดนางเอกประสบอุบัติเหตุ ลูกรอดแต่นางเอกต้องตาย พระเอกเป็นหมอจึงทำให้จำฝังใจเรื่องการผ่าตัดไปเลย พอนางเอกเป็นวิญญาณก็ได้สิทธิ์กลับมาอยู่ใกล้ ๆ ลูก ซึ่งพระเอกมีภรรยาใหม่ หนำซ้ำลุกก็ดันมาเห็นวิญญาณซึ่งนั่นทำให้ต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะเด็กไม่สามารถแยกระหว่างคนกับผีได้ และมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้นางเอกได้กลับมาเป็นคนได้อีกและมีข้อแม้ว่าต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมให้ได้ก็คือต้องมีชีวิตแบบเดิมเพื่อที่จะได้โอกาสเป็นคนอีกครัั้งแต่เรื่องไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้นก็ในเมื่อพระเอกมีภรรยาใหม่แล้ว นางเอกได้กลับมาอยู่ใกล้ ๆ ลูก ได้ทำหน้าที่แม่ และนั่นก็คือจุดประสงค์ของเธอ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับพระเอกจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามกันเองนะจ๊ะคะแนนความประทับใจส่วนตัว : 8/10Tune in for Love เรื่องนี้เป็นผลงานการแสดงภาพยนตร์อีกเรื่องของแฮอินกับโกอึน เรื่องนี้ได้พาเราย้อนกลับไปในช่วงที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงสภาพบ้านเมือง จากผลกระทบของวิกฤตการณ์ IMF โดยเสน่ห์อยู่ที่มีการใช้เสียงจากรายการวิทยุเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ซึ่งนั่นก็พ้องกับชื่อเรื่องนี้ เราประทับใจคำพูดที่ว่า "การกระจายเสียง ความรัก เครื่องบิน มีสิ่งที่เหมือนกันคือในตอนแรกต้องใช้พลังงานเยอะมาก ๆ " และพระเอกก็คงจะรู้สึกเหมือนเรา มีซู รับบทโดย คิมโกอึน เปิดร้านเบเกอรี่ ฮยอนอู รับบทโดย จองแฮอิน เพิ่งออกมาจากสถานพินิจ ได้มาทำงานที่ร้านนางเอก ทำได้ไม่นานพระเอกก็หายไป จนทั้งสองได้มาพบกันและได้สานสายสัมพันธ์ที่มีให้กัน แต่ก็มีต้องจากลา พระเอกเข้ากรม นางเอกย้ายที่อยู่ ผ่านมาหลายปีทั้งสองมาพบกันอีก ครั้งนี้ทั้งสองตัดสินใจคบกัน แต่ฮยอนอูมีเบื่องหลังที่ไม่อยากจดจำ พอมีซูรู้เข้า เขาก็กลับเลือกที่จะหนี เวลาล่วงเลยไป ฮยอนอูเป็นตากล้องให้กับรายการวิทยุที่มีซูชอบฟัง และเขาก็ได้ให้ดีเจเอ่ยชื่อมีซูผ่านรายการวิทยุ และไฟแห่งรักก็ได้ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง เรื่องนี้จะพาเราเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสมัยก่อน โรแมนติกมาก มีเรื่องให้เราต้องลุ้นตลอดว่าสุดท้ายพระนางจะได้กลับมาเจอกันไหม เพลงประกอบก็ดีมาก ๆ ด้วยคะแนนความประทับใจส่วนตัว : 10/10ภาพปก : http://jtbc.joins.comภาพประกอบ : ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4 , ภาพที่ 5 , ภาพที่ 6 , ภาพที่ 7