เชื่อว่าผู้อ่านหลายๆท่านที่กำลังหาข้อมูลการสมัครสอบวัดระดับภาษาจีนกลาง ของทางฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งแรก คงต้องได้งงตาแตกกับโค้ดลับ รหัสย่ออย่าง “HSK HSKK YCT BCT” กันอยู่บ้างนะคะ วันนี้เพื่อความเข้าใจง่ายขั้นสุด ผู้เขียนเลยขอผุดไอเดีย เวทีการประกวดร้องเพลงชื่อดังในอดีตอย่าง “บ้าน AF” มาอธิบายให้เห็นภาพกันชัดๆเสียเลย ไปดูกันเลยค่ะก่อนจะลากกระเป๋าเข้าบ้านไหนใน “ฮั่นปั้น อะคาเดมี่ (HANBAN ACADEMY)” ก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนนะคะว่าชื่อ “ฮั่นปั้น” นั้นก็มาจาก “สำนักงานส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนนานาชาติฮั่นปั้น“ ซึ่งมีสปอนเซอร์ใหญ่อย่างกระทรวงศึกษาธิการจีนเป็นผู้สนับสนุนค่ะ สำหรับฮั่นปั้น ก็มีหน้าที่คอยส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนให้กับชาวต่างชาติ ดังนั้น ฮั่นปั้นนี่ล่ะค่ะ ที่เป็นคนกำหนดกฎเกณฑ์ และมาตรฐานการจัดสอบวัดระดับภาษาจีนกลางสำหรับผู้เรียนชาวต่างชาติล่ะค่ะคุณ! มาม่ะ...มาเริ่มกันที่บ้านหลังแรก ที่Hot! Hit! ติดอันดับหนึ่งในใจคนไทยเรื่อยมา กับการสอบ “HSK (Hanyu Shuiping Kaoshi)” หรือ “การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนกลางสำหรับชาวต่างชาติ” นั่นเอง โดยบ้านหลังนี้เขาแบ่งการสอบออกเป็น 6 ระดับด้วยกันค่ะ ซึ่งก็ไล่ตามระดับความสามารถทางภาษาจีนกันไป โดย HSK 1 และ 2 ถือเป็นการสอบภาษาจีนระดับพื้นฐาน ตัวข้อสอบจะมีพินอินประกอบให้ทุกคำ แถมข้อสอบการฟังก็ได้ฟังซ้ำถึงสองรอบ ในสปีดที่บอกเลยค่ะว่า ช้ามาก&ชัดเว่อร์ ดังนั้นจึงเหมาะมากหากคุณเป็นผู้ที่เพิ่งจะเริ่มเรียนภาษาจีนเป็นภาษาที่ 2 มาแล้ว 100 - 800 ชั่วโมง และผ่านการเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้บ่อยมาแล้วประมาณ 400 ถึง 3,000 คำค่ะ ส่วน HSK 3 และ 4 นั้นนับเป็นการสอบภาษาจีนระดับต้นผสมกลางค่ะ ตัวข้อสอบจะไม่มีพินอินแล้วนะคะ ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่เรียนภาษาจีนเป็นภาษาที่ 2 มาแล้ว 400 - 2000 ชั่วโมง ผ่านการเรียนรู้คำศัพท์มาแล้วประมาณ 2,000 ถึง 5,000 คำค่ะ และสุดท้าย HSK 5 และ 6 ซึ่งถือเป็นขั้นสุดของ HSK แล้วค่ะ ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่มีความรู้ภาษาจีนมากถึงขั้นเชี่ยวชาญ ผ่านการเรียนรู้คำศัพท์ตั้งแต่ 5,000 ถึง 8,000 คำ ขึ้นไป อีกทั้งยังสามารถใช้หลักไวยากรณ์ขั้นสูงได้แบบเป๊ะเว่อร์อีกด้วย ซึ่งสำหรับใครที่สอบHSKผ่านและได้รับใบประกาศนียบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถนำใบนี้ไปใช้พิสูจน์ความสามารถทางภาษาจีนของเราได้เลยค่ะ โดยผู้ที่สอบผ่าน HSK 3 จะสามารถเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาชั้นสูง(ป.ตรี)ของประเทศจีนได้ ผู้ที่สอบผ่าน HSK 4 จะสามารถเข้าศึกษาต่อ(ป.ตรี-โท)ของ ม.ที่จีนได้ อย่างในคณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์แผนตะวันตกค่ะ รวมถึงมีสิทธิ์ที่จะสอบ HSK สาขาธุรกิจ, HSK สาขาเลขานุการ และ HSK สาขาการท่องเที่ยวได้แบบชิล ๆ อีกด้วย แต่สำหรับผู้ที่สอบผ่าน HSK ขั้น 6 ซึ่งถือว่าขั้นเทพแล้ว จะสามารถศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาของประเทศจีนระดับป.โท-เอก ในคณะทั่วไป รวมไปถึงคณะสายโหดอย่างคณะประวัติศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์แผนจีนได้ค่ะ แต่เดี๋ยวนะคะ! สำหรับใครที่ไม่ใช่สายเรียนต่อ ผู้เขียนก็จะบอกว่าใบผลคะแนนHSKนี้ สามารถที่จะใช้เป็นใบรับรองมาตรฐานความรู้ภาษาจีนของคุณ ในเวลาที่คุณไปสมัครงานได้ทั่วโลกเลยทีเดียวค่ะต่อกันด้วยบ้านหลังที่สอง “HSKK (Hanyu Shuiping Kouyu Kaoshi)” หรือ “การสอบวัดระดับความรู้การพูดภาษาจีน” ชื่อก็บอกแล้วค่ะว่า เน้นสอบพูดภาษาจีน ดังนั้น ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ต้องพูดภาษาจีนอยู่บ่อย ๆ ค่ะ อย่างเช่น ผู้ที่ทำงานในหน่วยงานราชการจีน ผู้ประกาศข่าวภาคภาษาจีน ครูสอนภาษาจีน ฯลฯ เป็นต้นค่ะ โดยการสอบจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ นั่นคือระดับต้น-กลาง-สูงค่ะ โดย ระดับต้น จะเหมาะกับผู้สอบที่เรียนภาษาจีน 2-3 คาบต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 1-2 เทอม พอจะเข้าใจคำศัพท์ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันประมาณ 200 คำได้เป็นอย่างดีค่ะ สำหรับ ระดับกลาง จะเหมาะกับผู้สอบที่เรียนภาษาจีน 2-3 คาบต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 1-2 ปี จนมีความเข้าใจคำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันประมาณ 900 คำเป็นอย่างดีค่ะ สุดท้าย ระดับสูง จะเหมาะกับผู้สอบที่เรียนภาษาจีน 2-3 คาบต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 2 ปีขึ้นไป จนสามารถเข้าใจและจำจดคำศัพท์3000 คำขึ้นไปและสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องแคล่วค่ะตามมาติดๆกับบ้านหลังที่สาม “YCT (Youth Chinese Test)” หรือ “การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนสำหรับเด็ก” ผู้สอบส่วนใหญ่จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากน้องๆชั้นประถมถึงมัธยมต้นค่ะ ซึ่งจริงๆแล้ว โรงเรียนจีนในไทย ก็จะมีการจัดสอบประเภทนี้อยู่เป็นประจำเลยล่ะ เนื่องจากการสอบนี้จะมีประโยชน์อย่างมากในการใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับผู้สอบ เพื่อทำความเข้าใจและเพื่อให้สามารถยกระดับความสามารถทางภาษาจีนของตัวเองได้มากขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการสอนภาษาจีนในหน่วยการเรียนการสอนภาษาจีนและสถาบันฝึกอบรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินประสิทธิภาพการสอนหรือการฝึกอบรมต่อไปอีกด้วยค่ะและแล้วก็ถึงมาบ้านหลังสุดท้าย “BCT (Business Chinese Test)” หรือ “การจัดสอบวัดความรู้ภาษาจีนเชิงธุรกิจสำหรับชาวต่างชาติ” ซึ่งเป็นการสอบวัดระดับการใช้ภาษาจีนกลางไปในทางธุรกิจ ผู้สมัครสอบส่วนใหญ่จะนำผลไปใช้ยื่นสมัครงานกับบริษัทจีน หรือน้องนักศึกษาที่จบด้านจีนธุรกิจหลายๆคนก็สอบเพื่อวัดความสามารถของตนเองค่ะ ดังนั้นเนื้อหาในข้อสอบประเภทนี้ ก็จะเป็นไปในเชิงธุรกิจแบบล้วนๆ อาทิ เช่่น การเจรจาต่อรองทางธุรกิจ การทำสัญญา การพบปะพูดคุยกับลูกค้า ฯลฯ อีกมากมายเป็นต้นค่ะมาถึงจุดนี้เชื่อว่าหลายๆท่านคงจะเข้าใจการสอบของแต่ละบ้านกันมากขึ้นแล้ว จะเลือกเข้าบ้านไหน ก็ขอให้ดูตามปลายทางที่เราต้องการไปเป็นหลักนะคะ จะได้เตรียมสอบได้อย่างถูกทางและเต็มที่ค่ะ สุดท้ายนี้ “ขอให้ทุกท่านโชคดีในการสอบนะคะ”