แชร์ประสบการณ์: เป็นสิว ใช้แอลกอฮอล์เช็ดหน้าแล้วดีขึ้น

เรามักจะเคยได้ยินว่า "อย่าใช้แอลกอฮอล์เช็ดหน้า" กันใช่ไหมคะ  เพราะแอลกอฮอล์มีอันตรายต่อผิว ไม่เหมาะกับการนำมาใช้บนผิวหน้าของเรา

ผู้เขียนเคยผ่านช่วงที่เป็นสิวหนักมากมาหลายครั้ง ทั้งเข้าคอสรักษาสิวตามคลินิกต่าง ๆ แต่ก็ต้องหยุดไป เพราะค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง  ทั้งใช้สูตรสมุนไพรมาร์คหน้าเข้าช่วย  เดี่ยวนี้ก็ยังทำเรื่อย ๆ ค่ะ แต่ถ้าเป็นหนัก ๆ สูตรมาร์คหน้าก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ  และวิธีล่าสุดก็คือ.... 👉 แอลกอฮอล์ เช็ดหน้าแทนโทนเนอร์ค่ะ วิธีนี้ค่อนข้างได้ผล หน้าสะอาดสิวอักเสบลดลงเยอะเลย แต่!!.. ก็ค่อนข้างโหดพอสมควร เพราะใคร ๆ ต่างก็ทราบถึงฤทธิ์ของมันว่า หากทาบนผิวที่มีบาดแผลก็จะแสบเอามาก ๆ และหากเป็นผิวธรรมดาก็จะทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำ และลอกอีกด้วย

ผู้เขียนมักจะเป็นสิวอุดตันที่คางและอักเสบแบบใหญ่โตมโหฬารมาก ทั้ง ๆ การดูแลรักษาหน้าก็ค่อนข้างดูแลอย่างดี ก่อนล้างหน้าก็เช็ดด้วยที่เช็ดเครื่องสำอางสำหรับหน้ามันและเป็นสิวโดยเฉพาะ ถึงแม้จะแต่งหน้าหรือไม่แต่งก็ตาม จากนั้นก็ล้างหน้าโดยใช้โฟมสำหรับผิวเป็นสิว และใช้ครีมบำรุงผิว รวมถึงครีมกันแดดชนิดบางเบาไม่ก่อการอุดตัน อีกทั้งหากมีสิวก็จะใช้ยาแต้มสิวของ Smooth E ซึ่งเป็นยาแต้มสิวที่เมื่อทาแล้วจะแสบและทรมานมากพอสมควร แถมราคาก็แอบแพงอยู่นะ

...จากนั้นก็ให้กลับบ้านได้....

คิดค่ายาและค่าทำแผลทั้งหมด 350 บาท  ซึ่งแผลหายเร็วมาก ไม่มีอาการปวดหรืออาการแทรกซ้อนใด ๆ กับแผลที่เจาะสิวอีกเลย ใช้เวลาภายใน 2-3 วัน แผลก็แห้งตกสะเก็ดแล้วค่ะ

จากนั้นมา ผู้เขียนก็ไม่ได้ไปหาหมออีกเลย ทั้ง ๆ ที่ก็มีสิวอักเสบเพิ่มขึ้น กินยาแก้ปวดในวันแรก และกินยาแก้อักเสบติดต่อกันจนหมด  และใช้วิธีเดียวกันกับวิธีของคุณหมอ คือเจาะเอง เอาหนองและหัวสิวออกเองให้หมด จากนั้นก็ใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลในตอนท้าย (หมอบอกว่าวิธีนี้สามารถทำเองที่บ้านได้)

มีข้อสังเกตข้อหนึ่ง ก็คือ บริเวณที่ใช้แอลกอฮอล์เช็ดนั้น มีสิวที่อักเสบเพิ่มหลังจากไปหาหมอ แต่เป็นสิวที่มีมาก่อนอยู่แล้ว ตั้งแต่เมื่อตอนไปหาหมอในครั้งแรก ไม่มีสิวอักเสบใหม่เกิดขึ้นอีกค่ะ ผู้เขียนคิดว่า อาจเกิดจากแอลกอฮอล์ที่ใช้เช็ดแผลสิวที่คาง เช้า-เย็น อยู่เป็นประจำนั่นเอง

จึงได้ลองเอามาเช็ดบริเวณจอนหูและติ่งหู ที่กำลังมีสิวอุดตันอักเสบเล็ก ๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งผลปรากฏว่าประมาณ 2- 3 วันอาการอักเสบลดลง จากนั้นสิวบริเวณนี้ก็แห้งและหลุดออกเอง

เอ๊ะ!!..🤔  เขาบอกว่าแอลกอฮอล์ จะทำลายสมดุลผิวไม่ใช่หรอ?? แล้วทำไมเราไม่เป็นอะไรแถมสิวยังลดอีกด้วย

จากที่ได้ทดลองใช้แอลกอฮอล์เช็ดหน้าหลังการล้างหน้า ผู้เขียนก็มักจะใช้สำลีจุ่มแอลกอฮอล์ ซึ่งได้ทำการเจือจางลงโดยการเติมน้ำเปล่าเพิ่มเข้าไป 120 ml./20 ml. (แอลกอฮอล์/น้ำ) มาเช็ดบริเวณคาง จอนหู  และตรงที่มีความมันมาก ๆ ทุก ๆ เช้า-เย็น  แทนการใช้โทนเนอร์เช็ดหน้า ก่อนที่จะลงครีมบำรุงผิวและแต่งหน้าต่อไป

สิวบริเวณคางของผู้เขียนไม่ได้หมดไปในทันที  จะมีขึ้นบ้างในช่วงที่มีประจำเดือน แต่ก็ไม่อักเสบและใหญ่โตเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ปริมาณก็ลดน้อยลงมากด้วยค่ะ ผู้เขียนรู้สึกพึงพอใจในระดับหนึ่งกับผลลัพธ์นี้ จึงใช้อย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นมา แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีผลข้างเคียง เหมือนอย่างที่หลายคนเคยบอกไว้ก็เป็นได้ (ซึ่งในกรณีนี้ก็ยังไม่พบแต่อย่างใด)

การใช้แอลกอฮอล์เช็ดหน้า ผู้เขียนคิดว่าคงจะไม่เหมาะกับผิวทุกคนเสมอไป เนื่องจากมีฤทธิ์ที่รุนแรง และอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อผิวของเราหลายอย่าง ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ๆ ก็คือไม่เหมาะกับผิวบอบบางอย่างแน่นอน หรือแม้แต่ผู้เขียนเองถ้าไม่ได้นำมาเช็ดแผลและเห็นผลทางด้านอื่นเอง ก็คงไม่กล้านำมาใช้เช่นกันค่ะ

และจากที่พอทราบมาบ้างว่า แอลกอฮอล์จะทำให้หน้าแห้งตึงและขาดน้ำ วิธีแก้ของผู้เขียนก็เลยพยายามเติมครีมบำรุงผิว หลังเช็ดหน้าทุกครั้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว สภาพผิวก็เลยยังดูเป็นปกติดีแถมดูสะอาดตามากขึ้นอีกค่ะ

แต่แหม...  ตั้งแต่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แอลกอฮอล์ก็ช่างแพงและหายากเสียจริง ๆ เลยค่ะ    ยังไงเสีย ผู้เขียนก็ยังต้องหามาทั้งเช็ดหน้าและใช้ในชีวิตประจำวันด้านอื่น ๆ อีก จากประสิทธิภาพของการฆ่เชื้อโรคได้เป็นอย่างดีนั่นเองค่ะ😁่

ภาพหน้าปกจาก: pixabay.com

ภาพประกอบ : pixabay.com , ผู้เขียน , pixabay.com