วันนี้เราจะมาแจกสูตรการทำ กิมจิ เครื่องเคียงของเกาหลี ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม และอร่อย ถูกปากคนไทยในยุคนี้เป็นอย่างมาก บางบ้านถึงขั้นต้องหาซื้อติดบ้านไว้ทานกันเลยทีเดียว แต่สำหรับเราที่ชอบทานกิมจิมาก เคยลองซื้อมาทานจากหลายร้าน หลายยี่ห้อแล้วก็ยังไม่ค่อยถูกปาก ไม่เหมือนไปนั่งทานที่ร้าน และรู้สึกว่าราคาแพงจนเกินไป ก็เลยลองทำทานเองมันซะเลย หลังจากได้ลองผิด ลองถูกอยู่หลายครั้งแล้ว วันนี้จึงนำสูตร และเคล็ดลับการทำ กิมจิ มาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำกัน เป็นวิธีการทำแบบง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่รับรองว่า อร่อย ฟิน เหมือนไปนั่งทานอยู่ที่ร้านอาหารเกาหลีแน่นอน เราไปดูวิธีการทำกันเลยดีกว่า วัตถุดิบ 1. ผักกาดขาวหัวใหญ่ 1 หัว 2. แครอท 1 หัว (ปอกเปลือกหั่นบางเป็นแนวยาว) 3. แอปเปิ้ล 2 ลูก 4. พริกป่นเกาหลี 1 ถ้วย (หรือจำนวนตามต้องการขึ้นอยู่กับความชอบ) 5. ขิงซอย 1 หัว 6. กระเทียมซอย 1 หัว 7. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ 8. แป้งข้าวเหนียว 3 ช้อนโต๊ะ 9. เกลือ (จำนวนมากสำหรับทำให้ผักสลบ) 10. ผักชนิดอื่นตามความชอบ เช่น ต้นหอมซอย พริกชี้ฟ้า ฯลฯ สามารถใส่ได้ตามความชอบ แต่เราไม่ใส่เพราะไม่ชอบทาน วิธีทำ 1. เลือกผักกาดขาวหัวใหญ่ ๆ สด ๆ ล้างตรงโคนรากให้สะอาด ถ้าไม่ได้สกปรกมากไม่จำเป็นต้องล้างทั้งหัว 2. จากนั้นผ่าครึ่ง แล้วค่อย ๆ นำเกลือมาทาที่ใบ ทีละใบ ย้ำนะครับว่า ต้องทาทีละใบ เพราะจะทำให้ผักกาดขาวสลบไว เวลาทำขั้นตอนต่อไปจะง่ายขึ้น เมื่อทาเกลือที่ใบจนครบทั้งหัวแล้ว ให้หงายผักไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกลือที่เราทาไว้ไหลออกมา ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมง ผักสลบ มีลักษณะใบจะเริ่มเฉา เหี่ยว และนิ่มลงเรื่อย ๆ 3. ระหว่างที่รอให้ผักสลบ เราก็เตรียมทำน้ำหมักสำหรับทำกิมจิ โดยการนำแอปเปิ้ลไปปั่นให้ละเอียด หรือถ้าใครอยากจะฝานบาง ๆ ไว้ใส่ไปด้วยเพื่อความสวยงามก็ได้นะ 4. ผสมแป้งข้าวเหนียวด้วยน้ำสะอาด ให้เนื้อแป้งเนียน ไม่เหนียว หรือเหลวจนเกินไป 5. นำแอปเปิ้ลปั่นละเอียด พริกป่นเกาหลี ขิง กระเทียม น้ำตาล แป้งข้าวเหนียว เกลือ 1 หยิบมือ และน้ำเปล่าเล็กน้อย มาคลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกัน 6. เมื่อผักกาดขาวที่ทาเกลือไว้สลบได้ที่แล้ว สังเกตตรงใบจะเริ่มเหี่ยว และนิ่มลง 7. จากนั้นให้นำผักกาดขาวไปล้างน้ำสะอาด อย่างน้อย 4 น้ำ ค่อย ๆ ล้างออกให้สะอาด ถ้าใครใส่เกลือเยอะ ให้ลองชิมผักที่ล้างดู ถ้ามีรสเค็มมากเกินไป ให้ล้างผักอีกสัก 2 – 3 น้ำ 8. นำผักมาสะเด็ดน้ำไว้สัก 20 - 30 นาที ด้วยการคว่ำผักลงเพื่อให้น้ำไหลออกจากผัก อย่าเผลอหงายผักขึ้นนะ เพราะนอกจากน้ำจะไม่ไหลออกแล้ว จะทำให้ผักมีรสเค็มจากน้ำเกลือที่ตกค้างในผักด้วย 9. ใส่แครอทที่หั่นไว้ลงไปผสมคลุกเคล้ากับน้ำหมักที่เตรียมไว้ แล้วนำผักกาดขาวมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้สำคัญมาก จะต้องค่อย ๆ ทำโดยการนำน้ำหมักกิมจิทา และใส่แครอทไว้บนผักกาดขาวทีละใบ ทำไปเรื่อย ๆ จนครบทุกใบ 10. เมื่อทำจนครบแล้ว นำผักใส่กระปุก โดยการหงายผักกาดขาวขึ้น เหมือนตอนที่ทาเกลือ เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนผสม และน้ำหมักที่เราทาไว้บนใบผักไหลออกมา จากนั้นหาพลาสติกสะอาดมาปิดทับ และกดอัดลงไปให้แน่น จากนั้นปิดฝานำไปใส่ตู้เย็น แช่ทิ้งไว้ 1 – 2 อาทิตย์ ก็สามารถนำออกมาทานได้แล้วล่ะ หรือถ้าใครใจร้อน หมักทิ้งไว้สัก 5 ชั่วโมงก็ทานได้เลยนะ เป็นกิมจิสด แต่รสชาติอาจไม่อร่อยเท่าไหร่ เพราะยังหมักไม่เข้าที่ ถ้าใครชอบทานกิมจิแบบเปรี้ยว ให้ปิดฝาแล้ววางไว้นอกตู้เย็น 1 คืน แล้วจึงค่อยนำไปแช่เย็น จะได้กิมจิที่มีรสเปรี้ยว เมื่อถึงเวลาก็นำมาจัดใส่จาน โรยเมล็ดงาคั่วเพื่อความสวยงาม น่าทานมากยิ่งขึ้น จะทานคู่กับหมูย่างก็ฟิน เนื้อย่างก็อร่อย หรือจะนำมาต่อยอดทำอาหารเกาหลีเมนูอื่น ๆ ก็ได้ หากใครชอบทาน หรือกำลังอยากทานกิมจิ รสชาติอร่อย ๆ แต่ไม่มั่นใจว่าจะซื้อร้านไหน ยี่ห้อไหนดี ยิ่งในช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด 19 กำลังระบาดแบบนี้ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ที่เราซื้อมาทานนั้น จะสด สะอาด และปลอดภัย ไหน ๆ ก็เป็นช่วงที่เราทุกคนต้องเก็บตัวอยู่บ้านกันแล้ว ลองทำทานเองที่บ้านดูสักครั้ง นอกจากเพื่อน ๆ จะได้กิมจิที่อร่อย ถูกปาก ราคาประหยัดไว้ทานกันที่บ้านแล้ว ยังได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และช่วยแก้เบื่อได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ ภาพประกอบปกและบทความโดย : Dark Caramel (ผู้เขียน) #กิมจิ #KIMJI #KIMCHI #อาหารทำเอง #WFH #อาหารเกาหลี #เครื่องเคียงเกาหลี #สูตรอาหาร #เคล็ดลับคู่ครัว #อาหารคลีน #เมนูลดความอ้วน #อาหารทำเอง #สูตรอาหารทำขาย #แจกสูตรอาหาร #วิธีทำกิมจิ