อื่นๆ

แค่เปิดใจ ก็แค่ลูกกรงกั้น

101
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
แค่เปิดใจ ก็แค่ลูกกรงกั้น

ห้องนี้..คงไม่มีใครอยากเข้าไปนัก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่อยู่ข้างในที่เข้าไปด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม หรือฝ่ายข้างนอกที่จำเป็นต้องเข้าไป เพราะต้องการพบหน้าฝ่ายข้างใน ด้วยมีหลากหลายเรื่องราวที่ต้องคุยกัน

ห้องเยี่ยมญาติ

ใช่แล้ว ข้าพเจ้าอยู่ในห้องเยี่ยมผู้ต้องขัง หรือห้องเยี่ยมญาติ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ข้าพเจ้ามาเยี่ยมผู้ต้องขังคนหนึ่ง ซึ่งผู้ที่สามารถเข้าเยี่ยมได้ ต้องเป็นคนที่ผู้ต้องขังแจ้งชื่อไว้ วันธรรมดาที่เป็นวันราชการปกติ คือวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เราสามารถเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาได้ทุกวัน แต่ได้แค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น ส่วนวันเสาร์เยี่ยมได้เสาร์เว้นเสาร์ แล้วแต่แดนที่ผู้ต้องหาอยู่ และวันอาทิตย์งดเยี่ยม กว่าจะเข้าเยี่ยมได้จริงๆ มีขั้นตอนนิดหน่อย เพื่อยืนยันว่าเรามีสิทธิ์ในการเยี่ยมผู้ต้องหา ต้องเอาบัตรประจำตัวประชาชน ยื่นที่ทางเข้าด่านแรกเพื่อรับบัตรคิว เราจะได้บัตรประจำตัวประชาชนคืนมา กับบัตรคิวที่ยังไม่ใช่คิวเยี่ยมจริง สักพักเจ้าหน้าที่จะเรียกคิวตามบัตรคิวของเรา เพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง ก่อนปริ้นท์สลิปเล็กๆ ระบุชื่อผู้ต้องหา ชื่อผู้เยี่ยม รอบเวลาเข้าเยี่ยม และหมายเลขเครื่องโทรศัพท์ ซึ่งข้าพเจ้าได้เยี่ยมรอบที่ 2 โทรศัพท์เครื่องที่ 21

Advertisement

Advertisement


เสียงออดหมดคิวเยี่ยมรอบก่อนหน้าดังขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้นร่ำไห้ของผู้มาเยี่ยม ด้วยเวลาเยี่ยมน้อยนิดนักเพียง 15-20 นาที และญาติก็รู้ว่ากว่าจะได้มาเยี่ยมผู้ต้องหาอีกครั้งต้องรอถึงวันพรุ่งนี้ ข้าพเจ้าเข้าไปในห้องเยี่ยม ระหว่างรอผู้ต้องหา จึงสังเกตภายในห้อง

ตรงประตูทางเข้ามีกระดาษขนาด A4 แปะบนกระจก บรรทัดบนพิมพ์ว่า”หมายเลขเครื่องโทรศัพท์” และบรรทัดล่างพิมพ์หมายเลขเรียงกัน 4 หมายเลข  ขนาดห้อง 3x3 เมตร เทียบกับห้องเช่า ก็คงห้องละ 1,500 บาทต่อเดือน ภายในห้องมีแอร์ติดอยู่ด้านบนแต่ใช้งานไม่ได้จริง ทดแทนด้วยพัดลม 1 ตัวพอประทังความร้อน ด้านบนมุมซ้ายสุดติดตั้งกล้องวงจรปิด  ห้องเยี่ยมผู้ต้องขังนี้ ก็คงเปรียบได้กับตู้โทรศัพท์ขนาดใหญ่ ปกติตู้โทรศัพท์สาธารณะทั่วไปคงใช้โทรทางไกล แต่ตู้นี้ใช้โทรทางใกล้ ใกล้จนมองเห็นหน้ากัน กั้นระหว่างต้นสายกับปลายทางด้วยกระจกใสบานใหญ่และลูกกรงเหล็กอีก 1 ชั้นเท่านั้น

Advertisement

Advertisement

รูปวาดจำลองห้องเยี่ยมญาติ ที่นี่ห้ามถ่ายรูป ห้ามนำมือถือเข้ามา แต่เลนส์ตาของข้าพเจ้าก็บันทึกภาพแทนเลนส์กล้อง เข้าสู่เมมโมรี่สมองเรียบร้อย


เมื่อผู้ต้องขังที่เราตั้งใจเยี่ยมเดินเข้ามา ข้าพเจ้ายกมือสวัสดีเขา พูดคุยสารทุกข์สุกดิบ เรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้เขาถูกตัดสินโทษนั้น เกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟังได้ อันที่จริงกว่าที่ข้าพเจ้าจะทราบก็คือตอนที่ญาติคนนึงโทรมาว่าเขาถูกศาลสั่งจำคุกแล้ว เนื่องจากครอบครัวของข้าพเจ้าแยกกันอยู่มานาน จึงไม่ค่อยทราบเรื่องราวเกี่ยวกับเขาเท่าไร และไม่ได้เจอหน้าเขามานานมากแล้ว จนมาถึงวันนี้ได้เจอกันอีกครั้ง แม้จะมีลูกกรงกั้นกลาง แต่กลับได้คุยกันมากกว่าเดิม เขาบอกว่าคงไม่อยู่นานตามคำตัดสินหรอก ถ้าประพฤติตัวดี ไม่นานคงได้ออกไป และอยู่ในนี้ก็ไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิด เริ่มมีเพื่อนพุดคุยแบ่งของใช้ของกินกัน ผู้ต้องหาแต่ละคนจะมีหน้าที่รับผิดชอบ เขาได้หน้าที่ล้างจานในอาหารแต่ละมื้อ

Advertisement

Advertisement

ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ ข้าพเจ้ากับเขาคงไม่ได้พูดคุยกันมากขนาดนี้ และถ้าเขาพ้นโทษไป เราจะได้พูดคุยกันแบบนี้อีกหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต และการเปิดใจซึ่งกันและกัน

เปิดหัวใจ

เสียงออดหมดเวลาเยี่ยมดังขึ้น ข้าพเจ้าพูดคำสุดท้ายกับเขา “ล้างจานให้สะอาดๆ นะพ่อ จะได้ไม่ต้องอยู่ล้างนาน”  มันไม่ใช่คำพูดสลักสำคัญอะไร อาจทำให้เราทั้งสองมีรอยยิ้มนิดหน่อย แต่ทำให้ใจของเราเปิดกว้างขึ้น


  • ภาพปก และภาพประกอบทุกภาพ ออกแบบโดยผู้เขียน
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์