แค่ “ก้าว” เท่ากับ “วิ่ง” อย่าให้ใครมาบอกว่าคุณ วิ่งไม่ได้ พูดถึงการวิ่ง แน่นอนว่าหลายๆ คนแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว กว่าจะลากสังขารตัวเองลุกจากเก้าอี้ ออกจากห้องนั้นไม่ง่ายเลย แต่หากสามารถพาตัวเองไปถึงสนาม ยิม หรือสวนสาธารณะได้ เชื่อไหมว่า หลายๆ คนก็ยังมีความคิดอีกด้านหนึ่งว่าจะลงไปวิ่งดีไหม จะถอยไปหาอะไรกินดีไหม ไม่! บอกตัวเองไว้เลย ไม่เช่นนั้นคุณจะกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ไม่มีวันพรุ่งนี้ค่อยเริ่มไหม ยิ่งผัดวันประกันพรุ่ง ก็ยิ่งเริ่มได้ช้า เหนื่อย วิ่งแล้วเหนื่อย ถูกต้องแล้วค่ะ เหนื่อยแน่นอน ยิ่งเราเพิ่งเริ่มหัดวิ่งใหม่ๆ ยิ่งเหนื่อย เพราะฉะนั้นเราจะต้องเริ่มให้ถูกต้อง ให้ถูกท่า และถูกเทคนิค และที่สำคัญอย่าไปวิ่งแข่งกับใคร แข่งกับตัวเอง ก็พอแล้ว เริ่มยังไงให้วิ่งได้ เริ่มจาก ไม่วิ่ง! ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดแน่นอน เริ่มจากการไม่วิ่งนั่นแหละ คนที่ไม่เคยวิ่งมาก่อน มาถึงจะให้วิ่งได้อย่างนักวิ่งที่เขาซ้อมกันมาเป็นปีๆ คงเป็นไปได้ยาก จึงต้องเริ่มจากการเดินช้าเสียก่อน มันก็เหมือนกับตอนที่เราเกิด เราก็ต้องคลานก่อนแล้วจึงเริ่มหัดเดิน และเริ่มหัดวิ่ง การเดินเริ่มจากช้า ใช้เวลาสัก 30 นาที ต่อการเดิน 1 ครั้ง จากนั้นค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นเป็นเดินเร็ว เดินเร็วสลับกับวิ่ง เดิน 2 รอบ วิ่ง 1 รอบ ค่อยๆ เพิ่มระดับความยากไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งคุณจะเห็นว่า คุณวิ่งได้โดยไม่ต้องหยุดเดินเลย วิ่งแล้วปวดเท้า ท่าวิ่งที่ไม่ถูกต้อง ย่อมนำมาซึ่งความเจ็บปวด จำไว้เสมอว่า หากเจ็บ ต้องหยุด อย่าฝืน เพราะมันไม่คุ้มกันแน่นอนที่ต้องรักษาตัว เพราะฉะนั้นต้องจัดท่าทางของการวิ่งให้ถูกต้อง ปลายเท้า ต้องไม่หันออกไปด้านข้าง ปลายเท้าต้องชี้ตรง จะช่วยลดแรงที่ใช้ในการวิ่ง ทำให้เราวิ่งได้เร็วขึ้น โดยเหนื่อยน้อยลง หลัง หลังตั้งตรง ไม่โค้งงอ หรือหลังค่อม และโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย การโน้มตัวไปด้านหน้า จะทำให้เราวิ่งได้เร็วขึ้น ภาพโดย Pixabay License จาก Pixabay ก้าว การก้าวเท้า บางครั้งก้าวยางเกินไปทำให้เราช้าลง ลองก้าวสั้น และเพิ่มความถี่ของการก้าว หายใจ การหายใจสำคัญยิ่งในการวิ่ง หากควบคุมการหาใจได้ ยิ่งทำให้การวิ่งมีประสิทธิภาพ หายใจเข้าทางจมูก หายใจออกทางปาก ดื่มน้ำ ข้อนี้สำคัญเลย หิวน้ำ ปากแห้ง หมดแรง เป็นปัจจัยที่ทำให้หลายคนเลิกวิ่งมาแล้ว การวิ่งร่างกายไม่ควรขาดน้ำ แต่ไม่ใช่ดื่มอย่างหักโหม แค่ค่อยๆ จิบ จะทำให้ร่างกายคุณฟื้นมีพลังกลับมาอย่างมหัศจรรย์ ควรจิบน้ำอย่างน้อยทุกๆ 2.5 กิโลเมตร ยืดเหยียด การวอร์มและการยืดเหยียดร่างกายจะช่วยลดความเจ็บในการวิ่งได้ การยืดกล้ามเนื้อส่วนสะโพกก็เป็นส่วนที่ช่วยเรื่องความเร็วในการวิ่งเช่นกัน ภาพโดย AndiP จาก Pixabay เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็พาตัวเองลุกขึ้นไปวิ่งกันดูนะคะ แล้วคุณจะเห็นว่าร่างกายเรามันมหัศจรรย์แค่ไหน คุณไม่ต้องรักในการวิ่งหรอก แต่คุณจะรักผลลัพธ์ของมัน