ความผิดพลาดที่พบได้บ่อยในหมู่คนที่มีความรักหรือมีคนรักแต่ตัวเองกลับเป็นฝ่ายทำให้ความรักนั้นพังทลายซะเอง หลายคนมักกังวลเสมอว่า “สักวันเขาอาจจะทิ้งเราไป” หรือ เขานอกใจเราอยู่รึเปล่านะ และจะไม่สบายใจหากไม่ได้รับการยืนยันอยู่เสมอว่าตัวเองยังคงเป็นที่รักอยู่ ขอบคุณภาพจาก freepik.comเวลาเห็นอีกฝ่ายดูโทรศัพท์มือถือก็คิดมากว่า “เขาทำอะไรอยู่” หรือ คุยกับใครอยู่รึเปล่า หากอีกฝ่ายไม่ติดต่อมาหาก็ลนลานจนต้องถามออกไปว่า “มัวทำอะไรอยู่ หรือ ทำไมถึงไม่รับสายล่ะ หรือไม่ก็พยายามยืนยันความรักของอีกฝ่ายด้วยการพูดว่า “มาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ” หรือ ถ้ารักเราจริงก็ต้อง บลา ๆ ได้สิ” จนทำให้อีกฝ่ายต้องปวดหัวค่ะ แต่การแสดงออกแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดและทำให้อีกฝ่ายเหนื่อยหน่าย การแสดงความหึงหวงครั้งคราวอาจดูน่ารักอยู่บ้าง แต่คนส่วนใหญ่เมื่อเจอความรักที่ตึงเครียดก็ย่อมอยากหลุดพ้นจากความอึดอัดนี้ค่ะ การถูกปั่นหัวด้วยความเอาแต่ใจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหนื่อยล้าและกังวลว่าคนจะยอมรับตัวเราแบบนี้ของคู่รักไปได้ตลอดไหม ขอบคุณภาพจาก freepik.comเมื่อลองนึกถึงอนาคตของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายผูกมัด แทนที่จะเห็นภาพอนาคตที่สดใสหรือการใช้ชีวิตในครอบครัวที่สนุกสนาน ก็กลับรู้สึกเศร้าซึมมากกว่าค่ะ “การผูกมัดอีกฝ่ายเป็นการสร้างความสบายใจให้ตัวเองเท่านั้น” จริง ๆ แล้ว การผูกมัดคนรักหรือการกังเวลว่าอีกฝ่ายจะนอกใจหรือเปล่า ไม่ใช่พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความรักแต่คือการคิดโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและแสดงออกให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญแก่ความสบายใจของตัวเองมากกว่าตัวตนของอีกฝ่ายค่ะ ยิ่งเราควบคุมการเรียกร้องความสบายใจของตัวเองมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีความสุขกับความรักได้มากเท่านั้นค่ะ การถูกถามว่า “นอกใจฉันอยู่รึเปล่า” แรก ๆ อาจทำให้รู้สึกว่า “หึงเราด้วย” น่ารักจัง แต่ถ้าหากเราถูกถามทุกวัน ๆ วันละหลาย ๆ ครั้ง เราย่อมรำคาญใจขึ้นเรื่อย ๆ และไม่พอใจว่า “ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ไม่เชื่อใจเราเลย” เวลาถูกถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ ไม่ว่าใครก็หงุดหงิดจนเบื่อที่จะตอบและเริ่มโมโหว่า “พอสักทีได้ไหม” จริงไหมคะ ขอบคุณภาพจาก freepik.comแม้แต่คู่รักที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแต่อีกฝ่ายก็ต้องมีธุระส่วนตัวหรือนัดพบเพื่อนของตัวเองบ้าง ไม่ว่าจะเพื่อนที่ทำงาน หรือคนรู้จักจากการทำงาน บางครั้งก็อยากอยู่กับตัวเอง หรือทำงานอดิเรกที่ชอบบ้าง แต่มักจะไม่ค่อยสนใจเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายและพยายามเรียกร้องความต้องการของตัวเอง จึงไม่แปลกที่บางคนจะไม่ฝืนทนและตีตัวออกห่างจากคนประเภทนี้ค่ะ เมื่อโดนบอกเลิกขึ้นมาจริง ๆ คนพวกนี้มักเอาแต่โวยวายหรือร้องไห้งอแงแทนที่จะพูดคุยปรับความเข้าใจ คนเราจะเห็นคุณค่าในตัวเองก็ต่อเมื่อได้รับการยอมรับจากผู้อื่น การถูกปฏิเสธตัวตนด้วยการบอกเลิกจึงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากค่ะ ด้วยเหตุผลนี้คนเหล่านี้จึงมักแสดงอารมณ์เกินกว่าปกติและทำให้การทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมการคิดอย่างมีเหตุผลทำงานแย่ลง เช่น คนที่โดนบอกเลิกแล้วลุกขึ้นมาไล่ทำร้ายอีกฝ่ายหรือกระโดดเกาะกระโปรงหน้ารถของอีกฝ่ายที่กำลังขับรถหนีจนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งการกระทำแบบนี้เป็นเรื่องตลกสิ้นดีค่ะ มีแต่จะทำให้อักฝ่ายหวาดผวาและคิดว่า “บ้าไปแล้ว” การพูดออกไปว่า “อย่าเลิกกันเลยนะ” ไม่ใช่เรื่องผิดแต่การระเบิดอารมณ์จนทำสิ่งผิดเพี้ยนเมื่อไม่ได้ดั่งใจถือเป็นพฤติกรรมจากการ “เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง” ขอบคุณภาพจาก freepik.comการรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวต้องอาศัยความเชื่อใจและเคารพกัน คงไม่มีใครให้ความสำคัญกับคนที่ไม่เห็นความสำคัญของเรา เพราะฉะนั้น หากเราอยากให้อีกฝ่ายเอาใจใส่ เราก็ต้องเอาใจใส่เขาก่อน คนที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วยก็เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนตัวตนของเรา หากเรายิ้มแย้มขณะพูดคุยอีกฝ่ายย่อมยิ้มตอบกลับเช่นกันค่ะ การให้ความสำคัญไม่ได้หมายถึงการทุ่มเททุกสิ่งให้อีกฝ่ายและไม่ใช่การปล่อยให้ความรักเดินหน้าไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ การให้ความสำคัญในที่นี้คือการเชื่อใจและเคารพกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยค่ะ คนเราล้วนมีรูปแบบความคิด การใช้ชีวิตหรือพื้นที่ของตัวเองแตกต่างกันไป เราจะยอมรับความแตกต่างนี้ได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กันความใจกว้างของตัวเอง อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวได้ก็คือ การสังเกตอารมณ์หรือปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ยิ่งสังเกตมากเท่าไรก็จะรู้ว่าอีกฝ่ายตอบสนองต่อคำพูดของเรายังไงบ้าง ทำให้เราอ่านใจอีกฝ่ายได้ในระดับหนึ่งค่ะ ในทางตรงกันข้าม หากเราไม่คิดจะคาดเดาอารมณ์หรือปฏิกิริยาตอบรับของอีกฝ่ายเลย ก็แปลว่าเราไม่สนใจเขา จึงให้ความสำคัญแต่ความรู้สึกของตัวเองและพยายามยัดเยียดสิ่งนั้นให้อีกฝ่าย เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็แสดงอาการหงุดหงิดออกมา หากคุณคบกับใครไม่ได้นานแสดงว่าคุณเอาแต่สร้างความสบายใจให้ตัวเอง ลองกลับไปอ่านอีเมล หรือ ข้อความเก่า ๆ ที่เราเคยส่งให้อีกฝ่ายหรือนึกคำพูดของคุณเวลาที่อีกฝ่ายโกรธหรือหงุดหงิดสิคะว่ามันเป็นยังไง...” คนที่เลิกทำไม่ได้เนี่ยะ จะถูกทิ้งเพราะอีกฝ่ายจะรู้สึกอึดอัดส่วนคนที่เลิกได้เขาเหล่านั้นก็จะมีความสัมพันธ์ที่เชื่อใจและเคารพกันค่ะ คุณอยากมีความสัมพันธ์แบบไหน อยากให้ไปนทิศทางไหนก็ต้องลองปรับ หรือ เปลี่ยนดูบ้างนะคะ... ขอบคุณภาพปกจาก freepik.com