ปัจจุบันที่โควิด-19 กลับมาระบาดอีกแล้ว จึงไม่แปลกที่บรรดาคนปกติ จะพากันกรีดร้องโวยวาย แต่ก็มีบุคคลกลุ่มเสี่ยงเฉพาะ ซึ่งจะมีความไวต่อโควิด-19 เป็นพิเศษ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่เดินทางไปยังประเทศที่เสี่ยง คนที่ทำงานกับคนต่างชาติ บุคลากรทางการแพทย์ และจากรายงานวิจัยล่าสุด โอกาสที่จะพบผู้ป่วยหน้าใหม่ซึ่งมีอายุไม่เยอะ หรือที่เรียกว่า "โรคหลอดเลือดสมองในวัยรุ่น" จากการแข็งตัวของเลือดอันผลโดยตรงจากโรคโควิด-19 (ที่มา) กลุ่มคนที่ทั้งไวและไม่ไวต่อโรคขออนุญาตเท้าความไปถึงสาเหตุของโรคนี้ โรคนี้เป็นที่ทราบกันดี คือ อาการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะมีลิ่มเลือด หรือภาวะเลือดหนืดเกินไป ประกอบมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไขมันสูง ความดันโลหิตสูง และภาวะความเครียด โดยเฉพาะประเด็นหลังที่ผู้เขียนเคยประสบ นั่นคือ ผมอยู่ในภาวะเครียดสะสมเป็นเวลายาวนาน (แสร้งว่าไม่เครียดแต่จริง ๆ คือเครียด) จนพักผ่อนน้อยเกินไป นอกจากนี้ยังพบสาเหตุอื่น ๆ อีก เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ติดสารเสพติด (ผมไม่เข้าข่ายนะครับ)There's no proof that stress by itself causes long-term high blood pressure. But reacting to stress in unhealthy ways can increase your risk of high blood pressure, heart attacks and strokes. Certain behaviors are linked to higher blood pressure, such as:SmokingDrinking too much alcoholEating unhealthy foods(ที่มา) และยิ่งในภาวะเช่นนี้ที่มองไปทางไหนก็มีแต่คนเครียด วิตกกังวล รวมไปถึงการใช้ชีวิตที่สุ่มเสี่ยง ไม่ติดโควิดก็อาจเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือซ้ำร้ายเป็นทั้งคู่ แม้ว่าผู้เขียนจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ แต่ผมขออนุญาตเตือนในเบื้องต้นว่า เสพข่าว (โควิด19) เท่าที่จำเป็น อย่าตื่นเต้นจนหัวใจวายตาย เพราะยิ่งเราเครียดโอกาสที่เลือดจะข้นมีสูง ยิ่งยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ทำให้การใช้ชีวิตเปลี่ยน โดยเฉพาะเรื่องสุขอนามัย-อาหารการกิน ทำให้ช่วงอายุผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองลดลงมาเรื่อย ๆ ถ้ามีใครบอกว่า โควิดไม่เลือกปฏิบัติ เพราะโอกาสติดได้ทุกคน โรคหลอดเลือดสมองก็เช่นกัน ตอนอยู่ในโรงพยาบาลว่าทรมานแล้ว รอดมาได้ทรมานมากกว่า เพราะมันเหนื่อยกายภาพ เพื่อกู้ความสามารถที่เสียไปคืนมา เนื่องด้วยการรักษาของผู้ประสบปัญหาโรคนี้ คือ กายภาพและกำลังใจ ไม่มียารักษาเพราะสมองส่วนที่ตาย คือ ตายครับ ดังนั้นเราจึงต้องฝึกให้สมองส่วนที่เหลือ ทำหน้าที่แทนส่วนที่ตายไป เห็นได้ชัด คือ เราอาจจะสูญเสียทักษะการพิมพ์สัมผัสไป เราจึงมีสองทางเลือก คือ 1.) ใช้มือข้างที่ไม่อ่อนแรงให้เต็มที่ และทิ้งมือที่อ่อนแรงไว้กลางทาง หรือ 2.) ฝึกมือข้างอ่อนแรงให้ทำงานร่วมด้วย (เหมือนที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี่ครับ)กลับมาประเด็นของบทความนะครับ การเสพสื่อจำเป็นต้องเตือนสติตัวเองให้มาก ๆ ว่า อย่าอินเกินไป เพราะยิ่งอินยิ่งตระหนก ยิ่งตระหนกยิ่งเครียด ยิ่งเครียดยิ่งเสี่ยงหลอดเลือดสมอง และในกรณีผู้ป่วยหลอดเลือดสมองจะยิ่งเสี่ยงกว่าคนไม่เคยเป็น และคุณต้องไม่ลืมนะครับ ว่าสมองคุณตายไปบางส่วนแล้ว ถ้าให้ตายอีก มันจะไม่เหลืออะไรไว้เลยนะครับ เสพสื่ออย่างมีสติส่วนตัวผมแนะนำว่า ถ้าไม่สะดวกดูผ่านหน้าจอโทรทัศน์ หรือโทรศัพท์มือถือ แนะนำเลือกอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ไหมครับ ถ้าเป็นไปได้อ่านรอบเย็นหรือค่ำ เพื่อจะได้ได้รับข่าวสารล่าสุด และเป็นปัจจุบันที่สุด และในวันรุ่งขึ้นทำแบบเดิมครับ โดยเฉพาะใครก็ตามที่เล่นสื่อออนไลน์ทั้งหลาย ถ้าจะอ่านรบกวนอ่านเนื้อข่าวด้วย มิใช่แค่พาดหัวก็จบ ไม่ควรสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ผมอยากให้พิจารณาในส่วนที่เป็นข้อพึงระวังและเตือนใจ และพึงระลึกว่าร่างกายเราค่อนข้างไวต่อการติดเชื้อ ดังนั้นป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ยิ่งคนปกติเค้าเตือนให้ระวังขนาดไหน เราพึงต้องระวังมากขึ้นนะครับ และหากิจกรรมบันเทิงใจไว้เพื่อให้อารมณ์เราไม่แย่ และที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกาย+กายภาพ เพราะนี่ คือ ยาวิเศษ ไม่มีขายที่ใด ถ้าอยากได้ต้องทำเอง!ออกกำลังกาย (+กายภาพ) คือ ยาวิเศษ (สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง)เดี๋ยวบทความหน้าผมจะมาบอกวิธีการหารายได้ ฉบับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองนะครับ // ร่างกายอาจจะเป็นข้อจำกัดของการทำงานออฟไลน์ แต่ไม่จำกัดต่อการทำงานออนไลน์ แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าท้ายนี้ขอบพระคุณปก/รูป1/รูป 2/รูป 3/รูป 4 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !