ในยุคปัจจุบันที่เราอาศัยอยู่กันในตอนนี้ เทคโนโลยี เเละสื่อต่างๆ ได้มีการพัฒนาการออกมาอย่างก้าวกระโดด เริ่มตั้งเเต่มีการผลิตเเละสร้างโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ระบบคมนาคม เเละอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงสื่อวิดีโอเองก็พัฒนาตามมาด้วยเช่นเดียวกัน พัฒนาจากการที่สมัยก่อนจะต้องไปหาซื้อเเผ่นซีดีมาดู หรือนั่งเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์เพื่อรอดูรายการโปรดทุกวัน ก็กลับกลายเป็นว่า ตัวสื่อเองต่างหากจะต้องคอยคัดกรองเนื้อหามาให้ผู้ชมได้ดู โดยที่ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเฝ้าจอโทรทัศน์ ผมเองคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย เพราะตัวคุณผู้อ่านน่าจะรู้อยู่เเล้วว่า จะไปหาดูสื่อวิดีโอได้จากที่ไหน หรือเเพลตฟอร์มใดบ้างอนิเมะ ถือเป็นอีกหนึ่งสื่อวิดีโอที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาครั้งนี้เช่นเดียวกัน เพราะถ้าหากยังคงปล่อยให้อนิเมะฉายเฉพาะในจอเเก้วต่อไป มันคงจะไม่เกิดผลดีอะไรต่อตัวผู้ผลิตเป็นเเน่ ด้วยเหตุนี้เองสตูดิโออนิเมะหลายเเห่งจึงได้เริ่มเอาผลงานของตัวเองไปเผยเเพร่ตามเเพลตฟอร์มสตรีมมิ่งวิดีโอบ้างเเล้ว ยกตัวอย่างเช่น Netflix หนึ่งในวิดีโอสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมอันล้นหลามมาจากคนทั่วโลก ก็ได้จับมือร่วมกันกับสตูดิโออนิเมะหลายเเห่ง นำอนิเมะมาเผยเเพร่ให้ผู้คนได้รับชมเช่นเดียวกัน เเต่ก็มีบ้างที่ทาง Netflix ได้ผลิตอนิเมะขึ้นมาเอง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเเพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ที่คนไทยนิยมเข้าไปเพื่อรับชมสื่ออนิเมะ เช่น Flixer, TrueID, AIS PLAY เเละอื่น ๆ อีกมากมายเเหล่งที่มารูปภาพ : Netflix ภาพถ่ายโดย afra32 จาก Pixabayเด็กหลายคนที่เติบโตมาพร้อมกับยุคสมัยวิดีโอสตรีมมิ่ง คงไม่เคยสัมผัสความยากลำบากในการสรรหาเวลามานั่งดูอนิเมะเเบบคนยุคก่อนอย่างเเน่นอน (เปรียบเทียบซะเเก่เลย) ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงอยากจะเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่อเล่าเรื่องราวการหาอนิเมะดูของเเฟนอนิเมะคนไทยในยุคก่อน เมื่อประมาณ 8 - 10 ปีที่เเล้ว (หรือมากกว่านั้น) ให้อารมณ์เหมือนมาระบายให้คนยุคนี้ได้รับรู้มากกว่า ไม่ได้มาในเชิงจริงจัง อะไรขนาดนั้นย้อนกลับไปในสมัยที่ตัวผมเองยังเป็นเด็ก ป.1 ครั้งเเรกที่ผมได้ดูเเละรู้จักกับสื่ออนิเมะ เพราะว่ามีน้องข้างบ้านชวนไปเล่นด้วยกัน เเละด้วยความที่ว่าบ้านของน้องเเกมีคอมพิวเตอร์อยู่เครื่องหนึ่ง เป็นคอมสมัยเก่าที่ต้องใช้สัญญาณต่อสายเน็ตโทรศัพท์บ้าน พวกเราทั้งสองได้ใช้ความพยายามหาวิธีเข้าไปดูอนิเมะในคอมเครื่องนั้นได้สำเร็จ เเต่การจะมานั่งดูเเบบสบายใจนั้นทำได้ยากมาก ๆ เพราะด้วยความที่ว่าเน็ตมันต้องต่อกับสายโทรศัพท์บ้าน เมื่อมีคนโทรเข้ามา อนิเมะที่ผมเเละน้องข้างบ้านกำลังดูอยู่นั้นก็ได้หยุดชะงักไปในทันที กว่าจะเข้าไปดูได้อีกรอบ ต้องเสียเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เเถมจะดูบ่อยก็ไม่ได้ด้วย เพราะค่าไฟนั้นจะสูงมาก ถ้าหากเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานเเหล่งที่มารูปภาพ : "old computer" by Jeff Dray is licensed under CC BY-SA 2.0ความพยายามในการดูอนิเมะของพวกเราทั้งสองยังไม่ลดละ ในเมื่อใช้คอมพิวเตอร์ดูไม่ได้ พวกเราก็เลยไปหาซื้อหนังสือการ์ตูน หรือหนังสือมังงะมานั่งอ่านกัน (สำหรับคุณผู้อ่านท่านใดที่อยากรู้ความหมายเพิ่มเติมของคำว่า มังงะ สามารถไปอ่านได้โดยการ คลิกที่นี่) เนื้อหาในมังงะจะดำเนินเรื่องคล้ายอนิเมะ เเต่พวกเราทั้งสองก็ไม่ได้เข้าถึงความสนุกเเละตื่นเต้นเเบบอนิเมะเลย ด้วยเหตุนี้จึงมีการเเบ่งบทพากย์เสียงกันขึ้นมา เหมือนเป็นการอ่านมังงะทั่วไป เเต่มีการสวมบทบาท เเละใส่บทพูดเข้าไป เพื่อเพิ่มอรรถรสให้คล้ายกับอนิเมะระยะเวลาผ่านไป สื่ออนิเมะเริ่มเข้ามาไทยมากขึ้น เเต่ยังไม่ได้มากเหมือนกับสมัยนี้ มีเพียงเเค่การผลิตเเผ่นซีดี ดีวีดี เเละเปิดฉายให้รับชมผ่านทางจอโทรทัศน์ เเต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะทั้งบ้านมีโทรทัศน์อยู่เครื่องเดียว จึงเกิดการเเย่งชิงรีโมทภายในบ้านกันขึ้น ซึ่งตัวผมเองมักจะต้องเป็นฝ่ายยอมตลอด เพราะศักดิ์ศรีความเป็นพี่มันค้ำคอ (ผมมีน้องสาวอยู่หนึ่งคน) ครั้นจะไปเปิดซีดีดูอนิเมะก็ไม่ได้ เพราะมันเชื่อมต่อกันกับโทรทัศน์ ได้เเต่ภาวนาให้น้องลุกออกไป เเล้วผมจึงเข้าไปเสียบตำเเหน่งหน้าจอเเทน ฮ่า ฮ่า ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทั้งสนุก ฮา เเละเครียดในเวลาเดียวกันเเหล่งที่มารูปภาพ : Conflict ภาพถ่ายโดย RyanMcGuire จาก Pixabayโทรทัศน์ในยุคก่อนมีช่องให้เลือกดูอยู่ไม่กี่ช่อง ซึ่งส่วนใหญ่ช่องที่เอาอนิเมะญี่ปุ่นมาฉายก็จะมีเเต่ช่อง โมเดิร์นไนน์การ์ตูน เท่านั้น ซึ่งถือเป็นช่องที่เปรียบประดุจดั่งสรวงสวรรค์สำหรับคนชอบอนิเมะเลยก็ว่าได้ เพราะทุกเช้าวันเสาร์เเละอาทิตย์ ช่องนี้เขาจะฉายอนิเมะให้ดูกันตั้งเเต่เช้าลากยาวไปถึงช่วงเกือบเที่ยงเลยทีเดียว เรียกได้ว่านั่งดูกันจนตาเปียกตาเเฉะ ถ้าไม่โดนพ่อเเม่ดุ หรือน้องมาเเย่งรีโมทไปก่อนล่ะนะซีดี หรือ ดีวีดี คืออีกหนึ่งสิ่งที่คุณสามารถหาอนิเมะมาดูจากในนี้ได้ เเต่สำหรับตัวผมเเล้วมันมีราคาที่สูง จนเกินกว่าที่เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะเอื้อมถึง ครั้นจะไปขอพ่อเเม่ก็ไม่กล้า จึงได้เเต่นั่งรอวันที่พวกเขาใจดี อนุญาตให้เข้าไปหยิบอะไรมาก็ได้ ถึงจะมีโอกาสหาซื้อมาเก็บเอาไว้ดูยามว่าง ๆ หรือยามที่ไม่มีใครมาจับจองรีโมทอันเป็นที่รัก ส่วนใหญ่อนิเมะที่ผมดูผ่านสื่อซีดี ดีวีดี มักจะเป็นเรื่องวันพีซ นารูโตะ โคนัน ยูกิโอ หรือไม่ก็พวกอนิเมะเเนวโชเน็น ที่เขาผลิตมาขายให้กับเด็กผู้ชายโดยเฉพาะ เเต่ปัจจุบันสื่ออนิเมะในไทยที่ฉายผ่านทางซีดี ดีวีดี ก็ลดลงไปเรื่อย ๆ จนเเทบจะไม่มีเหลือให้ซื้อเเล้วเเหล่งที่มารูปภาพ : Cd ภาพถ่ายโดย Pexels จาก Pixabayเเละสิ่งสุดท้ายที่อยากยกเอามาพูดถึงในวันนี้ก็คือ อนิเมะที่ฉายผ่านทางดิจิตอลทีวี หรือทีวีดาวเทียมนั่นเอง ! เรียกได้ว่าเป็นช่องทางการดูอนิเมะที่ถึงเเม้จะไม่ได้เก่าอะไรมาก เพราะมันคาบเกี่ยวกับช่วงที่เเพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งกำลังบุกไทย เเต่ก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดีเลยทีเดียว ปัจจุบันนี้ช่องดิจิตอลทีวีที่ฉายอนิเมะเเบบเป็นหลักเเหล่ง ตลอด 24 ชั่วโมง ก็เหลือหยืนหยัดอยู่เพียงหนึ่งเดียวนั่นคือ การ์ตูนคลับ ส่วนอีกช่องที่ปิดตัวไปเมื่อหลายปีมาเเล้วก็คือช่อง เเก๊งการ์ตูน นั่นเองครับ ช่องเเก๊งการ์ตูนถือเป็นช่องที่ตอบโจทย์เเฟนอนิเมะในยุคนั้นมากก ก.ไก่ ล้านตัว เพราะมีทั้งอนิเมะใหม่เเละเก่าฉายให้เราดู เเล้วส่วนใหญ่จะเป็นอนิเมะที่มีลายเส้นญี่ปุ่นจ๋า ไม่ใช้อนิเมะโมเดล 3D ขายเด็ก ยกตัวอย่างเช่น นารูโตะ, บลีซ เทพมรณะ, ยูกิโอ เเละอื่น ๆเเหล่งที่มารูปภาพ : Remote ภาพถ่ายโดย tookapic จาก Pixabayนอกจากจะมีอนิเมะฉายให้ดูตลอดเเล้ว ยังมีรายการเกี่ยวกับอนิเมะคอยเเทรกเข้ามาอีกด้วย ซึ่งมันคือสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของช่องนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเขาจะส่งตัวละครคนจริง เข้ามาจัดทำรายการ พร้อมทั้งให้ความสนุก เเละความรู้เเก่คนดูไปพร้อมกัน โดยรายการที่ผมชอบที่สุดนั่นก็คือรายการ โอตาคุโชว์ ที่ดำเนินรายการโดยพิธีสวมหน้ากากสุดกวน โอตาคุเเมน นั่นเอง หลัง ๆ มีโอตาคุเรด เข้าไปเพิ่มความกาวเเละความกวนอีกหนึ่งคน นอกจากรายการโอตาคุโชว์เเล้ว ยังมีอีกหลายรายการเลย เเต่ส่วนตัวผมนั้นจำไม่ค่อยได้เพราะมันนานมากเเล้ว เลยขอยกเอารายการที่ตัวเองชอบ เเละจำได้มาเล่าให้ผู้อ่านได้ฟังเเล้วกันเเหล่งที่มารูปภาพ : Moe ภาพโดย jsks จาก Pixabayพอเขียนไปเรื่อย ๆ เเล้วมันทำให้ความรู้สึกคิดถึงมันพลุ่งพล่านเหมือนกันนะ ถึงเเม้ในช่วงนั้นการหาดูอนิเมะมันจะยากลำบากมากกว่าในสมัยปัจจุบันที่ง่ายอย่างกับปลอกกล้วยเข้าปากลิง เเต่มันก็มีข้อดีที่ช่วยให้เราได้รู้จักคุณค่า ของช่วงเวลาที่เราได้นั่งจดจ่อกับอนิเมะ หรือรายการอนิเมะที่อยากดูมานาน ทำให้ตัวเราเองเห็นคุณค่าของเวลา เพราะถ้าพลาดไปเเม้เเต่นาทีเดียว มันยากมากที่จะย้อนกลับไปดูช่วงที่พลาดอีกครั้งได้ จนกว่าจะได้ซื้อเเผ่นมาดู เเต่ถึงเเม้จะซื้อเเผ่นมาดูยังไง การจะเลื่อนวิดีโอย้อนหลัง หรือเร่งไปข้างหน้า มันก็ยังคงยากอยู่ดีนั่นเเหละ ฮ่า ฮ่า ...สำหรับในบทความนี้ผมต้องขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับบทความเกี่ยวกับอนิเมะที่น่าสนใจ ของผู้เขียน นามปากกา ShadowX2>>> พาไปส่อง 5 อนิเมะมาใหม่ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ 2020 #1>>> รีวิว One Piece Stampede อนิเมะเดอะมูฟวี่>>> Manga คืออะไร? แตกต่างจากหนังสือการ์ตูนทั่วไปอย่างไรบ้างแหล่งที่มารูปภาพหน้าปก : (ด้านซ้าย) อนิเมะ AIR แอร์ on TrueID (ด้านขวา) television ภาพถ่ายโดย mojzagrebinfo จาก Pixabay