เพลิงพรางเทียนเป็นนวนิยายของ หัสวีร์ (นามปากกา) จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ เมื่อปี พ.ศ.2557 ถูกดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์ออกอากาศทางช่อง 3 เมื่อประมาณกลางปี 2562 และได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชมในช่วงเวลานั้นเป็นอย่างดีนวนิยายเรื่องนี้เล่าเรื่องคู่ขนานระหว่างปัจจุบันและอดีตชาติ ความแค้นในอดีตที่ฝังลึกอยู่ในดวงจิต แม้จะเกิดในชาติภพใหม่ก็ยังมีเหตุให้กลับไปสะสาง และชำระแค้น ..."ชาติก่อนเธอเป็นเพียงเทียนเล่มน้อยด้อยแสง แต่ชาตินี้เธอเป็นเพลิงที่พร้อมจะเผาศัตรูให้มอดไหม้"เพลิงพรางเทียนเป็นเรื่องราวของ "กลินท์" นางแบบสาวซึ่งในอดีตราวสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงสยาม เธอคือ "เทียนคำ" ข้าบ่าวในคุ้มของเจ้าเวียงสวรรค์ พ่อแท้ ๆ ของเทียนคำถูกเสือทำร้ายจนตาย แต่เทียนคำรอดมาได้เพราะการช่วยเหลือจากหนานแก้ว แต่เจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ลูกชายคนเดียวของเจ้าเวียงสวรรค์กลับแอบอ้างกับทุกคนว่าตนเป็นผู้ช่วยชีวิตเทียนคำเพื่อให้ดูกล้าหาญและเป็นวีรบุรุษซึ่งตรงข้ามกับบุคลิกภาพที่แท้จริงของเขา เทียนคำจึงเชื่อมาตลอดว่าเธอเป็นหนี้ชีวิตของเจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ เมื่อโตเป็นสาวเจริญวัยเทียนคำมีหน้าตางดงามยิ่ง และเธอก็ตกเป็นเมียบ่าวของเจ้าน้อย แต่ด้วยนิสัยของเจ้าน้อยที่ขี้ขลาด ไม่รักษาสัจจะ และไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ เจ้าน้อยจึงไม่เคยคิดจะจริงใจกับเทียนคำ เจ้าน้อยแต่งงานกับเจ้าวงเดือนซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าเมืองเล็ก ๆ เพราะความสมฐานะ เจ้าวงเดือนหึงหวงเจ้าน้อยอย่างหนักเมื่อรู้ว่าเจ้าน้อยแอบมีใจให้กับเทียนคำ เจ้าวงเดือนและบ่าวไพร่จับเทียนคำมาทรมานจนเสียชีวิต แต่ก่อนจะขาดใจตายเทียนคำได้ตั้งสัจอธิษฐานสาบานว่า ชาตินี้เธอเป็นได้เพียงเทียนเล่มน้อย แต่ชาติหน้าขอให้เธอเป็นดั่งดวงตะวันที่ร้อนแรง และขอให้สิ่งศักสิทธิ์ที่เฝ้าประตูเมืองเชียงใหม่เป็นพยานว่าเธอจะแก้แค้นเจ้าวงเดือนให้จงได้ !!เมื่อเกิดชาติใหม่เธอก็ได้เป็นดวงตะวันที่ร้อนแรงจริง ๆ 'กลินท์' เป็นนางแบบสาวชื่อดัง มีบุคลิกมาดมั่น ไม่สนใจใคร เธอไม่ชอบเห็นครอบครัวคนอื่นรักกันเพราะมีปมฝังมาตั้งแต่เด็ก ที่พ่อพรากเธอไปจากแม่ และพาเธอไปอยู่ที่อเมริกากับแม่เลี้ยงผู้ร่ำรวย กลินท์ลักลอบเป็นชู้กับอินทร์ พ่อเลี้ยงนักธุรกิจที่เชียงใหม่ ซึ่งในอดีตชาติเขาคือเจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ อินทร์มีภรรยาชื่อปติมา ซึ่งในอดีตชาติก็คือเจ้าวงเดือนนั่นเอง กลินท์คิดว่าเธอและอินทร์รักกัน อินทร์สัญญาว่าจะเลิกกับปติมาแต่อินทร์ก็ไม่ทำตามสัญญานั้น อินทร์มอบปิ่นปักผมโบราณแทนหัวใจรักของเขาให้กับกลินท์ ตั้งแต่ได้รับปิ่นโบราณจากอินทร์ก็เกิดเรื่องแปลก ๆ กับกลินท์เสมอ โดยเฉพาะในความฝันที่เหมือนจริงไม่ผิดเพี้ยน กระทั่งวันหนึ่งกลินท์รับงานแฟชั่นที่เชียงใหม่ เธอต้องแต่งชุดล้านนา นั่งเสลี่ยงผ่านประตูท่าแพ กลินท์ใช้ปิ่นปักผมโบราณของอินทร์เป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งของเธอด้วยในวันนั้น เมื่อขบวนเสลี่ยงพากลินท์ผ่านประตูท่าแพ ทำให้เธอข้ามภพไปยังเมืองเชียงใหม่ ดินแดนล้านนา ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคนี้เธอได้พบกับคำป้อ ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับแม่ของเธอ และอุ่นเฮือนที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของเธอซึ่งมีหน้าตาเหมือนสายป่าน สาวประเภทสองที่ปัจจุบันเป็นผู้จัดการของเธอ เจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ที่มีหน้าตาเหมือนอินทร์ เจ้าวงเดือนที่มีหน้าตาเหมือนปติมา และหลุยส์มิชชันนารีหนุ่มซึ่งเป็นมิชชันนารีกลุ่มแรกที่เดินทางยังเมืองเชียงใหม่และนำเอาวิทยาการทางการแพทย์แบบตะวันตกเข้ามารักษาผู้คน หลุยส์มีหน้าตาเหมือนเบนจามิน นายแบบคู่ขวัญที่มักรับงานคู่กับเธอ กลินท์สื่อสารกับเทียนคำ เธอเห็นภาพเทียนคำถูกเจ้าวงเดือนทำร้ายจนเสียชีวิต เห็นเจ้าน้อยโกหกหลอกลวง เธอให้สัญญาว่าจะแก้แค้นเพื่อปลดปล่อยดวงจิตของเทียนคำ กลินท์เดินทางมาในอดีตเพื่อแก้แค้นโดยผ่านประตูเมืองโบราณ 5 ประตู ได้แก่ ประตูเชียงเรือก (ประตูท่าแพ) ประตูเชียงใหม่ ประตูแสนปุง ประตูสวนดอก และประตูช้างเผือกกลินท์จะสามารถแก้แค้นให้เทียนคำได้สำเร็จหรือไม่ !? เหตุใดคุ้มเวียงสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่จึงสูญหายจนไม่เหลือแม้ชื่อตราไว้ในประวัติศาสตร์ ?? กลินท์จะช่วยปลดปล่อยวิญญาณหนานแก้วและเทียนคำให้ไปสู่สุคติหลังจากที่พวกเขาติดค้างคำบนบานกับพระธาตุจอมทองได้หรือไม่นั้น ... มาร่วมเปิดหนังสือ 'เพลิงพรางเทียน' และค้นหาไปด้วยกันนะคะนวนิยายเรื่องนี้น่าอ่านและชวนติดตาม ตั้งแต่การตั้งชื่อเรื่อง "เพลิงพรางเทียน" ซึ่งหมายถึง ความแค้นที่บดบังทุกอย่าง กลินท์เปรียบดังกองเพลิงที่พร้อมจะมอดไหม้ทุกสิ่งให้วอดวาย ซึ่งเป็นคู่ตรงข้าม (binary opposition) กับเทียนคำซึ่งเปรียบดังแสงเทียนสลัวที่พร้อมจะมอดดับทุกเมื่อ ความเข้มแข็ง ความโดดเด่น ความร้ายกาจของกลินท์ เป็นสิ่งที่เทียนคำใฝ่หา แต่ในชาติภพนั้นเธอไม่ได้มีโอกาสได้สัมผัสมัน ดังนั้นการประกอบสร้างตัวละครสองตัวนี้ให้มีลักษณะเป็นคู่ตรงข้ามจึงสามารถสะท้อนแก่นเรื่องได้เป็นอย่างดี ผู้ที่อ่อนแอเกินไปก็ถูกกดขี่ ข่มเหง เอาเปรียบ ผู้ที่เข้มแข็งเกินไปก็ถูกความแค้นโบยตีอย่างสาหัส ดังนั้นการจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบได้ต้องมีทั้งกลินท์และเทียนคำ คือ มีทั้งความเข้มแข็งและอ่อนแอ แก่นเรื่องที่เมื่อตีความจากชื่อเรื่องเน้นหนักไปทาง "ความแค้น" (เพลิง) ที่ใช้เป็นทั้งความขัดแย้งและปมของเรื่อง จุดจบของเรื่องที่กลินท์รู้จักการให้อภัย การอโหสิกรรม การปล่อยวาง จึงนับเป็นคุณค่าที่ได้รับจากการอ่านนวนิยายเรื่องนี้ หากเราไม่ปล่อยวางความแค้น ความโกรธ ความริษยา หรือแม้แต่ความต้องการเอาชนะ เราจะตกอยู่ในบ่วงของการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่จบสิ้น เหมือนดังเทียนคำที่ต้องมาพบกับเจ้าน้อยเทวาฤทธิ์และเจ้าวงเดือนในอีกภพชาติหนึ่ง เพราะความแค้นที่เธอสาบานไว้ก่อนตายว่าจะขอแก้แค้นให้จงได้ ...นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแง่มุมดี ๆ จากการอ่านนวนิยายแล้วนำมาเล่าสู่กันฟัง ลองไปหาตัวเล่มอ่านดูนะคะ โดยเฉพาะผู้ที่เคยชมละครหากได้อ่านฉบับนวนิยายด้วยแล้วล่ะก็ ถือได้ว่าช่วยเติมรายละเอียดได้เป็นอย่างดีทีเดียวล่ะค่ะ :)เพื่อน ๆ สามารถหาซื้อตัวเล่มนวนิยายเรื่อง 'เพลิงพรางเทียน' ได้จากร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปเลยนะคะ หรือกดลิ้งค์สั่งซื้อออนไลน์ตามนี้เลยค่ะ SE-ED online shopping ได้ส่วนลดด้วย ;) สถาพรบุ๊คส์ ร้านนี้มีตัวอย่างหนังสือให้อ่านออนไลน์ด้วยนะคะ :)...ภาพประกอบถ่ายโดยนักเขียน