ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก หลายคนต้องอยู่บ้าน ทำงานที่บ้าน ออกไปไหนไม่ได้ ว่าง ๆ บางคนอาจเล่นโทรศัพท์และสื่อออนไลน์เพื่อคลายความเหงาให้กับตนเอง พร้อมกันนั้นต้องยอมรับว่าในภาวะเศษฐกิจไม่ดีแบบนี้ หลายคนสภาพคล่องของการใช้เงินก็มีปัญหา ต้องหาทางออกด้วยการหยิบยืม โดยเฉพาะคนไทยเราแล้ว “การเล่นแชร์” ดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการหาเม็ดเงินของตนเองครับ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันมีการเล่นแชร์ออนไลน์ ที่มีทั้งข้อดี และข้อเสียมาพร้อมกัน ก่อนอื่นผมต้องขออธิบายคำว่า “การเล่นแชร์” ก่อนนะครับ ว่ามีรูปแบบอย่างไรบ้าง โดยการเล่นแชร์ เป็นการนำเงินมารวมกันกี่คนก็ได้ จากนั้นทุก ๆ เดือนลูกแชร์ที่เหลือจะช่วยกัน “เปียแชร์” นั่นคือ การประมูลเพื่อยืมเงินก้อนใหญ่ที่ได้ลงรวมกันไว้นั้น ใครที่เสนอดอกเบี้ยสูงสุดก็จะชนะในเดือนนั้นและได้เงินก้อนนั้นไปใช้ และนำมาคืนในเดือนถัดไป พร้อมกับดอกเบี้ยของเงินแชร์ ยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัด นายทอง นายแก้ว นายแหวน ลงกันเป็นกองกลางคนละ 10,000 บาท จำนวน 3 คน รวมเป็นเงิน 30,000 บาท ในเดือนมกราคมนี้ นายทองเสนอเปียแชร์ 200 บาท นายแก้วเสนอเปียแชร์ 400 บาท นายแหวนเสนอเปียแชร์ 500 บาท ดังนั้นคนที่จะได้เงินในครั้งนี้ ก็จะเป็นนายแหวน ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์นายแหวนต้องนำเงินกลับมาคืนเพื่อเปียต่อในจำนวน 30,500 บาท โดยคนที่ดูแลการเก็บเงินเรียกว่า “ท้าวแชร์” จะได้เงินจำนวนนี้ในงวดแรกโดยไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย หรือหากไม่มีใครเปียแชร์ท้าวแชร์ก็จะเป็นคนนำไปใช้ และต้องรับผิดชอบเงินแชร์อีกด้วย ทีนี้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ได้เริ่มมีการตั้งกลุ่มผ่านสื่อออนไลน์ช่องทางต่าง ๆ เพื่อเล่นแชร์โดยที่ไม่รู้จักกัน ผ่านการชักชวนทางเพจทำให้มีคนเข้าไปลงทุน และร่วมเล่นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้แจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยลักษณะสำคัญการันตีถึงรายได้ที่จะเกิดจาการนำเงินไปลงทุน สิ่งสำคัญผมคิดว่ามีหลักการสำคัญในการสังเกตแชร์ออนไลน์ที่เข้าข่ายการหลอกลวง จะไม่เป็นไปตามกฎหมายพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 หากเป็นไปตามทั้ง 5 ข้อนี้ ถือว่าท้าวผิดกฎหมาย และเข้าข่ายหลอกลวง ประกอบด้วย 1) ท้าวมีวงแชร์เกิน 3 วง 2) สมาชิกในวงแชร์ทุกวงรวมกันเกิน 30 คน 3) รวมเงินทุกวงเกิน 3 แสนบาท 4) โพสต์เชิญชวนเล่นแชร์ ที่สำคัญหากโดนโกงถือว่าเป็นคดีแพ่ง ต้องดำเนินคดีไปฟ้องศาลด้วยตัวเอง ที่สำคัญแชร์ออนไลน์ยังไม่เข้าข่ายผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 แต่ก็เข้าข่ายพระราชกําหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ดังนั้นแล้วก่อนตัดสินใจลงทุน และเปียแชร์ต้องพิจารณาให้ดีนะครับ และหากมีข้อสงสัยก็ติดต่อร้องเรียน แจ้งเบาะแส ผ่านหมายเลขโทรของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หมายเลข 1166 ในวันและเวลาราชการ สุดท้ายนี้ผมอยากของฝากไว้ว่าในสถานการณ์แบบนี้เราต้องพิจารณาให้รอบด้านหากหลงเชื่อแชร์ออนไลน์ ที่หลอกลวงอาจเป็นภัยร้ายใกล้ตัวที่ทำให้เราเสียทรัพย์ไปโดยเปล่าประโยชน์ พร้อมทั้งยากต่อการเอาผิดอีกด้วยครับ ภาพถ่ายหน้าปกโดย 13smok จาก Pixabay, OpenClipart-Vectors จาก Pixabay / ภาพถ่ายที่ 1 โดย OpenClipart-Vectors จาก Pixabay / ภาพถ่ายที่ 2 โดย Clker-Free-Vector-Images จาก Pixabay / ภาพถ่ายที่ 3 โดย mohamed Hassan จาก Pixabay / ภาพถ่ายที่ 4 โดย Clker-Free-Vector-Images จาก Pixabay