ก่อนอื่นขอสวัสดีทุกท่านนะครับ ผมค่อนข้างเชื่อว่าท่านที่เข้ามาอ่านจะไม่ใช่เฉพาะผู้ที่กำลังสนใจหาซื้อรองเท้าสำหรับเตะบอลคู่แรกให้กับตัวเองเท่านั้น แต่น่าจะรวมถึงท่านที่มีรองเท้าใช้ลงสนามเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่เคยได้รู้หรือสังเกตมาก่อนเลยว่าคู่ที่เราใช้งานอยู่นั้นจัดอยู่ในรองเท้าประเภทไหน? คุณสมบัติเป็นอย่างไร? เหมาะกับตัวเราหรือสไตล์การเล่นของเราไหม? เพราะตอนที่ซื้อก็เลือกจากความสวยงามหรือตามนักฟุตบอลที่ตัวเองชื่นชอบเป็นหลัก ที่พูดมาทั้งหมดนี้ก็เพราะว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันครับ 555 ก่อนหน้านี้ผมใช้รองเท้า Nike Mercurial Vapor โดยเลือกซื้อตามไอดอลคือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยใช้แบบปุ่มที่ใช้กันทั่วไปเนื่องจากปกติผมจะเล่นสนามหญ้าเทียมเป็นหลัก แต่เนื่องด้วยอายุที่มากขึ้น(อายุผมนะครับ ไม่ใช่อายุสนาม !!) ทำให้พบว่ามักเจ็บที่ข้อเท้าบ่อยๆทั้งที่ไม่มีจังหวะปะทะหนักในสนามเลย ช่วงนั้นจึงมีเตะบ้างหยุดบ้างเพราะอาการบาดเจ็บโดยไม่ทราบสาเหตุคอยกวนใจ จึงได้มานั่งหาสาเหตุอาจจะมาจากรองเท้าที่ใช้มันไม่เหมาะกับร่างกายเราหรือสนามที่เราเล่น นั่นจึงเป็นจุดที่ทำให้เริ่มหาข้อมูลและนำมาแบ่งปันในวันนี้ครับผม เบื้องต้นผมขอจัดกลุ่มรองเท้าเตะบอลเป็น 2 กลุ่มคือ แบ่งตามสไตล์หรือตำแหน่งการเล่น และตามประเภทของปุ่มและพื้นรองเท้า แบ่งตามสไตล์หรือตำแหน่งการเล่น SPEED : เป็นรองเท้าที่ให้คุณสมบัติหลักในเรื่องของความเร็ว ยึดเกาะสนามได้ดี มีการออกแบบที่เอื้อต่อการเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วว่องไว น้ำหนักเบา โดยปกติผู้ใช้รองเท้าสายนี้จะเป็นตำแหน่งปีกและวิงแบ๊คเสียเป็นส่วนใหญ่ CONTROL : ตามชื่อเขาเลยครับหน้าที่หลักที่ต้องการคือการควบคุมบอล การรับและส่งบอลอย่างแม่นยำ รวมทั้งการครอบครองบอลได้เสถียรด้วยการออกแบบวัสดุบนรองเท้าให้สามารถเลี้ยง รับ จับบอลได้อย่างดีเลยทีเดียวทั้งนี้ยังรวมไปถึงการยิงประตูด้วยเช่นกัน โดยตำแหน่งที่ใช้กันเยอะคือกองกลางทั้งตัวรับและตัวรุก TOUCH : เป็นสายที่เน้นในเรื่องสัมผัสบอลแรก(First touch)เป็นสำคัญ ด้วยการออกแบบที่เน้นในเรื่องวัสดุโดยเฉพาะหนังต่างๆที่ส่งผลดีต่อการ action กับบอลแล้วสร้างความได้เปรียบให้แก่ผู้ครอบครอง หลักๆจะเป็นตำแหน่งกองหลังที่ต้องเข้าบอลอย่างแม่นยำและไม่มากจังหวะ ATTACK : คุณสมบัติหลักคือเอื้อต่อการโจมตีเพื่อทำประตู ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอาวุธหนักของกองหน้าทั่วไป โดยตัวรองเท้าได้ถูกออกแบบมาให้มีความคล่องแคล่วไปพร้อมกับการเพิ่มแรงปะทะระหว่างเท้ากับบอลเพื่อการยิงที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น แบ่งตามประเภทของปุ่มและพื้นรองเท้า FG (Firm Ground) : เป็นรองเท้าแบบปุ่มทั่วไปที่มีความสูงของปุ่มปานกลาง ลักษณะของปุ่มมีทั้งกลม ใบมีดและสามเหลี่ยมแล้วแต่ยี่ห้อ จำนวนปุ่มไม่เกิน 15 ปุ่ม โดยสนามที่เหมาะกับรองเท้าประเภทนี้จะได้ทั้งสนามหญ้าจริงที่ไม่นุ่มมากเกินไปกับสนามหญ้าเทียมก็ยังพอได้ SG (Soft Ground) : ปุ่มเหล็กผสมอลูมิเนียมที่เรามักเห็นนักฟุตบอลต่างประเทศเขาใช้กัน ปุ่มมีความสูงที่สุดและจำนวนอยู่ที่ 6 หรือ 8 ปุ่ม เหมาะกับสภาพสนามหญ้าจริงที่นุ่มรวมทั้งมีความเปียกชุ่มด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในไทยจะไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก AG (Artificial Grass/Ground) : ลักษณะเป็นปุ่มสั้นๆจำนวนจะมากกว่าแบบ FG โดยจะกระจายอยู่ทั่วฝ่าเท้าเพื่อช่วยในการกระจายน้ำหนักได้ดี เหมาะกับสนามหญ้าเทียมที่พื้นค่อนข้างแข็งหรือสนามหญ้าจริงที่หญ้าสั้นและหน้าดินแข็ง HG (Hard Ground) : จะคล้ายกับ FG แต่เพิ่มเติมคือปุ่มจะสั้นกว่าเล็กน้อยและฐานปุ่มจะกว้างกว่า ถ้านึกภาพตามตัว HG นี้ได้ถูกพัฒนามาจาก FG โดยเพิ่มคุณสมบัติในเรื่องการกระจายน้ำหนักเมื่อใช้งานในสภาพพื้นสนามที่แข็งเช่นสนามหญ้าเทียมหรือหญ้าจริงที่หน้าดินแข็ง TF (Turf) : หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ "รองเท้าร้อยปุ่ม" มองเผินๆเหมือนรองเท้าวิ่งแต่ตรงฝ่าเท้าจะมีปุ่มสั้นๆเล็กๆกระจายอยู่เต็มพื้นที่ เหมาะกับสนามหญ้าเทียมเป็นหลัก และที่สำคัญจะช่วยป้องกันปัญหาอาการเจ็บบริเวณข้อเท้าและเข่าจากการลงน้ำหนักขณะเล่นได้อย่างดี (ผมใช้ตัวนี้อยู่ครับ ปัญหาที่กล่าวไว้ก็ไม่เคยมากวนใจอีกเลย) IC (Indoor Court) : ตัวสุดท้ายนี้จะข้ามสายสักหน่อยคือเป็นรองเท้าฟุตซอลนะครับ พื้นทำจากยางไม่มีปุ่ม เน้นการยึดเกาะบนพื้นปูน ยางและปาเก้ และนี่ก็คือข้อมูลทั้งหมดที่พอจะเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่หาซื้อรองเท้าเตะบอลคู่ต่อไป เพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งถนัดของตัวเองรวมทั้งสภาพร่างกายและสภาพสนามที่ใช้อยู่เป็นประจำด้วยนะครับ ในที่นี้ทางผู้เขียนเองก็ขอส่งเสริมและชื่นชมผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นประจำทุกท่านด้วยนะครับ เราจะแข็งแรงไปด้วยกัน ฮึ๊บ! ขอบคุณรูปหน้าปกจาก : Freegreatpicture ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก :www.pixabay.com และ www.pixels.com