ช่วงนี้เพื่อน ๆ น่าจะได้เห็นภาพของผู้คนแห่ออกไปซื้ออาหารจนเกลี้ยงแผง แน่นอนว่าก็เพื่อกักตุนเอาไว้กินในยามฉุกเฉิน เพราะสถานการณ์ไวรัส Covid-19 ยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าที่จีน และเกาหลีใต้จะควบคุมได้แล้ว แต่ทั่วยุโรปและอเมริกานั้นยังเพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะเท่านั้นเอง รวมไปถึงประเทศไทยของเราก็ด้วยเช่นกัน เราจะสังเกตได้จากยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ล่าสุดที่ผู้เขียนกำลังนั่งเขียนบทความนี้ก็เพิ่มขึ้นมาอีก 188 คน ยอดรวม 599 เห็นตัวเลขแบบนี้ใครจะอยู่เฉย ๆ ได้ละครับ ด้วยความไม่มั่นใจผู้คนก็เลยออกไปกักตุนอาหารกันนั่นเอง เอาละในเมื่อเราจะต้องกักตุนกันจริง ๆ เราลองไปดูหน่อยดีกว่าไหมครับ ว่าเราจะต้องกักตุนอาหารอย่างไรให้ดีต่อตัวเรามากที่สุด ภาพจาก pixabay.com อย่าเลือกแต่ของที่ถูกใจแต่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ความถูกใจในที่นี่อาจจะหมายถึงเรื่องของ รสชาติความอร่อย หรือ เรื่องของความสะดวกรวดเร็วในการกิน ซึ่งเราอาจจะทำให้เราเพิกเฉยต่อคุณประโยชน์ และระยะเวลาของเหตุการณ์นี้ที่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะนานแค่ไหน เพราะการที่เราต้องกินแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ทุก ๆ วัน ยิ่งถ้าเป็นอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ที่มักจะถูกปากใครหลาย ๆ คน เชื่อว่าเพื่อน ๆ น่าจะรู้ดีกันอยู่แล้ว ว่าอาหารจำพวกนี้เป็นสาเหตุของโรคร้ายมากมาย ทั้งโรคเบาหวาน มะเร็ง ความดันโลหิต โรคอ้วน เป็นต้น ซึ่งต่อให้เราจะปลอดภัยจากไวรัส แต่เราก็อาจจะเป็นโรคอื่นแทนได้นั่นเอง ภาพจาก pixabay.com เลือกอาหารที่ช่วยดูแลสมอง ถึงแม้ว่าเราจะอยู่บ้านเฉย ๆ แต่เราก็ต้องคอยติดตามข่าวสารต่าง ๆ แล้วถ้าได้ยินแต่ข่าวที่มันแย่ลงเรื่อย ๆ มันก็อาจจะทำให้เราเกิดความเครียด เกิดความวิตกกังวลได้นั่นเอง ไหนจะเกิดจากความอึดอัด ความกดดันที่ไม่ได้ออกไปไหนมาไหนอีก สมองเราต้องได้รับสารที่อาหารที่ช่วยในการดูระบบต่าง ๆ เพื่อที่จะให้สมองของเราได้ผ่อนคลาย ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นอาหารจำพวกธัญพืช พวกถั่วชนิดต่าง ๆ จำพวกเนื้อปลา ซึ่งอาหารจำพวกนี้จะมีไขมันไม่อิ่มตัว ที่เรียกว่า Omega 3 ที่จะช่วยบำรุงสมอง ทำให้สมองผ่อนคลายได้นั่นเอง ภาพจาก pixabay.com ผักและผลไม้ที่เก็บไว้ได้นาน กินแต่ของแห้ง หรือ ของสำเร็จรูป มันก็น่าเบื่อใช่ไหมละครับเพื่อน ๆ แถมยังได้สารหารไม่ครบถ้วนอีกต่างหาก โดยเฉพาะพวกแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ดีอีกด้วย ซึ่งมักจะพบในผักผลไม้ที่สด ๆ ให้เราลองมองหาผักและผลไม้ที่เก็บไว้ได้นานครับ อย่างผักก็จำพวกฟักทอง กะหล่ำปลี หรือจะหัดปลูกถั่วงอกกินเองเลยก็ได้นะครับ ผลไม้ก็อย่างกล้วยน้ำว้าที่ยังห่าม ๆ พวกแตงโม เมล่อน แคนตาลูป หรือจะเป็นพวกแอปเปิล สาลี่ ก็เก็บไว้ได้นานเช่นกัน ภาพจาก Freepik.com เราคงได้เห็นกันแล้วใช่ไหมละครับ ว่าการเป็นโรคภัยไข้เจ็บนั้นส่งผลกระทบต่อทั้งตัวเราเองและคนอื่น ๆ มากมายแค่ไหน ต้องคอยวิตกกังวล ต้องออกไปกักตุนอาหาร อะไรต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเรา ก็ให้เรามองว่ามันเป็นลงทุนให้กับตัวเอง ซึ่งระยะยาวมันจะคุ้มค่าแน่นอน และถึงเวลานั้นเราก็จะรับรู้ได้เองว่า เราเป็นคนที่โชคดีแค่ไหนที่ไม่เจ็บไม่ป่วย พระท่านถึงได้บอกว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ นั่นเอง ภาพหน้าปกจาก Pixabay.com