สวัสดีค่ะ ทุกคนกลับมาพบกับ Diary Therapy กันอีกครั้งนะคะ ทุกวันนี้เราต่างเห็นการกลั่นแกล้งกันการว่ากันต่าง ๆ นานา หรือที่เรียกว่า Bully ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่พบเจอได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ผลของการ Bully กันส่งผลให้คนที่ถูกกระทำรู้สึกหดหู่ อับอาย ขาดความมั่นใจและอาจส่งผลให้กลายเป็นโรคซึมเศร้า สิ่งหนึ่งที่เราทำได้คือการปลูกฝังลูกตั้งแต่เด็ก ๆ ค่ะว่าไม่ควรว่าใครหรือเยาะเย้ยใครแต่หากจะให้เราพูดเฉย ๆ เด็ก ๆ อาจไม่เข้าใจหากเรามีภาพประกอบให้เห็นภาพมากขึ้นจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ โดยวันนี้มีหนังสือมาแนะนำเล่มหนึ่งคือเรื่อง “ล้อเพื่อนไม่ใช่เรื่องสนุกนะ” เขียนโดย “Melissa Higgins” แปลโดย “วารยา ศุภสิริ” จากสำนักพิมพ์ “วายเอฟ คัลเจอร์”ราคาเล่มละ 240 บาทค่ะตัวละครในเรื่องนี้ประกอบไปด้วยสัตว์นานาชนิด เป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อน ในขณะที่รถโรงเรียน อยู่ ๆ ก็มีคำพูดหนึ่งขึ้นมาคือ "อี๋ แหวะ เมื่อคืนมีหนูมานอนบนหัวเคลลี่รึไงนะ" แค่ประโยคนี้ผู้อ่านอย่างเราคงรู้สึกได้นะคะว่าหากเราเป็นคนที่ถูกกล่าวถึงจะรู้สึกอย่างไร เมื่อมีคนแรกเกริ่นเรื่องขึ้นมาคนที่สองที่สามก็ต่างพากันหัวเราะเยาะและเย้าแหย่ เคลลี่ อย่างสนุกสนาน จากภาพประกอบในหนังสือจะเห็นสีหน้าผ่านตัวละครอย่าง เคลลี่ แสดงถึงความเสียใจและรู้สึกอับอาย เหตุการณ์ที่เกิดไม่เพียงแค่การพูดเยาะเย้ยเท่านั้น ยังมีพฤติกรรมที่ไม่น่ารักของตัวละครคือเจ้าแซม แซมหยิบหวีพลาสติกสกปรกอันหนึ่งครูดที่ข้อมือของเคลลี่ และบอกให้เคลลี่เอาหวีสกปรกที่หยิบมาถังขยะ ไปหวีผม แถมยังเยาะเย้ยอีกว่าที่บ้านของแซมมีเยอะ เราจะเห็นว่า เคลลี่ ผู้ซึ่งถูกเพื่อน ๆ เยาะเย้ยและกลั่นแกล้ง ไม่รู้จะทำยังไงดี เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนแมลงตัวเล็กที่หน้าตาน่าเกลียด อ่านแล้วยิ่งทำให้สงสารเลยค่ะ สิ่งที่เราได้จากหนังสือคือการสอนให้ลูกได้เห็นถึงผลของการกลั่นแกล้งคนอื่น และในทางกลับกันหากลูกหลานของเล่นเป็นผู้ที่ถูกกระทำเราควรสอนให้เขารู้จักวิธีรับมือกับคนที่กลั่นแกล้งเราโดยไม่ใช้ความรุนแรง อีกทั้งเราควรสอบถามพูดคุยกับลูกให้เขาได้เล่าประสบการณ์ว่าตัวเขาเองได้เจอการถูกแกล้ง หรือเป็นฝ่ายที่แกล้งผู้อื่นหรือไม่ด้วยค่ะหากผู้ใหญ่อย่างเราตระหนักถึงปัญหาของการกลั่นแกล้งกันและรู้ถึงผลกระทบที่จะตามมาของการกลั่นแกล้งแล้ว เราเองต้องเริ่มจากการสอนให้ลูกหลานของเราได้รู้และตระหนักถึงการกระทำเหล่านี้ เด็ก ๆ ควรได้เรียนรู้ที่จะหักห้ามความคิดที่คิดว่าการล้อเพื่อเป็นเรื่องสนุก และเรียนรู้วิธีการรับมือจากการถูกกลั่นแกล้ง อย่าให้การกลั่นแกล้งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหารุนแรงที่จะตามมาในอนาคตนะคะ เราต้องสอนให้เด็กๆ เรียนรู้ว่าการกระทำเช่นใดที่เข้าข่ายการกลั่นแกล้งผู้อื่น หากทุกบ้านช่วยกันบอกสอนผู้เขียนเชื่อว่าปัญหาการกลั่นแกล้งกันคงจะลดลงได้ค่ะเป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะถูกใจทุกท่าน ใช้ช่วงปิดเทอมยาว ๆ อย่างนี้ให้มีคุณค่า และหวังว่าจะเป็นแนวทางให้ทุกคนใช้ในการเข้าใจและรู้จักวิธีการแก้ปัญหาเมื่อโดนกลั่นแกล้งนะคะ ไว้พบกันคราวหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรนั้น ขอฝากติดตามผลงานกันด้วยนะคะ สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนสวัสดีค่ะ ติดตามบทความอื่น ๆ ที่นี่ค่ะ : Diary Therapyสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค Diary Therapyเครดิตรูปภาพ :ภาพหน้าปก , ภาพประกอบที่ 1, ภาพประกอบที่ 3 โดย : ผู้เขียนภาพประกอบที่ 2 ขอบคุณรูปภาพจาก : Pixabay