หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินมาวว่าถ้าเราไปเล่นคลุกคลีกับมะหมาอาจจะทำให้ขนของมันเข้าปอดเราได้ แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งออกมาโต้แย้งว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เลย วันนี้เราเลยจะพามาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับคำถามที่ว่า "ตกลงแล้วขนของเจ้าตูบสามารถเข้าปอดเราได้จริงไหม?" ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนส่วนใหญ่จะคิดว่าขนของมะหมาสามารถเข้าปอดเราได้จริงๆ เพราะมีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือบางแห่งได้ให้ข้อมูลว่ามีคนเสียชีวิตจากการที่คลุกคลีกับมะหมามากเกินไปโดยตั้งข้อสงสัยว่าต้นเหตุมาจากขนของเจ้าตูบ ซึ่งข้อสันนิษฐานนี้ยังไม่แม้แต่ได้รับการพิสูจน์ด้วยซ้ำ แหล่งข่าวต้องการเพียงแค่พาดหัวข่าวเพื่อให้เป็นที่สนใจจากผู้คนเท่านั้นเอง ต่อมาข่าวเหล่านี้ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้หลายๆ คนหลงเชื่อไปแล้วว่าขนของเจ้าตูบนั้นเป็นภัยต่อคนเลี้ยง ข่าวนี้สร้างความเข้าใจผิดๆ และส่งผลกระทบต่อคนที่เลี้ยงเจ้าตูบไม่น้อยเพราะด้วยความวิตกกังวล กลัวว่าขนของมะหมาจะเป็นภัยต่อตนเอง อีกทั้งคนรอบข้างยังไม่สนับสนุนให้เลี้ยงมะหมาเพราะด้วยความห่วงใยว่าจะเกิดอันตรายต่อคนเลี้ยง เมื่อได้ยินข่าวนี้เจ้าของหลานคนก็ทำใจที่จะทิ้งเจ้าตูบไม่ลงเพราะด้วยความรักความผูกพันธ์ที่มีให้กัน และมะหมาก็เปรียบเหมือนส่วนหนึ่งของครอบครัวไปแล้ว แต่ก็มีเจ้าของจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีความรับผิดชอบมากพอ อาจจะเลี้ยงเจ้าตูบตามกระแสหรือไม่ได้มีนิสัยรักสัตว์จริงๆ ก็เลือกที่จะนำมะหมาไปปล่อยทิ้งปล่อยข้าวอย่างไม่มีเยื่อใยโดยใช้แหล่งข้อมูลผิดๆ มาแอบอ้างว่าขนมะหมาเป็นภัยต่อชีวิต แต่ต่อมาได้มีสื่อบางแห่งที่ให้ความสำคัญกับข่าวนี้จึงเริ่มสืบหาความจริงและนำเสนอข่าวที่ถูกต้องโดยสรุปได้ว่าความจริงแล้วขนของเจ้าตูบไม่ได้เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเลย ข้อเท็จจริงที่ได้มาจากบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งได้มีการออกมายืนยันแน่ชัดแล้วว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ขนของมะหมาจะเข้ามาในปอดของเราได้ และจากการที่ได้ตรวจร่างกายของผู้เสียชีวิตที่ได้มีการตั้งข้อสงสัยว่าเสียชีวิตจากขนเจ้าตูบ แพทย์ยืนยันว่าไม่พบขนของมะหมาในปอดของผู้เสียชีวิตเพราะความจริงแล้วกระบวนการหายใจมีขั้นตอนในการคัดกรองสิ่งแปลกปลอมค่อนข้างมาก จริงเป็นเรื่องยากทีเดียวที่ขนของเจ้าตูบจะเข้าไปยู่ในปอดของคุณ รู้แบบนี้แล้วก็คงจะช่วยลดความกังวลให้กับเจ้าของมะหมาทั้งหลายได้มากทีเดียว ถ้าคุณไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดว่าขนของมะหมาเป็นตัวการที่ทำให้เราต้องเสี่ยงอันตรายก็ช่วยกันแชร์บทความนี้ให้ใครหลายๆ คนรับรู้ทีนะ ขอบคุณภาพประกอบจาก unsplash : pic1 / pic2 / pic3