อื่นๆ

เรื่องเล่าของก้อง ปอบครูจันทร์

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรื่องเล่าของก้อง ปอบครูจันทร์

https://unsplash.com/photos/UgNjyPkphtU

เรื่องเล่าของก้อง
ปอบครูจันทร์

เรื่องเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ผมได้ยินมาแต่เด็กๆ ผมชื่อก้อง เป็นหลายชายคนสุดท้องในบ้านขณะนั้น ตอนนั้นผมเกิดและอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแถบชายแดนประเทศไทย เรียกได้ว่าเป็นดินแดนทุรกันดาน


ก้องอาศัยในครอบครัวใหญ่ มีตายาย ลุง ป้า น้า อา ปลูกบ้านเรือนติดๆ กัน หาเลี้ยงครอบครัวด้วยอาชีพทำนาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด ที่ดินของเรามีกว่า 40 ไร่ บางส่วนอยู่ติดกับผืนป่า ยังหักล้างถ่างหญ้าไม่หมด ต่างค่อย ๆ ทำมาหากินร่วมกันไป


ตอนผมเจ็ดขวบกว่า ได้เข้าเรียนในชั้นประถม 1 เดินจากบ้านไปโรงเรียนราว 1 กิโลเมตร มีเด็กรุ่น ๆ เดียวกันต่างเดินไปเดินกลับด้วยกันเป็นประจำ


ช่วงใกล้ปิดเทอมใหญ่ก่อนสงกรานต์มาถึง ครูประจำชั้นคนสวยที่ย้ายมาจากในเมือง จู่ ๆ ก็ล้มป่วยไม่รู้สาเหตุ ครูคนนี้ชื่อว่าจันทร์ ในสายตาของผมกับเพื่อน ๆ ตอนนั้น ดูแล้วครูจันทร์เป็นคนสวยกว่าใครในหมู่บ้านก็ว่าได้

Advertisement

Advertisement


ครูจันทร์ย้ายมาจากในเมือง แกมีอายุแค่ยี่สิบปีกว่า ย้ายมาได้เพียงห้าเดือนเศษ พวกผมสังเกตว่า จากหน้าตาผ่องใส ผิวขาวกว่าคนบ้านนอกอยู่ชนบท ในเวลาเพียงเดือนเดียว รูปร่างหน้าตาของครูจันทร์ก็เปลี่ยนแปลงไปฉับไว


แกค่อยๆ ซูบลง จากใบหน้ากลมสมบูรณ์ ก็เห็นโหนกแก้มชัด ใต้ตาดำคล้ำเหมือนคนอดนอนตลอดเวลา ที่เห็นได้ชัดคือผิวพรรณ กลับผอมราวกับไม่ได้กินข้าวกินปลา แขนขาผอมลีบ แถมสีผิวค่อยๆ คล้ำดูหม่นหมอง


ด้วยตอนนั้นมีครูประจำโรงเรียนเพียงสี่คน เพราะมีชั้นเรียนไม่เยอะ และเป็นโรงเรียนบ้านนอก เพื่อนครูได้พาครูจันทร์ไปหาหมอในอำเภอ แต่หมอก็เพียงวินิจฉัยว่าแกอ่อนเพลีย ให้แต่ยาบำรุง นานเข้าแกกลายเป็นคนเงียบขรึม จากครูคนสวยจากเมืองหลวง ดูไปดูมาบางครั้งก็เหมือนวัยกลางคน เวลาโพล้เพล้ บางคนถึงขั้นเห็นครูเป็นยายแก่ฟ่าฟาง


ก่อนปิดเทอมใหญ่ ครูท่านอื่นให้พวกเราที่เป็นนักเรียนห้องครูจันทร์ไปเยี่ยมแก เนื่องจากแกไม่ได้มาสอนหนังสือถึงหนึ่งสัปดาห์ ได้ข่าวว่าแกอ่อนเพลียหนัก บ้านพักครูเป็นบ้านเช่าหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้าน ติดกับวัดป่าประจำหมูบ้านไม่ไกลนัก

Advertisement

Advertisement


พวกเราเดินเท้าจากโรงเรียนหันเหทิศทางไปยังบ้านพักครูจันทร์ ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็น เพราะไปกันเป็นกลุ่ม เด็ก ๆ มัวแต่คุยเล่นหยอกล้อ กว่าจะไปถึงบ้านครูจันทร์ก็เป็นเวลากว่าห้าโมงเย็น


พอไปถึงบ้านยกสูงแบบโบราณ ที่เห็นกันทั่วไปในชนบท ตะวันอีกฟากก็เริ่มจะโพล้เพล้


"ครูจันทร์ครับ พวกผมมาเยี่ยมไข้ครู" ผมตะโกนเรียกที่หน้าบันไดทางขึ้นบ้าน


ทุกคนต่างยืนรอด้านล่าง เพื่อนบางคนที่เมื่อสักครู่ยังสนุกสนานกลับเงียบเสียงลง บรรยากาศตอนนั้นดูวังเวงขึ้น แต่แล้วทุกคนก็ได้ยินเสียงย้ำเท้าหนักๆ


"ตึง ตึง ตึง" เสียงนั้นดังมาจากบนบ้าน


"มาแล้วเหรอ ขึ้นมาสิ" มืออันเหี่ยวย้นข้างหนึ่งผลักประตูไม้เหนือบันไดออก หญิงชราผมดอกขาว สวมเสื้อคอกระเช้าสีหม่นปรากฎขึ้นในสายตา


เด็กทั้งหมดรู้สึกตกใจ ทุกคนต่างเบียดเสียดกันแน่น


"มึงขึ้นไป กูรอข้างล่าง" เสียงกระซิบผลักให้ผมเป็นตัวแทนขึ้นไปหาครู

Advertisement

Advertisement


"กูไม่กล้า" ผมรู้สึกปากสั่น


"มาเยี่ยมแม่หนูจันทร์เรอะ นอนอยู่ด้านในนั่น ขึ้นมาสิ" ยายแก่กวักมือเรียก ไม่มีใครกล้าสบตาแกด้วยซ้ำเพราะภาพที่เราเห็น หน้าตาแกคล้ายครูจันทร์มาก เสียงก็คล้ายคลึง แต่สภาพผอมแห้งในชุดยายแก่ชาวบ้านทำให้เด็กๆ กลัวสุดขีด


"กะ กลับพวกมึง" ผมที่กลั้นหายใจ ค่อยๆ ถอยหลังเดิน เพราะภาพที่เห็นคือยายคนนั้นไม่มีปลายเท้าเด็กทั้งหมดเริ่มสังเกตเห็น ต่างวิ่งกระเจิงกันไปหมด เสียงร้องระงมของเด็ก ๆ ดังไปทั่วหมู่บ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ต่างออกจากเรือนมารับ

Roadhttps://images.pexels.com/photos/831243/pexels-photo-831243.jpeg?cs=srgb&dl=pexels-831243.jpg&fm=jpg


คืนนั้นเองที่บ้านของก้อง ขณะที่เขาหลับคลุมโปรงเพราะยังตกใจไม่หายกับยายแก่ที่ไม่มีเท้า


"ก้อง ก้อง ก้องของครู" น้ำเสียงคุ้นเคยของครูจันทร์ ดังเข้าหูของเขา ก้องเปิดผ้าห่มลุกขึ้นยืนอย่างใจลอย เขาเห็นครูจันทร์ยืนอยู่นอกชานบ้าน ส่งยิ้มแสยะให้ พลางกวักมือเรียกให้ไปหา


ทันใดนั้น


"ก้องตื่น ไอ้ก้องเอ็งมีสติ" เสียงตบหลังดัง ตุ้บ ก้องรู้สึกตัวทันที


คืนนั้น คนในบ้านแทบไม่ได้นอน เพราะก้องมีอาการเพ้อ อยากจะไปบ้านครูจันทร์ให้ได้


เช้าวันรุ่งขึ้น แม่กับพ่อพาก้องไปรดน้ำมนต์ที่วัด บังเอิญว่าเด็ก ๆ กลุ่มที่ไปกับก้องต่างมีอาการเดียวกัน ได้ยินเสียงเรียกหา เป็นเสียงครูจันทร์ ดีที่เด็กในกลุ่มยังไม่มีใครขานรับ


หลังจากรดน้ำมนต์ที่วัดแล้วฝากเด็ก ๆ ไว้ที่บ้าน ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งก็เดินเท้าพร้อมมีดพร้าจอบเสียม ไปยังบ้านครูจันทร์ เวลาที่พวกเขาไปถึงก็ตรงกับช่วงเดียวกันที่เด็ก ๆ ไปหาคือเวลาโพล้เพล้


"นังจันทร์ เอ็งออกมา เอ็งเป็นผี" มีคนตะโกนเรียก


เสียงประตูเก่าสั่นระรัว ทันใดนั้นก็เปิดตึงออกทันที ทุกคนในกลุ่มต่างตกใจ ภาพที่เห็นในกลางบ้านมีร่างผอมแห้งดำคล้ำนอนอยู่ใต้คาน คนกลุ่มนี้ต่างเดินขึ้นเรือนด้วยใจระทึก บ้างกุมพระในคอแน่น


"นังจันทร์เหรอวะ ทำไมเป็นเช่นนี้" เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบกับร่างผอมบาง ผิวคล้ำ ไม่มีเนื้อหนัง ตาลุกโพรงมองขึ้นไปยังคานบ้าน สภาพแสนน่ากลัวจับใจ

https://images.pexels.com/photos/831243/pexels-photo-831243.jpeg?cs=srgb&dl=pexels-831243.jpg&fm=jpghttps://images.pexels.com/photos/831243/pexels-photo-831243.jpeg?cs=srgb&dl=pexels-831243.jpg&fm=jpg


คืนนั้นชาวบ้านตัดสินใจเผาร่างครูจันทร์ ให้มอดไหม้ไปกับตัวบ้าน เพราะมีหมอครูคนหนึ่งเล่าให้ทุกคนได้รู้ว่า ครูจันทร์เป็นปอบ แล้วปอบมันกินเนื้อหนังเครื่องในไปหมด ที่เห็นนอนอยู่ก็คือร่างปอบ


ก้องและเด็ก ๆ ยังหวาดกลัวไม่หาย บางคนยังนอนคลุมโปรงเป็นปี


หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีชายหนุ่มหน้าตาดีผู้หนึ่งมาตามหาครูจันทร์ พอเขารู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เศร้าสลด เขาเล่าให้กับชาวบ้านฟังว่า ครูจันทร์เคยเป็นเมียของเขา แต่มีช่วงหนึ่งเขาได้นอกใจครูจันทร์ไปมีเมียน้อย ครูจันทร์เสียใจมากจนเกิดเป็นความแค้นจึงหาหมอครูทำของใส่เขา แล้วหนีมาสอนหนังสือที่นี่ ตัวเขาพอหายจากอาการถูกทำของ ก็ติดตามครูจันทร์มาเพื่อปรับความเข้าใจ แต่ก็สายไปเสียแล้ว


ตอนที่อดีตสามีครูจันทร์นั่งรถออกจากหมู่บ้านนั้น ก็เป็นเวลาโพล้เพล้ มีคนมองเห็นว่ามีหญิงแก่ร่างผอมดำ ผิวติดกระดูกซ้อนท้ายชายหนุ่มคนนั้นออกไป


ก้องก็บังเอิญเห็นภาพนั้นพอดี ตาเหลือกเบิกกว้างตกตะลึง เมื่อร่างยายแก่คนนั้น หันกลับมาแสยะยิ้มให้


เป็นครูจันทร์



คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์