เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยิน หรือเคยเรียน สถานที่เรียนกวดวิชาที่มีชื่อว่า "kumon" แน่นอน ขนาดเราที่เป็นคนเขียนเรายังเรียนอยู่เลย เรียนตั้งแต่อนุบาลจนมาถึงตอนนี้จะขึ้น ม.5 อยู่แล้วก็ยังไม่จบสักที(เรียนคณิตก่อนนะ แต่พอขึ้นมาม.1ก็เลยเลิกเรียนโดยทันที เพราะอยากเรียนอังกฤษมากกว่า) เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า คุมองภาษาอังกฤษนั้น จะเริ่มตั้งแต่ ระดับ 7a ไปจนถึงระดับที่ยากที่สุดคือระดับ O (แอดเริ่มเรียนตั้งแต่ระดับ A ) ดังนั้นจึงไม่มีหนังสือ 7a-1a นะค่ะ(ขอโทษด้วยนะคะ) เรามาเริ่มดูกันเลย ระดับA เป็นระดับที่ง่ายมาก คำศัพท์ก็ง่ายมาก เพราะเป็นระดับที่ต่อจาก 1a แต่สำหรับเด็กเล็กอยากจะคิดว่ายากเพราะยังไม่ได้เรียน หรือได้เรียนแล้วแต่ยังไม่เข้าใจ ระดับ B นั้นเป็นระดับ conversation ง่ายๆ เป็นแบบ Present Simple ระดับ C ก็จะคล้ายกับระดับ B เลย ระดับ D มันก็คล้ายๆกัน แต่มันก็เริ่มมีบทสนทนามากขึ้น ระดับนี้เริ่มเรียน การใช้ What, Where, When, Why, Present Sim, Past Sim เป็นการใช้คำง่ายๆ มาเรียงประโยค ก็คล้ายๆกับระดับ E แต่มันจะแตกต่างอยู่ที่ว่า มันจะมีคำศัพท์ที่มากกว่าระดับ E การสอบก็ยากกว่า ระดับ G ก็จะเริ่มเรียนเป็นแบบ story ที่ทางคุมองแต่งมาแบบเรียนง่ายๆเพื่อเข้าใจต่อเนื้อเรื่องที่จะใช้ในระดับต่อไป ระดับ H เริ่มเรียนแบบเนื้อเรื่อง ที่ทางคุมองเอามาแล้วเอามาเปลี่ยนเอง เพื่อให้แบบเรียนง่ายๆ เข้าใจง่าย แต่ก็เริ่มยากมากขึ้นเรื่อยๆ ระดับ I เนี่ยหนังสือจะมาก บางเรื่องของระดับ I บางโรงเรียนเอามาทำเป็นหนังสือนอกเวลาก็มีนะ อย่างเช่นโรงเรียนของแอด พอไปสอบหนังสือนอกเวลาเนี่ยดันผ่านเฉย คือแบบงงมาก(ไม่ได้อ่านเลย เดาล้วนๆ) ระดับ J เริ่มยากขึ้น เพราะว่า เขาเริ่มจะเอาต้นฉบับมาละ แต่ก็เนื้อเรื่องง่ายๆพอเข้าใจ เด็กๆน่าจะชอบฟังก่อนนอนแน่นอนเลย เพราะมันเป็นนิทาน ระดับ K เนี่ยเริ่มจะมีประวัติเข้ามา มีการสอดแทรกการใช้ชีวิตของคนตะวันตกเข้ามา แต่ถ้าเรียนจบระดับนี้นะข้อสอบยากมากๆ ระดับ L เริ่มเอาต้นฉบับมาแต่ก็มาดัดเเปลงอยู่บ้างเล็กน้อย ระดับ M มีบางเรื่องเอาฉบับจริงมา แต่บางเรื่องก็มีการดัดแปลงนิดหน่อย ระดับ N ยากมากเลย กว่าจะผ่านเพราะมันเริ่มจะแบบที่ต้นฉบับจะสมบูรณ์ มีการดัดแปลงแบบไม่นิดเลย จะแบบแค่บางคำเท่านั้น ใครบอกว่าระดับ N ว่ายากแล้ว มันมีระดับที่ยากมากกว่านั้นคือระดับ O คือแบบยากมากแม่ มันจะยากไปไหน เพราะมันเป็นต้นฉบับล้วนๆไม่มีการดัดแปลงใดๆทั้งสิ้น เอาจริงเลยนะคุมองมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือ ได้ทำทุกวัน ฝึกทุกวัน จนเราคิดว่าเราทำได้แต่ก็ทำไปเรื่อยๆเพื่อตัวเราเอง ส่วนข้อเสียคือ เรื่องการแบ่งในช่วงสถานการณ์แบบนี้ คือเรียนแบบจำกัดเวลา พอหมดเวลาแล้วมันตัดรอบ เลยไม่ค่อยชอบกับการเรียนแบบนี้เลย ภาพหน้าปกโดย https://www.canva.com/join/vacation-kindle-crashingรูปโดยผู้เขียน