ในยุคนี้หลายคนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บสมัยนี้อยู่รอบตัว หากรู้เร็ว รู้ทัน จะสามารถดูแลรักษาได้ทันท่วงที โดยเฉพาะ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS ที่ย่อมาจาก Amyotrophic Lateral Sclerosis แม้แต่คนดังหลายคนอย่างโอ๋ ภัคจีรา , ซาร่า คาซิงกินี , กระแต นิภาพร หรือที่ผ่านมาดังที่เราทราบข่าวการจากไปของแม่ทุม ปทุมวดี เค้ามูลคดี ล้วนแต่เคยต่อสู้กับ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง จนไม่ใช่โรคที่ไกลตัว ทุกคนมีโอกาสเป็นได้ ขอพาไปทำความรู้จักกับโรคชนิดนี้ถึงวิธีดูแลป้องกัน และสังเกตอาการของโรคกันแบบภาษาเข้าใจง่าย ไร้ศัพท์วิชาการ เพื่อให้การดูแลตัวเองเป็นเรื่องเข้าใจง่ายของทุกคนสิ่งแรกที่ต้องรู้คือ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่ใช่โรคที่เกิดกับกล้ามเนื้อโดยตรง ตามข้อมูลของ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้คำจำกัดความว่าแท้จริงแล้วโรคชนิดนี้เป็นโรคทางระบบประสาทโดยตรง เป็นเพราะเซลล์ระบบประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อเสื่อมก่อนวัยอันควร เริ่มจากมีอาการอ่อนแรงที่จะเริ่มเกิดจากแขน หรือขาข้างใดข้างหนึ่ง ค่อย ๆ ลุกลามไปกล้ามเนื้อในส่วนที่ควบคุมการกลืนอาหาร ระบบหายใจ ทำให้พูด , ทานอาหาร , หายใจเองไม่ได้ไปสู่อาการอัมพาตแขนขาลีบ ใน 1 แสนคนจะมีคนป่วยโรคนี้ 4-6 คน ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในช่วงอายุ 40-60 ปี ผู้ชายมีโอกาสเป็นมากกว่า หลังเกิดอาการส่วนใหญ่จะเสียชีวิตใน 3-4 ปี แต้ถ้ารักษาได้ทันเวลา-ถูกวิธี จะอยู่ได้ถึง 10 ปี แต่ต้องกินยาไปตลอด และใจปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด หากจำได้เคยมีกิจกรรม Ice Bucket Challenge ที่เอาน้ำเย็นจัดมาราดตัว เป็นแคมเปญระดมเงินบริจาคช่วยเหลือ และให้ทุกคนเห็นความสำคัญของโรคนี้แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร? คำถามที่ทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้ต้องอยากรู้ ศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลวิภาวดี ได้ให้ความรู้กับเราว่าโรคนี้เกิดจากหลายสาเหตุเช่นทางทางพันธุกรรม , สิ่งปนเปื้อนจากสารพิษในอาหารเช่นยาฆ่าแมลง , การรับรังสี หรือเชื้อไวรัสบางชนิดที่ไปส่งผลกระทบให้เซลล์ประสาททำงานผิดปกติ เมื่อรวมกับการเสื่อมของเซลล์ตามธรรมชาติทำให้คนอายุ 40-60 ปี มีอาการป่วยอย่างเด่นชัดขึ้น แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ไม่ทราบชัดเจนว่าอะไรที่เป็นต้นตอสาเหตุหลักของมัน แต่จากที่กล่าวมาการป้องกันด้วยการลดสารพิษจากอาหารเป็นสิ่งที่ควรทำนะ เพราะส่งผลดีกับสุขภาพของเราโดยรวมด้วย สรุปก็คือเราไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิด โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS ได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่สามารถ ลดปัจจัย ควบคุมปริมาณสารพิษของอาหารที่เราทานทุกวัน และสร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ปลอดภัยจากมลพิษ ทำให้เรามีความเสี่ยงน้อยลง รวมถึงออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้เยอะเลยมาถึงเรื่องสำคัญ วิธีสังเกตอาการ เริ่มต้นจากเริ่มมีอาการแขน หรือขาข้างใดข้างหนึ่งชา จนลุกลามไปทั้ง 2 ข้าง ถ้าปล่อยไว้นานจะส่งผลให้เสียงแข็ง พูดไม่ชัด จนสู่แขนขาลีบ ทานอาหารหายใจเองไม่ได้ดังที่กล่าวมา เพราะฉะนั้นถ้าเริ่มมีอาการชาที่แขน และขา ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยอาการ และประคับประคองรักษาลดการลุกลามให้ช้าที่สุดตัวเราเองอาจไม่มีปัญหา แต่ญาติผู้ใหญ่ในบ้านบางทีอาจเป็นแล้วไม่กล้าบอกลูกหลาน จึงเป็นหน้าที่ของเรา ต้องสังเกตอาการ เริ่มจากให้ยกมือทั้งสองข้างเหนือศีรษะ , ให้กำมือทั้ง 2 ข้าง , ให้กางแขนออกเป็นรูปตัว T ถ้าเริ่มมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงจะไม่สามารถชูมือได้เหนือศีรษะ ไม่สามารถกำมือได้สนิท และแขนตกกางออกเป็นตัว T ไม่ได้ ให้สันนิษฐานว่า เริ่มมีอาการ ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันทีจะเห็นได้ว่าโรคนี้แม้จะดูรุนแรง แต่ถ้าเราเข้ารับการรักษาได้ทันหลังจากที่พบอาการ จะช่วยให้ตัวเราเอง และคนที่เรารัก สามารถมีชีวิตยืนยาวอยู่กับเราได้อีกนาน อัปเดตข่าวสาร เรื่องราวสาระน่ารู้ของการดูแลสุขภาพได้ที่ cities.trueid.net/health และวันหน้ามาติดตามเรื่องราวดี ๆ แบบนี้กันได้อีกครับ..อ้างอิงข้อมูลจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข : pr.moph.go.thศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลวิภาวดี : vibhavadi.comโรงพยาบาลราชวิถี : rajavithi.go.thภาพประกอบโดย ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 1,2,3