กระเจี๊ยบเขียวนั่นไม่ได้มีแค่ดีตรงที่รสชาติอร่อยหวานกรอบ รับประทานง่าย ไม่มีรสขม เท่านั่น แต่ยังมีประโยชน์และสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จะมีประโยชน์ด้านไหนบ้างผู้เขียนจะอธิบายให้ฟังกันนะครับ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักของลักษณะทางกายภาพของต้นกระเจี๊ยบกันก่อนดีกว่า กระเจี๊ยบเขียว เป็นพืชล้มลุก จะมีการเจริญเติบโตได้ดีในเขตอากาศกึ่งร้อน คือมีอุณหภูมิประมาณระหว่าง 18 – 35 องศาเซลเซียสเป็นพืชที่สามารถนำมาเป็นสมุนไพรได้ ในประเทศไทยนั้นพื้นที่ที่มีการปลูกกระเจี๊ยบมากส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง มีหลายจังหวัด ได้แก่ นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสาคร พิจิตร กาญจนบุรี ราชบุรี ระยอง นครนายก เป็นต้น ลักษณะของลำต้นและใบ : ตามลำต้นของกระเจี๊ยบนั่นมีขนหยาบและมีความสูงประมาณ 1–2 เมตร ลำต้นและกิ่งก้านมีสีเขียว แต่บางครั้งก็มีจุดประม่วง ตามลำต้นจะมีขนอ่อนหยาบ ๆ ขึ้นปกคลุม เช่นเดียวกับใบและผลส่วนใบเป็นใบเดี่ยว คล้ายฝ่ามือเรียงสลับกัน และมีขนหยาบ ปลายใบหยักแหลม โคนใบเว้าเป็นรูปหัวใจ มีเส้นใบออกจากโคนใบ 3-7 เส้น ใบมีขนหยาบ ก้านใบจะมีความยาว ลักษณะของดอก : ดอกมีสีเหลือง ที่โคนกลีบด้านในมีสีม่วงออกแดง ออกตามซอกใบ ก้านชูเรณูรวมกันเป็นลักษณะคล้ายหลอดและเรียงเป็นวงรอบโคนกลีบเลี้ยง กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ และกลีบดอก 5 กลีบ ลักษณะของผลหรือฝัก : ฝักคล้ายนิ้วมือผู้หญิง ตามฝักมีขนอ่อน ๆ ทั่วฝัก มีสันเป็นเหลี่ยมตามยาว 5 เหลี่ยม ฝักกระเจี๊ยบเขียวมีทรงยาวสีเขียว ฝักอ่อนมีรสชาติหวาน กรอบอร่อย ส่วนฝักแก่จะมีเนื้อเหนียวไม่นิยมนำมารับประทาน ประโยชน์ของกระเจี๊ยบเขียว : ฝักอ่อนหรือผลอ่อนใช้เป็นผักจิ้มรับประทาน โดยนำมาต้มให้สุกหรือย่างไฟก่อน หรือนำมาใช้ทำแกงต่าง ๆ เช่น แกงส้ม แกงเลียง แกงจืด ใช้ใส่ในยำต่าง ๆ สรรพคุณของกระเจี๊ยบเขียว : กระเจี๊ยบเป็นพืชที่มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและการอักเสบของลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบเขียวนั้นมีสารเมือกจำพวกเพกทิน , เมือก (mucilage) ซึ่งเกิดจากสารประกอบ acetylated acidic polysaccharide และกรดกาแลทูโลนิก (galactulonic acid) และกัม (gum) ยังสามารถช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ไม่ให้ลุกลาม รักษาความดันให้เป็นปกติ เป็นยาบำรุงสมอง มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ได้อีกด้วย ดังนั่นสำหรับผู้อ่านหลาย ๆ ท่าน ที่ได้อ่านบทความนี้แล้วอย่าลืมหากระเจี๊ยบเขียวมาทานกันนะครับ เพราะผู้เขียนคิดว่ามีประโยชน์และสรรพคุณมากมายต่อสุขภาพร่างกายของคนเรานั่นเองและหวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับผู้อ่านหลาย ๆ ท่านนะครับ -ภาพประกอบการเขียนบทความทั้งหมด โดย ผู้เขียน ดินสอระบายสี-