ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชม "บ้านคำปุน" บ้านทรงไทยอีสานประยุกต์บนพื้นที่ 8 ไร่ ของอาจารย์เถ่า คุณมีชัย แต้สุจริยา เจ้าของบ้านคำปุน ทายาทผู้สืบสานวัฒนธรรมจากยอดฝีมือปราชญ์ทอผ้า คุณแม่คำปุน ศรีใส ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ พ.ศ. 2561 และครูศิลป์ของแผ่นดิน พ.ศ. 2553 โดยบ้านคำปุนแห่งนี้ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางวัฒนธรรมการทอผ้าไหม อันเป็นโรงงานทอผ้าแห่งแรกและแห่งเดียวของอุบลราชธานีที่ผลิตผ้าทอมาหลายทศวรรษ โดยสืบทอดเชื้อสายจากตระกูลจิตตะยโศธร บ้านคำปุนถือเป็นแหล่งผลิตงานหัตถศิลป์ผ้าทอมือและแหล่งอนุรักษ์ศิลปะพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอุบลราชธานี และที่สำคัญจะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวได้เข้าชมแค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น (3 วัน) ในช่วงเทศกาลวันเข้าพรรษาที่นักท่องเที่ยวทั่วสารทิศต่างหลั่งไหลเดินทางมาเที่ยวงานประเพณีแห่เทียนพรรษาที่จังหวัดอุบลราชธานี ที่นี่จึงได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมด้วย แต่หากพลาดโอกาสครั้งนี้ต้องรอไปอีกถึง 1 ปี เลยทีเดียวการเดินทางไปบ้านคำปุนที่ตั้งอยู่เลขที่ 331 ถนนวารินฯ-ศรีสะเกษ (หมายเลข 226) อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี หากเดินทางมาจากจังหวัดศรีสะเกษให้ตรงเข้าอำเภอวารินชำราบ ก่อนถึงโรงพยาบาลวารินชำราบ จุดหมายจะอยู่ทางซ้ายมือติดริมถนนหมายเลข 226 สำหรับการเข้าชมบ้านคำปุน มีการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมคนละ 100 บาท ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะนำไปมอบเป็นทุนการศึกษาและอาหารกลางวันให้กับนักเรียน รวมทั้งนำไปบำรุงพุทธศาสนสถานตามความเหมาะสม ซึ่งภายในบ้านคำปุน ประกอบด้วยโรงเรือนทอผ้า 4 หลัง ได้แก่ เรือนสาธิตการทอ ห้องจัดแสดงนิทรรศการ โรงย้อม และที่พักอาศัยของคุณมีชัยอยู่ภายในด้วยเช่นกัน ส่วนบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าใช้ในการจัดการแสดงเปิดบ้านคำปุนประจำเทศกาลเข้าพรรษาของทุกปี และผู้เขียนก็ไม่พลาดชมการแสดงในครั้งนี้ กับการแสดงฟ้อนเล็บประกอบจังหวะเสียงฆ้องและกลองที่หาชมได้ยากในปัจจุบันนอกจากนี้บ้านคำปุนยังมีชื่อเสียงในการผลิต "ผ้ากาบบัว" ซึ่งเป็นผ้าเอกลักษณ์ประจำจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เมื่อปี 2555 อีกด้วย สำหรับความน่าสนใจของบ้านคำปุนที่พบเห็นตั้งแต่ทางเข้า คือ การประดับตกตแต่งสถานที่เรือนไทยในสไตล์ล้านนาที่งดงาม มีจุดถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวได้ภาพสวยๆ เช่น การนำตุง คือธงแขวนแบบหนึ่งในศิลปะล้านนาที่มักพบเห็นได้ในภาคเหนือของประเทศไทยมาประดับตามบ้านเรือน และการนำร่มล้านนาสีสันสวยงามมาตกแต่ง ยิ่งทำให้บรรยากาศภายในบ้านคำปุนมีความรู้สึกเหมือนเราไปเยือนถึงถิ่นล้านนาหลังจากนั้นผู้เขียนได้เข้าไปชมโรงเรือนการผลิตผ้าไหมด้วยกี่ทอมือตามแบบโบราณ นับตั้งแต่การเตรียมเส้นไหมจนถึงการย้อมสีและการทอ เป็นผ้าไหมมัดหมี่ทอผสมเทคนิคจก ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเดียวในประเทศไทย อีกทั้งได้ชมกระบวนการเลี้ยงตัวหนอนดักแด้ด้วยใบหม่อนตั้งแต่เล็กจนโต จนได้เส้นไหมมาผลิตเป็นผ้าไหมที่สวยงามในระหว่างเดินชมบรรยากาศที่สวยงามและร่มรืนของบ้านคำปุนที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมกันมากมายในครั้งนี้ ทุกคนยังได้ฟังเสียงบรรเลงดนตรีไทยที่คลุกเคล้ากับบรรยากาศวิถีไทย จากชมรมอุบลรักดนตรีไทยที่บรรเลงให้เราฟังตลอดเวลา โดยมีคุณตาร้องขับกล่อมเสียงเพลงอันไพเราะและสิ่งที่เด็กๆ ชอบมากที่สุด รวมทั้งผู้ใหญ่คงสนุกไปด้วยเช่นกัน นั่นคือการหล่อเทียน โดยการนำมะละกอที่ผ่าครึ่งไปจุ่มลงในน้ำเทียนที่ต้มร้อน แล้วนำไปจุ่มลงในน้ำเย็น รอสักครู่ก็จะได้เป็นเทียนรูปทรงเหมือนกลีบดอกไม้ที่สวยงามในปีนี้ผู้เขียนได้ทราบข่าวที่ยืนยันข้อมูลแล้วว่า จังหวัดอุบลราชธานีได้กำหนดการจัดประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2563 ระหว่างวันที่ 3-7 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ณ บริเวณมณฑลพิธีทุ่งศรีเมือง ภายใต้ชื่องาน "อนุรักษ์เทียนพรรษา มุทิตาหลวงปู่มั่น" โดยมีมาตรการทิ้งระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยครั้งนี้จะมีการงดขบวนแห่เทียน แต่ยังคงมีการจัดกิจกรรมแสดงต้นเทียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในประเภทต่างๆ และเทียนโบราณ พร้อมชมนิทรรศการหลวงปู่มั่นและนิทรรศการพุทธศาสนา ถนนสายเทียนท่ามกลางสวนไม้ดอกและไม้ประดับ และกิจกรรมชุมชนคนทำเทียนซึ่งตอนนี้คงต้องรอติดตามข่าวจากบ้านคำปุนอีกครั้ง ซึ่งยังไม่ได้กำหนดวันเปิดงานบ้านคำปุน ประจำปี 2563 ครั้งนี้ออกมา ส่วนหากใครที่ผ่านไปทางบ้านคำปุนในตอนนี้ ยังมี "คำปุน มิวเซียม คาเฟ่" ที่เปิดต้อนรับทุกคนได้มาสัมผัสรสชาดของกาแฟสดและเบเกอร์รี่ รวมถึงสินค้าที่ระลึกที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านคำปุนไว้คอยบริการ และ "พิพิธภัณฑ์คำปุน" ซึ่งอยู่ติดกันกับบ้านคำปุนแห่งนี้ ยังคงเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.📝 เรื่องและภาพโดยผู้เขียน