มุลาอิ หรือมอลาอิ หรือมอเลาะอิ (ไม่รู้จริงๆๆ ว่าต้องออกเสียงไหนที่ถูกต้องนะครับ) เป็นขุนเขาแห่งศรัทธา ที่ชาวกระเหรี่ยงนับถือเป็นอย่างมาก อยู่ในประเทศพม่า ที่มีเส้นพระเกศาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ในพระเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังมีธรรมชาติที่ยังคงความงดงามอันเรียบง่าย มีขนมธรรมเนียม และวัฒนธรรมที่ยังคงรักษากันไว้คู่บ้านคู่เมืองของเขาอยู่ มีคุณค่า ความเชื่อคงเหลืออยู่ ในดินแดนพม่าที่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญก็ตามที พร้อมยังมีลักษณะที่มีขุนเขาที่สลับซับซ้อน เป็นทิวแถว มีกลิ่นอาย และความศรัทธาของพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ที่น่าไปสัมผัสเป็นอย่างมาก เพราะผมไปมาแล้ว พบว่าไม่ควรพลาดเลยที่จะมาสัมผัสกับอากาศ วัฒนธรรม และความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ ส่วนผมนั้นบอกได้เลยว่า เป็นสถานที่สวยงามจริง ๆ เพราะความงดงามของมุลาอิ (มุลาอิ) นั้น เป็นดินแดนขุนเขาแห่งศรัทธา มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 2,078 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตการปกครองของกะเหรี่ยงพุทธ ส่วนอากาศที่ตรงจุดกางเต้นท์นั้น ตอนเย็นจนถึงรุ่งเช้า จะหนาวเย็นตลอดทั้งปี (ถ้าไม่ใช่ช่วงหน้าฝน จะมีหมอกไม่มากเท่าที่ควร ถ้าปลายฝนต้นหนาว จะมีหมอกที่สวยงามน่ามองอย่างมาก) การเดินทางไปยังเจดีย์มุลาอิ : สามารถเลือกเส้นทางได้ข้ามฝั่งจากไทยได้หลายหมู่ล้าน เช่น เดินทางจากฝั่งชายแดนไทยที่ บ้านมอเกอไทย ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก หรือจะเป็นทางหมื่นฤาชัยก็ได้ หรือจะเข้าทางบ้านยะพอก็ได้ สามารถข้ามไปฝั่งพม่าได้หลายทางครับผม โดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ต โดยทางรัฐกะเหรี่ยง DKBA จะอนุโลมให้ชาวไทย เดินทางเข้าไปสักการะพระธาตุเจดีย์บนภูเขาลูกนี้ได้ (การเดินทางไปแสวงบุญ) ข้อควรปฏิบัติ : - ไม่นำเนื้อสัตย์เข้ามาในพื้นที่พระเจดีย์ หรือให้ทานอาหารเจ เฉพาะบนเขาเท่านั้น ไม่ทานเนื้อสัตว์ ไม่ดื่มของมึนเมา - ผู้หญิงต้องมีผ้าถุงสวม ตอนขึ้นไปสักการะยอดเจดีย์ (สำหรับผู้หญิง) - ห้ามหญิงมีประจำเดือนขึ้นไหว้ที่พระเจดีย์ - ห้ามผู้หญิงตักน้ำ หรือสัมผัสน้ำที่บ่อน้ำที่ฐานมุลาอิ - ผู้หญิงขึ้นได้แค่พระธาตุรองเท่านั้น - นั่งรถขึ้นฐานมุลาอิ มีฝุ่นค่อนข้างมาก ต้องเตรียมผ้าปิดจมูก และหน้ากากกันพอสมควร - อากาศแต่ละช่วงไม่เหมือนกัน ควรเตรียมเสื้อกันหนาว เต้นท์ และถุงนอนให้พร้อม การเดินทาง : ผมเริ่มต้นเดินทางจาก กรุงเทพฯ โดยรถตู้ VIP เวลาประมาณ 21.00 น. มุ่งหน้าสู่ อ.พบพระ จ.ตาก (เป็นจังหวัดบ้านเกิดของผมเองครับผม) ขับกันมาเรื่อยๆๆ ไม่รีบร้อน อะไรมากมายครับผม แวะพักตามปั้มน้ำมันทั่วไป เพื่อเปลี่ยนอริยาบทกันครับผม เพราะถึงอย่างไร ก็ต้องถึง ร้านข้าวราดแกงที่ อ.พบพระ ประมาณ 05.30 น. โดยประมาณอยู่แล้วครับ เพราะผมได้จองข้าวร้านนี้ (คุณใหม่เจ้าของร้าน สวยและใจดี) ให้กับพวกเราชาวเดินทางกันไว้อยู่แล้วครับผม ใครทานอาหารเสร็จแล้ว ก็เตรียมเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยกันเลยนะครับ พร้อมเปลี่ยนชุดสำหรับเดินทางกันได้เลยครับผม เราให้รถกระบะ 4x4 มารับกันที่นี่เลย เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และขนของกันเลยครับผม ทานอาหารกันให้เรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมสำหรับข้ามแดนสิครับ เพราะการข้ามแดนนั้น ข้ามได้หลายที่ครับผม เตรียนตัวเดินทางขึ้นรถกันเลยครับผม ระยะทางนั่งรถจากชายแดนไปยังฐานเจดีย์มุลาอินั้น มีระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร นั่งกันไปก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว น้ำลึกพอสมควรครับผม ครั้งนี้ข้ามทางด้านหมู่บ้านมอเกอไทย....ก็จะได้บรรยากาศประมาณนี้ครับผม เมื่อข้ามแดนมาได้สักพัก ก็จะได้ลงมายึดเส้นยึดสายกันนิดหนึ่ง แวะมีสิ่งของเล็กๆๆ น้อยๆๆ ให้เด็กระหว่างทางให้ระหว่างทางที่พบเจอครับผม ณ บ้านตะนอทะ......ครึ่งทางแล้วครับผม จอดรถแวะเข้าห้องน้ำห้องท่ากันให้เรียบร้อย เสร็จแล้วค่อยพร้อมลุยต่อครับผม และจุดนี้ก็เป็นจุดที่ควรแวะทานอาหารกันให้เรียบร้อย หากอาหารมื้อนั้นมีเนื้อสัตว์อยู่ด้วย เพราะเป็นขนมธรรมเนียมประเพณีของหมู่บ้านว่า ต่อจากหมู่บ้านนี้ไปแล้ว จะไม่ทานเนื้อสัตว์กัน จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำ หรือบอกกล่าว... เก็บภาพประทับใจกันสักเล็กน้อย เก็บภาพกันอีกแล้วครับผม เมื่อรถกระบะมาถึงยังฐานเจดีย์แล้ว ก็เตรียมแบกของไปยังจุดกางเต้นท์กัน เพื่อใช้ทำเป็นอาหารเที่ยง อาหารเย็น และอาหารเช้ากัน เมื่อถึงจุดกางเต้นท์ ก็หาที่เหมาะๆๆ กางเต้นท์ หรือแคมป์กันเลยครับผม เมื่อกางเต้นเสร็จแล้วก็พักผ่อนตามความสะดวกกันเลยครับ ใครจะไปถ่ายรูปเล่น หรือชื่นชมความงามของธรรมชาติ ของขุนเขาที่งามสดชื่นกัน หรือจะเดินทางไปไหวพระเจดีย์กันก็ได้บรรยากาศ ณ จุดกางเต้นท์ บรรยากาศ ณ จุดกางเต้นท์ บรรยากาศ ณ เจดีย์ เมื่อทุกๆๆ ท่าน ไปเดินเล่นถ่ายภาพ หรือไปสักการะพระธาตุกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาอาหารเย็นครับผม เพราะผมจะนัดให้ทุกๆๆ ท่าน มาร่วมรับประทานอาหารโดยพร้อมเพรียงกันในเวลา 17.30 น. โดยอาหารเจที่ผมทำให้ลูกทริปทานนั้น ก็จะเป็นอาหารง่ายๆๆ ไม่ยุ่งยากอะไรมากมายครับ เป็นอาหารที่จัดให้ลูกทริป ประมาณสัก 3-4 อย่าง ทานกันให้เต็มที่ อาหารเจ ณ วันนี้ ตื่นเช้ามาก็ชื่นชมบรรยากาศตอนเช้ากัน แล้วก็ทานอาหารกัน สายหน่อยเราก็ช่วยกันเก็บเต้นท์ เก็บของ เก็บขยะ และแบกเป้ขึ้นบ่า เดินลงมาแล้วขึ้นรถกลับกระบะ เพื่อกลับไปยังที่เดิมที่เรามา เพื่อที่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับกรุงเทพกัน การเดินทางไปสถานที่แห่งนี้นั้น จะง่ายก็ถือว่าง่ายในเรื่องการเดินทางด้วยเท้าจาก จุดรถจอดรับส่งที่ฐานมุลาอิ เพราะใช้ระยะทางประมาณ 1.50 กม. เพื่อไปยังจุดกางเต้นท์ ใช้ระยะเวลาเดินไม่นาน และไม่สูงชันมากมายนัก แต่ถ้าจะคิดว่าเหนื่อยและยาก ก็คงเป็นในเรื่องของการนั่งรถกระบะ 4x4 เดินทางไปยังฐานเจดีย์ละครับ เพราะระยะทางไกล และค่อนข้างอันตราย ถ้าหากไม่มีความชำนาญอาจเกิดอันตรายได้ ถ้าใครอยากจะไปสัมผัสธรรมชาติใกล้บ้านเราแล้ว ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดสถานที่ดังกล่าวอย่างแน่นอน ลองไปศึกษาข้อมูลนี้ได้ที่เพจนี้นะครับ เพจวิถีเป้ ตามได้ที่ https://www.facebook.com/Viteepae/ มีทริปจัดราคาไม่แพงเป็นกันเอง